ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 163 ชินจังเกิดเรื่องแล้ว
สุดท้ายคิวคิวพูดถึงผลที่ตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มสุดๆ
พูดจบ ชินจังที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ส่งเสียงใดๆ ของเล่นทรานส์ฟอร์มเมอร์สที่เขาถือไว้ในมือเล็กๆ ก็บีบแน่นขึ้น!
ไม่ได้!
รังแกหม่ามี๊แบบนี้ไม่ได้ นั่นเป็นหม่ามี๊ของพวกเขา ใครก็ทำร้ายเธอไม่ได้!!
เด็กตัวเล็ก เป็นครั้งแรกที่กำมือแน่น แล้วในดวงตาก็ปรากฏสายตาเด็ดเดี่ยวไปด้วย ……
——
สุดท้ายเส้นหมี่ก็ถูกลูกปลุก
“หม่ามี๊ พวกเราต้องรีบไปรับน้องสาวนะ ตอนนี้จะสี่โมงแล้ว”
“อ๋า?”
เส้นหมี่ได้ยิน ก็ลืมตาสองข้างทันที จากนั้นนั่งขึ้นมาจากที่นอนนุ่มๆ“จะสี่โมงแล้ว?งั้นก็เร็ว……พวกเรารีบลุกกันเถอะ ไปรับน้อง”
เธอลงมากที่นอนนุ่มๆด้วยความรีบร้อน สวมรองเท้าแล้วเตรียมจะออกไป
คิวคิวเห็น ก็ไปหยิบผ้าพันคอและกระเป๋าของหม่ามี๊มา พอหม่ามี๊สวมแล้ว ก็ยื่นมือเล็กๆนั้นเข้าในฝ่ามือของหม่ามี๊อย่างเป็นธรรมชาติ
เส้นหมี่กุมมือเล็กๆของลูกชายไว้ แล้วสายตาก็มองไปรอบๆอย่างไม่รู้ตัว:“พี่ล่ะ?เขาไปไหน?”
คิวคิวอธิบายด้วยรอยยิ้ม:“พี่อยู่ต่อ ตอนค่ำแด๊ดดี้จะมารับเขาครับ”
แบบนี้……
เส้นหมี่ได้ยิน ก็ไม่พูดอะไร
ยังไง สองคนพี่น้องก็แยกกันอยู่ คนหนึ่งอยู่กับเธอ อีกคนอยู่กับแด๊ดดี้เขา
เส้นหมี่รีบพาลูกชายคนเล็กออกมาจากห้องนั้น ตอนที่กำลังจะออกไป เพื่อไปรับลูกสาวที่โรงเรียนอนุบาล ตอนนี้เอง จู่ๆคุณท่านกลับถือไม้เท้าปรากฏตัวออกมา
“หมี่ เธอจะกลับไปแล้วใช่ไหม?รอเดี๋ยว พ่อมีของจะให้เธอ”
“……”
เส้นหมี่ได้แต่หยุดลง จากนั้นมองชายชราผมขาวเดินมาตรงหน้าตัวเอง
สำหรับชายชราคนนี้ จนถึงตอนนี้ เส้นหมี่ก็ยังรู้สึกขอบคุณเสมอ เธอคิดไม่ถึงว่า สุดท้ายแล้วเขาจะช่วยตัดสินให้เธอ และยังไม่เข้าข้างลูกชายของเขาเองอีก
เส้นหมี่ยืนตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง:“พ่อคะ พ่อออกมาทำไมอีก?อากาศหนาวขนาดนี้ มีอะไร ก็ให้คนใช้ในบ้านมาพูดกับฉันก็ได้”
“ไม่ พวกเขาทำอะไรไม่น่าไว้ใจ พ่อมาที่นี่ เพื่อเอาสิ่งนี้ให้เธอ”
คุณท่านพูดไป จู่ๆก็ยื่นสมุดเล็กๆสีแดงมาให้
เส้นหมี่ตะลึง ก้มลงมองอย่างไม่รู้ตัว ตอนเห็นบนสมุดเล่มนี้เขียนตัวอักษรสามตัวอย่างชัดเจนว่า “ทะเบียนบ้าน”เธอก็เบิกตาโต!
“พ่อคะ นี่มัน——”
“ขอโทษนะ เย็นวันนี้ทำให้เธอต้องรอไปทั้งวัน พ่อโทรถามแล้ว ที่บริษัทมีแขกคนสำคัญมากะทันหัน ตานั่นเลยต้องไปเจอ ดังนั้น วันนี้พ่อเลยเอาทะเบียนบ้านของพวกเราตระกูลหิรัญชามาให้เธอ แค่ตัวตนของเธอฟื้นคืนมา เธอก็เอามันไปหย่ากับเขาได้เลย”
คุณท่านถือเล่มเล็กๆนี้ไว้ อธิบายอย่างรู้สึกผิด
เส้นหมี่ก็ตกละลึง!
ไม่มั้ง?เขาจะเอา……ทะเบียนบ้านของตระกูลหิรัญชาของพวกเขาให้เธอ?เธอฟังผิดหรือเปล่า?
เธอจ้องสมุดเล็กๆนี้ จ้องอยู่นานมาก ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
คุณท่านเห็นแบบนี้ ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงเอาสมุดเล็กๆนี้ยัดใส่ในมือคิวคิวที่จูงอยู่ข้างๆ:“ถือให้หม่ามี๊หลานสิ อย่าทำหาย เข้าใจไหม?”
“อือ เข้าใจแล้วครับ คุณปู่”
คิวคิวกลับดีใจมาก พอได้รับเล่มสมุดนั้นแล้ว ก็ถือมันไว้ด้วยสองมือเล็กๆทันที แล้วใส่ไว้ในอ้อมแขน
ที่แท้ก็จะหย่า!
โอเค สิ่งนี้มาหาถึงที่แล้ว ก็ไม่ต้องไปคิดถึงของเหล่านั้นที่มีหรือไม่มีอีก
คิวคิวตามหม่ามี๊ออกไปอย่างมีความสุข
คืนวันนั้น พอเส้นหมี่รับรินจังกลับบ้านแล้ว คิวคิวก็ถือโอกาสที่เธออาบน้ำให้น้องสาวอยู่ โทรหาชินจังที่ตอนนี้ถูกรับไปที่เรืองรองแล้ว
“ฮัลโหล ชินจัง นายรู้ไหมพวกเขาสองคนเป็นอะไรไป?”
“อะไรเหรอ?”
“พวกเขาจะหย่ากัน!”คิวคิวพูดด้วยความโมโหในสายโทรศัพท์
เขาโกรธจริงๆ ไม่เคยเห็นผู้ใหญ่ที่น่ากังวลขนาดนี้ นานมากแล้ว เขากับพี่ชายพยายามกันไปมากแค่ไหน ทำไมสองคนนี้ถึงดีกันไม่ได้เลย?
ครั้งนี้แย่มากขึ้น เริ่มจะหย่ากันแล้ว
ชินจังที่ปลายสายได้ยิน ก็มองไปชั้นล่างที่ตอนนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา หน้าเล็กๆนั้นหดหู่ขึ้นมา
“แด๊ดดี้อีกแล้ว?”
“ไม่รู้ แต่ปัญหานี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะคุยตอนนี้แล้ว ที่พวกเราจะคุยคือ:นายอยากให้พวกเขาสองคนหย่ากันไหม?”
จู่ๆคิวคิวก็ถามในสาย
ชินจังตะลึง น่าจะเพราะว่า เขาคิดไม่ถึงว่า ถึงขนาดนี้แล้ว น้องชายฝาแฝดเขายังจะถามคำถามแบบนี้ได้
ดังนั้น คำตอบในใจของเขาคืออะไร?
อยากให้พวกเขาหย่ากันใช่ไหม?
ไม่อย่างนั้น จู่ๆเขาก็ไม่ถามเขาโง่ๆแบบนี้หรอก
เบ้าตาของชินจังแดงก่ำ ไม่กี่วินาที เขายืนอยู่ในห้องนั้น หลังจากที่ใบหน้าเล็กๆซีดขาวไร้เลือดฝาด จู่ๆเขาก็ทิ้งนาฬิกาโทรศัพท์แล้วพุ่งเข้าไปในตู้!
“ชินจัง?ชินจัง?”
คิวคิวได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางโทรศัพท์ ก็ตกใจจนตะโกนออกไป
แต่ ที่ปลายสายไม่มีใครตอบกลับ ที่ตอบกลับคิวคิว มีแค่เสียงดัง“ปังปัง”ที่ได้ยินแล้วขนหัวลุก