ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 1460 มาร์ติน คุณมองอะไรอยู่
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 1460 มาร์ติน คุณมองอะไรอยู่?
เนื่องจากช่วงนี้เชียนหยวนล๋ายเย่ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ลูกอ่อนแล้ว
[หนูเย่ : พี่คะ หวานหว่านช่วงนี้ไม่ถ่ายเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ? พี่ภาบอกว่ากินนมผงเลยร้อนในค่ะ ยังให้ฉันทำของเย็นหน่อยให้เธอดื่ม]
[แสงดาว : บ้าน่ะสิ เด็กเล็กขนาดนี้ ให้เธอกินอะไรเย็นๆงั้นเหรอ? นั่นเป็นเพราะระบบย่อยอาหารไม่ดีต่างหาก ทำพรีไบโอติกให้กินหน่อย]
[หนูเย่ : หา?]
จากนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็แนะนำโพรไบโอติกหลากหลายยี่ห้อมาเสียยกใหญ่ในกลุ่มแชท ซึ่งขณะนั้นในกลุ่ม คณาธิปกำลังยุ่งอยู่ที่บริษัท หลังจากต้นปี เป็นช่วงเวลาที่บริษัทจะยุ่งมากที่สุด จนแม้แต่น้ำสักอึกยังไม่ได้ดื่ม ย่อมไม่มีทางที่จะมีเวลาอ่านข้อความของกลุ่มนี้ ม็อกโกก็ไม่มีเวลาเช่นกัน เขากำลังวุ่นกับการฝึกทหารใหม่ ส่วนแสนรัก…… ช่างเถอะ เส้นหมี่ที่ทักสวัสดีไปหลายวันก็ยังไม่เห็นแม้แต่หน้าเขาจึงไม่อยากพูดถึงแล้ว ท้ายที่สุด ก็ต้องเป็นเธอที่มาตอบหญิงสองคนนี้ไปสองประโยค
[เส้นหมี่ : อันที่จริง ดื่มโพรไบโอติกสักหน่อยดีกว่า จริงสิ หนูเย่ เธอช่วยส่งรูปหวานหว่านมาให้ดูหน่อยสิจ๊ะ โตขึ้นมามากแล้วใช่ไหมเนี่ย?]
[หนูเย่ : ใช่ค่ะ น่ารักมากเลย ฉันส่งให้นะคะ]
สาวน้อยจึงส่งรูปทารกน้อยมาให้เสียหลายใบ ผ่านไปสองเดือน ทารกน้อยโตขึ้นมากจริงๆ เมื่อเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงทั้งยังร้องอ้อแอ้ เส้นหมี่พักสมุดบัญชีในมือ แล้วเปิดวิดีโอดูอย่างตั้งใจ จนกระทั่งขอบตาของเธอเริ่มรื้นขึ้นเธอจึงปิด ทั้งคิ้วและตาช่างเหมือนพิมแสงจริงๆ แต่หากมองอย่างละเอียดแล้ว ลักษณะต่างๆของเด็กทารกคนนี้ที่ได้มาจากพ่อ ก็เริ่มเผยออกมาแล้ว เช่นดวงตาคู่นั้นของเธอ เมื่อแรกเกิดนั้นโตเหมือนแม่ แต่ตอนนี้ตาของเธอเปลี่ยนเป็นยาวขึ้นเล็กน้อย ยิ่งทำให้เหมือนดวงตาเจ้าชู้ของพ่อของเธอที่เรียวยาว เฮ้อ เส้นหมี่ถอนหายใจ จากนั้นจึงไปทำอย่างอื่นต่อ
ส่วนเชียนหยวนล๋ายเย่ที่อยู่ทางนี้ หลังจากได้ฟังจากพี่สาวว่าโพรไบโอติกดีแล้ว ก็รีบวางเด็กลงในรถเข็น เพราะเธอจะพาเธอออกไปดูที่ห้างสรรพสินค้า “ที่รักคะ ฉันจะพาหวานหว่านออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ พี่สาวบอกว่าที่เธอไม่ถ่าย เพราะระบบย่อยอาหารไม่ดีค่ะ ให้ไปซื้อโพรไบโอติกมาค่ะ” เธอเชื่อฟังมาก เวลาจะออกจากบ้าน เกรงว่าสามีจะเป็นห่วง จึงต้องโทรศัพท์ไปบอกเขา และทางคณาธิปนั้น ก็จะรับสายเธอทุกเวลาเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะกำลังประชุมอยู่ หรือพบปะลูกค้าก็ตาม “คุณไปคนเดียวหรือ? หรือรอให้ผมส่งคนไปหาไหมครับ?” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปแค่ห้างใกล้บ้านห้างนั้นเองค่ะ ไม่เป็นไร ถ้าถึงแล้วฉันส่งข่าวให้คุณแล้วกันนะคะ” เสียงอันอ่อนหวานของสาวน้อย ลอยมาจากโทรศัพท์มือถือ คนในห้องประชุมเมื่อได้ยินต่างก็อิจฉาตาร้อนเป็นอย่างมาก นี่จึงจะเป็นภรรยาสุดที่รักของท่านประธานอย่างแท้จริง
เชียนหยวนล๋ายเย่พาเด็กออกจากบ้านแล้ว ห้างแห่งนั้นอยู่ใกล้มากจริงๆ ตรงนั้นเป็นโซนที่พัฒนาใหม่ และเป็นโครงการภายในเครือของตระกูลหิรัญชาด้วย แต่เพราะพัฒนาใหม่ จึงทำให้ระยะนี้ฝ่ายปฏิบัติการนั้นต้องทุ่มเทโปรโมทไปไม่น้อย เช่นการจัดกิจกรรมต่างๆ เมื่อเชียนหยวนล๋ายเย่มาถึง ประตูห้างก็มีประตูโค้งรูปมังกรทองที่ใหญ่โตตั้งตระหง่านอยู่ ด้านข้างยังเต็มไปด้วยตะกร้าดอกไม้ นี่มีร้านไหนเปิดกิจการใหม่หรือ? ดวงตาของเธอเป็นประกาย จากนั้นจึงรีบเข็นรถเข็นเด็กเข้าไปทันที
ก็อย่างว่า เธออายุแค่ยี่สิบ อายุเท่านี้ ก็ซุกซนชอบครึกครื้นตามประสา ดังนั้นเมื่อเข้ามาแล้ว เธอก็เห็นร้านเครื่องประดับกำลังเปิดกิจการ ณ เวลานี้โปสเตอร์กิจกรรมต่างๆนานาต่างก็แปะอยู่ตรงนั้น พนักงานทักทายต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “คุณผู้หญิงท่านนี้ สนใจเข้ามาชมเครื่องประดับไหมคะ?” “หา?” เชียนหยวนล๋ายเย่เมื่อเห็นว่าเป็นสิ่งนี้ ก็ไม่สนใจ เครื่องประดับ เธอไม่ขาดเสียหน่อย เวลานี้ในมือเธอยังสวมแหวนเพชรวงใหญ่ที่สามีให้อยู่เลย สาวน้อยจึงเตรียมตัวพาเด็กเดินออกไป ทว่าในเวลานี้ พนักงานคนหนึ่งก็เห็นเด็กในรถเข็นเด็กของเธอจึงกล่าวออกมาว่า : “สวยจังเลย คุณผู้หญิงคะ คุณสนใจจะซื้อกุญแจทองเล็กๆสักอันให้เธอไหมคะ ช่วยปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยได้นะคะ” “จริงหรือคะ?” คำพูดนี้ดึงดูดเธอเข้าแล้ว เธอจึงหยุดเดิน เมื่อเกี่ยวกับเด็กคนนี้ เนื่องจากรู้สึกผิดต่อแม่ของเธอ เธอจึงปรารถนามากกว่าใครที่อยากให้เด็กคนนี้แคล้วคลาดปลอดภัย ในที่สุดเชียนหยวนล๋ายเย่จึงพาเด็กน้อยเข้าไปในร้านเครื่องประดับนี้ด้วยกัน เนื่องจากเธอต้องการจะซื้อ หลังจากเข้าไปแล้ว ไม่นาน เธอก็เลือกแผ่นกุญแจทองมาหนึ่งอัน จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของพนักงาน จึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา เตรียมจะใส่ให้เธอ “เด็กคนนี้สวยจริงๆ ดูตาคู่นี้สิ โตขึ้น จะต้องไม่แพ้ใครแน่ๆ” “นั่นสิ” คนอื่นๆต่างก็อุทานออกมา เมื่อเชียนหยวนล๋ายเย่ได้ฟัง ก็ปลื้มใจ เด็กที่ตนเองดูแลมา คนอื่นๆบอกว่าสวยน่ามอง เธอจะไม่ดีใจได้อย่างไร? แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่า ณ เวลานี้เอง คนข้างนอกที่จู่ๆก็กรูเข้าไปล้อมคนที่ย้อมผมสีทองคนหนึ่งก็เข้ามาในร้าน เมื่อพวกเขาเข้ามาแล้ว เห็นคนในนี้เบียดเสียดกันเต็มไปหมด โดยสัญชาตญาณ เขาจึงกวาดตามองมาทางนี้ แวบหนึ่ง แล้วสายตาของเขาก็หยุดชะงัก!
“มาร์ติน?” คนด้านหลังที่ติดตามเขาเห็นเขาไม่ขยับ เจ้าหน้าที่กลัวจะเกิดการเบียดเสียดชุลมุน จึงมาเร่งเขา แต่กลับไม่คาดคิดว่า เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
เจ้าหน้าที่: “…………”
จากนั้นจึงมองตามสายตาของเขาไป จึงพบว่า ณ ที่แห่งนั้น มีเด็กคนหนึ่งกำลังลองแผ่นกุญแจอยู่ในร้านเครื่องประดับ แต่หน้าตาของเด็กคนนั้น………
“มาร์ติน?” สีหน้าของเจ้าหน้าที่เปลี่ยนไปทันที!