ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 147 หม่ามี๊ จะไม่ยกโทษให้แด๊ดดี้เหรอ
เมื่อคริสได้ยิน ก็ตอบตกลงอย่างยินดีในทันที แต่ทว่า เขาไม่ยอมให้ไปพักที่โรงแรม
“ได้แน่นอน แต่ว่า คุณมาถึงที่นี่จะให้ไปพักที่โรงแรมได้ยังไงกัน ? ต้องไปที่คฤหาสน์ของผมสิ ไปกันเถอะ ผมจะพาทุกคนไป ”
จากนั้นชายผมบลอนด์นัยน์ตาฟ้าคนนี้ มือหนึ่งอุ้มหนูรินจัง อีกมือก็ลากกระเป๋าเดินทางให้เส้นหมี่ เดินมุ่งตรงไปยังลานจอดรถ
ชินจังดูเหมือนอารมณ์จะไม่ค่อยดีเท่าไร
เมื่อคิวคิวเห็น ก็เดินไปจับมือของพี่ชาย “อาคริสเป็นคนที่ทำธุรกิจกับหม่ามี๊เท่านั้น วางใจเถอะ หม่ามี๊ไม่ไปสนใจอะไรเขาอย่างแน่นอน ”
“จริงเหรอ?”
เมื่อชินจังได้ยิน ก็จึงได้หันมองไปยังน้องชายอย่างฉงนใจแวบหนึ่ง
คิวคิวยืนยันกับเขาในทันทีว่า“จริงสิ อาคริสเป็นบุคคลชนชั้นสูงของที่นี่ ถึงเขาจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่ครอบครัวของเขาไม่อนุญาตให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไปหรอก อีกทั้งหม่ามี๊ยังมีพวกเราเป็นเรือพ่วงแบบนี้ด้วย ”
เด็กน้อยยังพูดให้ร้ายตัวเองว่าเป็นเรือพ่วงอีกด้วย
ได้ยินดังนั้น ชินจังก็ถึงได้โล่งอก
แต่แล้ว เมื่อเขาคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ก็มีสภาพคอตกขึ้นมาอีกครั้ง“ แล้วตอนนี้ทางฝั่งแด๊ดดี้จะทำยังไง ? หม่ามี๊ไม่ต้องการแด๊ดดี้แล้วจริงๆเหรอ?”
“อย่าพูดถึงเขาต่อหน้าฉันอีก!เอาจริงนะ ชินจัง ไม่ใช่ว่าฉันจะว่าอะไรเขานะ ฉันกับหม่ามี๊ให้โอกาสเขาไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่นายดูสิ่งที่เขาทำสิ ? นายรู้ไหมว่าเมื่อวานหม่ามี๊กลับมายังไง?”
เมื่อคิวคิวพูดมาถึงตรงนี้ มือเล็กๆก็กำหมัดแน่น ขอบตาเองก็แดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
ใช่ หลังจากเหตุการณ์ของเมื่อวาน ต่อหน้าทุกคนเส้นหมี่มีท่าทีที่นิ่งสงบอย่างมาก
แต่ว่า ไม่มีใครรู้ เธอออกจากสถานพักฟื้นนั้นแล้ว หลังจากที่ขึ้นรถเธอก็ตบหน้าตัวเองอย่างแรงทันที อีกทั้ง ระหว่างทางก็ยังอาเจียนออกมาด้วย
ไม่มีใครรู้เรื่องพวกนี้
นอกจากคิวคิวที่มักใส่เครื่องติดตามตัวให้หม่ามี๊อยู่ตลอดคนนี้เท่านั้น!
เขาไม่รู้ว่าทำไมหม่ามี๊ถึงอาเจียน? แต่ว่า เขาได้ยินเสียงที่ทรมานนั้นของเธออย่างชัดเจน รุนแรง ราวกับจะขย้อนเอาตับไตไส้พุงออกมาให้ได้ยังไงอย่างนั้น
จนกระทั่ง เธอทุกข์ทรมานอย่างที่สุด เริ่มนั่งเงียบในรถ และมีเสียงโอดครวญอย่างเจ็บปวดถึงขีดสุดออกมา
คิวคิวลืมมันไม่ได้เลยจริงๆ
ในที่สุดชินจังก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาก้มหน้าลง มือน้อยๆกำหุ่นยนต์ของเล่นเอาไว้ ข้อนิ้วมือแม้จะขาวซีด แต่ว่า เขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เมื่อคิวคิวเห็น ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ในที่สุดก็ทำได้เพียงจับมือเล็กๆนั้นไว้แล้วเดินตามหลังหม่ามี๊ไป
ยี่สิบนาทีต่อมา
จริงดังว่า หลังจากที่สี่คนแม่ลูกเห็นสองข้างทางที่รถแล่นผ่านรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวขจี ไม่นานนัก ปราสาทที่สวยงามและหรูหราสไตล์ยุโรปก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน ทำเอาดวงตาต่างพากันเป็นประกาย
“อาคริส นี่บ้านของคุณเหรอคะ?”
หนูรินจังเป็นสาวน้อยปากหวาน เมื่อเห็นบ้านที่สวยงามแบบนี้ ก็ถามด้วยความตื่นเต้นขึ้นในทันที
คริสพยักหน้า“ใช่แล้ว ชอบไหม ? หนูรินจัง”
“ชอบค่ะ หลังใหญ่กว่าบ้านแด๊ดดี้อีก สวยมากด้วย”เธอพูดถึงแด๊ดดี้ขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งยังเอาไปเทียบกับเรืองรอง ว่าทั้งหลังใหญ่และสวยกว่า
ชินจังได้ยินเข้า และแล้วก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
“ใช่ที่ไหนกัน บ้านฉันใหญ่กว่า และสวยกว่าด้วย!”
เด็กน้อยแสดงออกไม่เก่ง เมื่อน้อยใจอย่างที่สุด ก็ทำได้เพียงพูดคำเหล่านี้ออกมา
เมื่อเส้นหมี่ได้ยิน ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นอารมณ์ของลูกชายคนโต บ้านของลูกหลังใหญ่ที่สุด”
เธอเอื้อมมือมา ปลอบประโลมเด็กน้อยที่ไม่รู้ว่ามานั่งเก็บกดอยู่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หนูรินจังก็เข้ามา ดวงตากลมโตของเธอกะพริบปริบๆมองไปที่พี่ชินจัง แสดงอาการเสียใจเล็กน้อยออกมา
“พี่ชินจัง พี่โกรธเหรอ ? รินจังผิดไปแล้ว รินจังจะไม่พูดแบบนี้อีก พี่ชินจังอย่าโกรธเลยนะ?”
“……”
ด้วยคำพูดนี้ ต่อให้ชินจังจะรู้สึกน้อยใจมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงก้มศีรษะลง จากนั้นก็กลืนความขมขื่นที่มีในดวงตากลับเข้าไปข้างใน
เขามีอารมณ์ที่แปรปรวนรุนแรงอย่างนี้ อันที่จริงแล้ว จะไปตำหนิเขาก็คงไม่ได้
เขาไม่เคยต้องห่างกับแสนรัก นี่เป็นครั้งแรก
ยิ่งไปกว่านั้น พอหม่ามี๊ออกมาได้ก็มาเจอกับผู้ชายคนอื่น แล้วหลังจากนั้น เธอจะไม่เจอกับแด๊ดดี้อีกแล้วจริงๆใช่ไหม?
เด็กน้อยรู้สึกหัวใจแตกสลาย
เส้นหมี่สังเกตเห็นอารมณ์ของเด็กน้อย เมื่อสี่คนแม่ลูกมาถึงที่คฤหาสน์หลังนี้ เธอหาโอกาส พาลูกๆไปยังห้องห้องหนึ่ง
“ชินชิน ลูกเสียใจใช่ไหมที่มากับหม่ามี๊ ?”
“เปล่า!”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา เด็กน้อยที่ถูกพาตัวมาด้วยก็ปฏิเสธเสียงแข็งในทันที
ใช่ เขาไม่ได้เสียใจเลย เพราะครั้งนี้หม่ามี๊ไม่ได้ทิ้งเขาเอาไว้
เมื่อเส้นหมี่ได้ยินคำตอบของลูกชายก็รู้สึกโล่งใจ
“ถ้าอย่างนั้นลูกไม่ชอบที่นี่ใช่ไหม ? ไม่ต้องกังวลนะ หม่ามี๊แค่มาพักอาศัยชั่วคราวเท่านั้น รอเพื่อนหม่ามี๊จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หม่ามี๊ก็จะพาพวกเรากลับไปที่เมืองเคลียร์อย่างแน่นอน”
“จริงเหรอครับ?”
เด็กน้อยที่แพขนตางอนยังมีน้ำใสเกาะอยู่ เมื่อได้ยินคำนี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา