ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1450 ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1450 ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
คณาธิปมองเพียงครู่เเดียว และในฉับพลัน คิ้วของเขาก็ขมวดกันแน่น
“เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเหรอ?”
“……”
เดิมทีก็ไม่อยากตอบคำถามนี้
ผู้หญิงคนนี้ มีรอยฟกช้ำหนาที่บริเวณเบ้าตา จึงเหลือบมองไปทางอื่น
“พี่ธิป น้องอยากกลับไป”
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
คณาธิปรออยู่ตั้งนาน เห็นคำพูดที่พาให้คนผิดหวังประโยคนี้ ฉับพลัน เขาก็โกรธเล็กน้อยแต่เช้าแล้ว
“กลับไปเหรอ? พิมแสง เธอช่วยหยิ่งในศักดิ์ศรีหน่อยได้ไหม? เธอยังจะกลับไปทำไมอีก? ในที่แบบนั้นน่ะ อยากจะให้พวกเขาทรมานเธอให้ตายทั้งเป็นเลยรึไง?”
หาได้ยากที่เขาจะพูดตะคอกใส่เธอ
แต่พิมแสงกลับสีหน้าซีดขาว ยังคงยืนกรานทั้งๆที่เบ้าตาแดงอยู่เหมือนเดิม
“แต่ว่า ลูกในท้องของน้องเป็นตระกูลของพวกเขา และพ่อของลูกก็อยู่ที่นั่น น้องถึงต้องกลับไปยังไงล่ะ”
“เธอ—”
คณาธิปโมโหจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
แต่สุดท้าย เขาก็ไม่มีหนทางอื่น เมื่อคนๆนี้ตัดสินใจแล้ว และเขาที่เป็นเพื่อนคนหนึ่ง จะบังคับเธอให้อยู่ต่อได้ยังไงกัน?
คณาธิปออกไปแล้ว
ส่วนเชียนหยวนล๋ายเย่กลับมา หลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้เเล้ว ก็สาระวนอยู่กับงานในห้องครัวไปด้วย ลังเลใจไปด้วยพักหนึ่ง จึงมองไปทางพี่สาวที่ช่วยอยู่ในห้องครัว
“พี่พิมแสง พี่จะกลับไปจริงๆเหรอคะ? เมื่อวานได้ยินสามีบอกว่า ทางนั้นปฎิบัติต่อพี่ไม่ดีเลย พี่……อย่ากลับไปได้ไหมคะ?”
เธอพูดๆอยู่ ยังขอร้องอ้อนวอนอีกด้วย เพราะว่ากังวลใจมากเกินไป
พิมแสงกำลังตีซุปไข่อยู่ ในที่สุดก็เอียงศรีษะ มองไปทางเธออย่างจริงจังเสียที
ใบหน้าที่หน้ารักมาก
หน้าตาของสาวน้อยคนนี้ ก็ไม่ได้สะสวยขนาดนั้น แต่ว่าเธอสวยหวานหน้าตาจิ้มลิ้ม และดวงตากลมโตที่แวววาวสดใส ใสสะอาดประดุจดั่งน้ำพุที่หอมหวานในทะเลทราย
สะอาดสะอ้านจนไม่มีสิ่งเจือปนเลยแม้แต่น้อย
ที่แท้ เขาไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนอื่นเข้าไปไม่ได้ แต่เป็นเพราะไม่เจอคนที่เหมาะสมกันต่างหาก ใช่ไหมล่ะ?
พิมแสงละสายตากลับ
“หนูเย่ เธอบอกพี่หน่อยได้ไหมว่า ทำไมเธอถึงประทับใจในตัวพี่ธิปของพี่เหรอ? แต่ก่อนเขาเป็นคนช่างมีทิฐิสูงมากเชียวนะ”
“หา?”
เชียนหยวนล๋ายเย่ที่กำลังรออยู่ ฉับพลัน จู่ๆเธอก็หน้าเเดง พอได้ยินพี่สาวเอ่ยถึงเรื่องนี้เข้า
“น้อง…..น้องก็ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ก็แค่รอเขาอย่างอดทน”
“รอเขาเหรอ?”
ตะเกียบที่พิมแสงถืออยู่ก็หยุดชะงักอยู่ตรงนั้นไปพักหนึ่งอีก
เด็กสาวพยักหน้าเอ่ยว่า :ใช่ละ น้องรู้ว่าสามีเขาได้รับความลำบากมามาก ความลำบากนั้น ทำให้เขาไม่เชื่อใครอีกเลย และเขาปิดล้อมตัวเองให้อยู่อีกโลกที่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง ดังนั้น น้องจึงทำได้แค่รอเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่สุดท้าย ยังดีที่น้องรอจนถึงวันนี้ได้”
เด็กสาวคนนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าพี่สาวที่อยู่ตรงหน้า มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสามี และก็เป็นเพื่อนรักที่ดีที่สุดกับลูกพี่ลูกน้องอีกด้วย
ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ปิดปัง
จนพิมแสงตกตะลึงไปเลย!
เธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ย้ำคำพูดของสาวน้อยคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในหู
เพราะว่าลำบากมากไป ดังนั้น เขาถึงไม่เชื่อใครอีกเลย
ส่วนพิมเเสงเอง ก็นึกไม่ถึงว่าจะมองไม่เห็นปัญหาที่ทนโท่นี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กลับกันเธอเป็นเช่นเดียวกับตัวเขา ที่คิดว่าชั่วชีวิตนี้ นอกจากเส้นหมี่แล้ว ก็จะไม่มีคนอื่นอีก
พิมแสงกลับไปตระกูลโรแกนอีกครั้ง
วันแรกของปีใหม่ ตระกูลโรแกนที่แสนจะเย็นชา หลังจากที่ถูกแสนรักสร้างความวุ่นวายในวันขึ้นปีใหม่ ตกค่ำคณาธิปก็มาตะโกนด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยวเป็นชุดอีก
ภายในบ้านหลังนี้ ก็ยิ่งไม่มีบรรยากาศคึกคักเพิ่มขึ้นไปอีก เธอเข้ามาแล้ว เดินรอบทั่ววิลล่า ก็ไม่เห็นแม้แต่คนๆเดียว ดังนั้นอากาศในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า จึงหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
“คุณ……คุณกลับมาแล้วเหรอคะ? เมื่อคืนคุณนายไปโรงพยาบาลแล้ว คุณหนูใหญ่และคุณชายใหญ่พวกเขาก็ไปกันหมดแล้วล่ะค่ะ”
ในที่สุดคนรับใช้คนหนึ่งก็มาแล้วเสียที หลังจากที่พบเธอแล้ว จึงเอ่ยอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
แม่สามียังนอนโรงพยาบาลแล้วด้วยเหรอ?
พิมแสงฟังแล้ว สีหน้าจึงเปลี่ยนไป และออกไปอีกทันที เตรียมจะไปโรงพยาบาล
แต่ในตอนนี้ คนรับใช้ที่อยู่ด้านหลังเอ่ยปากอีกว่า : คุณพิมแสงค่ะ คุณนายเคยสั่งไว้ว่า หากว่าคุณกลับมาแล้ว ไม่ต้องไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาล ท่านไม่อยากพบคุณค่ะ”
“……”
พอเอ่ยประโยคแบบนี้แล้ว ฝีเท้าของเธอก็หยุดชะงักอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง
สุดท้าย พิมแสงจึงทำได้แค่ไปห้องนอน
เธอรออยู่ในห้องนี้ ตลอดทั้งวัน คนตระกูลโรแกนก็ไม่ได้กลับมา เธอหิวแล้ว จึงทำได้แค่หาขนมปังกรอบสองสามชิ้นทานรองท้องไปก่อน แต่กลับมีสายโทรศัพท์เข้ามา และเด็กสาวที่กระตือรือร้นคนนั้นโทรศัพท์มาสอบถามสถานการณ์ของเธอ
“พี่พิมแสง พี่อยู่ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ? พวกเขาข่มเหงรังแกพี่หรือปล่าว?”
“ปล่าวหรอก”
พิมแสงเคี้ยวขนมปังกรอบสองสามชิ้นในปากที่ซีดขาว และเอ่ยอย่างตกอยู่ในภวังค์
พลบค่ำ มาร์ตินซึ่งไปเข้าร่วมอัดรายการ ในที่สุดก็กลับมาเสียที เขายังไม่ทันได้ไปโรงพยาบาลเลย หลังจากที่กลับมา จึงรีบร้อนวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน
ดวงตาคู่หนึ่ง ก็เห็นพิมแสงนั่งสยายผมอยู่บนเตียง
“เธอยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ? ทำไมเธอถึงไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ? แม่ฉันโมโหเธอจนล้มป่วย เธอยังจะนอนอยู่ในนี้ได้อีกงั้นเหรอ?”
เขาโมโหเเล้ว จ้องมองด่าทอเธอขึ้นมา
ที่จริงแล้วระยะนี้เขาก็รู้สึกแย่เหมือนกัน เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ตามตอแย ทำให้เรื่องราวมากมายจนใจไม่รู้จะทำไง ในขณะเดียวกันนั้น ก็หมดเรี่ยวหมดเเรงแล้วเช่นกัน
ดังนั้น เวลานี้ความขุ่นเคืองในใจของเขาก็หนักหนาสาหัสมากเช่นกัน
พิมแสงมองเขา
เมื่อตอนที่เธอเห็นผู้ชายคนนี้ตะลีตะลานหาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า แม้กระทั้งบนเส้นผมก็ยังมีเจลใส่ผมจากการเข้าร่วมรายการยังไม่ทันได้เอาออก และเครื่องประดับก็ไม่ได้ถอดออกเช่นกัน
ทั้งตัวก็มอมแมมมาก และก็เลอะเทอะมากอีกด้วย
ฉับพลัน ในสายตาของเธอ ไม่ใช่ความคาดหวังและความน้อยใจแบบเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่เป็นความรู้สึกผิดลอยขึ้นมาแทน