ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 166 ปลอบก็ร้อง ไม่ปลอบก็ร้อง
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าเธอรู้ดี มิเช่นนั้นแล้วเธอเองก็คงจะไม่ใช้การฝังเข็มของเธอ และเลือกที่จะพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลทางนี้ เนื่องจากอาการแบบนี้ ทางที่ดีที่สุดคือให้เขาฉีดยาควบคุมประสาท
และยังจะต้องให้จิตแพทย์เป็นคนเจรจาสื่อสารกับเขา
เส้นหมี่มองไปยังลูกที่ยังไม่ลืมตาอยู่บนเตียงจนถึงตอนนี้ ในใจทั้งรู้สึกเป็นทุกข์ทั้งรู้สึกผิด
“ฉันไม่รู้ ฉันไปถึงที่ที่เขาอยู่ เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในตู้แล้ว ทั้งร่างกายกำลังขดตัว คงจะรู้สึกถึงสิ่งที่น่ากลัวมากแบบนั้น”
เส้นหมี่ลองวิเคราะห์
เธอไม่มีวิธีอื่นแล้ว เรื่องนี้ เธอไม่รู้เรื่องจริงๆ ส่วนเด็กนี่ตื่นขึ้นมาแล้วก็ไม่ยอมพูดด้วยเช่นกัน หลับตาอยู่ตลอด ไม่เอ่ยพูดและไม่ขยับเลยด้วย
เธอร้อนใจจะตายอยู่แล้วจริงๆ
คุณหมอพยักหน้า เห็นด้วยกับวิธีการมองของเธอ : “อืม ถ้าอย่างนั้นคงจะเป็นแบบนี้ ให้เขานอนหลับเงียบๆไปซักพักหนึ่งก่อน รอให้เขาตื่นแล้วพวกเราค่อยถามเขาดู บางทีตอนนั้นเด็กอาจจะยอมพูดแล้วก็ได้นะคะ”
“ได้ค่ะ”
เส้นหมี่ได้ยินแล้ว ในที่สุดก็โล่งใจ จากนั้นก็ถือเอาใบรายการที่คุณหมอสั่งไปจ่ายค่าใช้จ่ายและรับยา
ตอนที่แสนรักรีบมาถึงที่โรงพยาบาลนั้น เส้นหมี่ยังไม่ได้ไปรับยากลับมา เขาจึงเข้าไปที่แผนกฉุกเฉิน เพียงแวบเดียวก็เห็นร่างเล็กๆที่ขดตัวนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“ชินจัง?”
แสนรักปฏิบัติกับลูกชายเวลามีปัญหาเรื่องการไม่สบายนี้จะมีท่าทางที่อ่อนโยนมาก เพราะถึงอย่างไร เขาก็นับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าตั้งแต่เด็กจนโตลูกต้องมานอนโรงพยาบาลกี่ครั้งแล้ว
แต่ทว่าแบบนี้ ตอนที่เห็นร่างเล็กๆของเขาถูกห่มด้วยผ้าสีขาวบนเตียงนั้น ก็ยังอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เช่นกัน
เขาเดินเข้ามา อยากจะมองดูว่าเด็กคนนี้มีสถานการณ์เป็นอย่างไรกันแน่?
แต่เขาที่เพิ่งจะมาถึงนั้น กลับพบว่า ร่างเล็กๆขยับตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขาหลับตาทั้งสองข้าง มองไม่เห็นเขา แต่เพียงแค่ได้กลิ่นลมหายใจของเขา
เขาเผยการต่อต้านออกมา ไม่ยอมให้สัมผัสเขาอีก
แสนรัก : “……..”
“พยาบาลเปิ้ล ฉันเอายามาแล้วนะ รบกวนคุณช่วยฉีดให้ลูกชายฉันหน่อยนะ” และเวลานี้เส้นหมี่ก็มาถึงพอดี หยิบยามาให้พยาบาลเตรียมฉีดให้กับลูกชาย
แสนรักที่อยู่ข้างๆเตียงเห็นแล้ว นิ้วเรียวยาวที่บีบอยู่ตรงมุมผ้าห่มนั้นก็เก็บเข้ามา
เส้นหมี่ที่ก้มหน้าก้มตาถือยาเข้ามากับพยาบาล มาถึงข้างเตียงแล้ว จู่ๆพบว่าเขามาแล้วนั้น เท้าของเธอก็ชะงักไปจนเกือบจะทำให้พยาบาลที่อยู่ทางด้านหลังชนเข้ากับร่างของเธอ
“คุณหมอสวยใส?”
“…….ขอโทษทีนะ พวกเราเข้าไปเถอะ”
เส้นหมี่ถึงได้รีบละสายตาออกมา จากนั้นก็ถือเข็มยาเข้ามาตรงข้างเตียงของลูกชายพร้อมกับพยาบาล
แสนรักที่ยืนอยู่ข้างๆเดิมทีคิดอยากจะเอ่ยถาม แต่หลังจากที่เห็นทักษะที่เชี่ยวชาญของผู้หญิงคนนี้แล้ว เขาจึงหุบปากลงอีกครั้ง มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เขาก้าวไปตรงหน้าต่างหาเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลง
เขายังคงดูสบายอกสบายใจมากจริงๆ
เส้นหมี่เจาะเข็มให้ลูกชายแล้วนั้น หลังจากที่ตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายของเขาแล้ว ในที่สุดเธอก็มองมาอย่างเย็นชา : “ส่งต่อให้คุณแล้วนะ”
เวลานี้แสนรักที่กำลังนั่งไขว่ห้างดูโทรศัพท์มือถืออยู่และดูว่างๆอยู่ และท่าทางที่คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงมีนั้น ได้ยินเส้นหมี่พูดว่าส่งต่อให้เขาแล้ว
เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมาเช่นกัน เผยให้เห็นท่าทางที่ไม่ได้ปฏิเสธออกมา
“แต่คุณควรจะบอกผมด้วยหรือเปล่า? ว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เขาเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ดังนั้น ความรักของพ่อก่อนหน้านี้ ล้วนแต่เป็นการแสดงออกมาอย่างนั้นเหรอ?
ใบหน้าขาวสะอาดของเส้นหมี่เย็นลงมาก : “คุณถามฉัน? ฉันจะรู้ได้ยังไง? ตอนที่ฉันไป เขาก็หลบอยู่ในตู้โดดเดี่ยวคนเดียว เหมือนกับ….ก็เหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆที่ถูกทอดทิ้ง ถ้าหากคุณอยู่ที่บ้าน เขาจะเป็นแบบนี้ไหม?”
เธอพูดอยู่นั้นจู่ๆขอบตาก็แดงขึ้นมา
ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เป็นเพราะเธอนึกถึงตอนที่เจอลูกอยู่ในตู้ ในตอนนั้นร่างเล็กๆที่ดูเศร้าของเขา ทุกครั้งที่เธอนึกถึงในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับมีดกรีดจริงๆ!
แสนรักอึ้งไป
คงจะไม่คิดว่าจู่ๆเธอจะมีอารมณ์ที่ตื่นเต้นหวั่นไหวขนาดนี้
และยังร้องไห้อีกด้วย…..
เขาละสายตามาอย่างแข็งทื่อ เป็นครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับการตำหนิของเธอแล้วไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมา
“เขาไม่ได้เป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ตอนเล็กๆ เพราะให้เขาอยู่ที่บ้านพักหลังเก่ามาเป็นเวลาพักหนึ่ง ถึงได้กลายเป็นคนไม่ชอบพูด และจะรู้สึกกลัวที่จะต้องมาสัมผัสกับผู้คน ต่อมาผมเลยพาเขามาอยู่ด้วย สถานการณ์แบบนี้ปรากฏให้เห็นน้อยมาก”
“……..”
ยืนอยู่ตรงหน้าของผู้ชายคนนี้แบบนี้ ขอบตาของเส้นหมี่ยังคงแดงและเปียกชื้น มองเขาอย่างงงงวยอยู่เป็นเวลานาน
เขาหมายความว่าอะไร?
คือจะบอกว่าลูกมีอาการออทิสซึมมีความบกพร่องทางพัฒนาการอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าหากมีอาการออทิสซึม สถานการณ์แบบนี้ก็สามารถเข้าใจได้ดี เนื่องจากว่าเด็กที่ปิดกั้นตัวเองแต่ละคน ล้วนแต่เกิดจากการขาดความรู้สึกที่ปลอดภัยทั้งสิ้น
และความรู้สึกปลอดภัยของเด็กคนนี้ ก็ไม่ใช่เธอที่เป็นหม่ามี๊คนนี้หรอกหรือ?
เส้นหมี่นึกไปถึงตอนสองสามครั้งก่อนที่เด็กคนนี้ได้ยินเธอพูดว่าจะจากไป ท่าทางที่ดูน้อยใจและน่าสงสารแบบนั้น ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว
เมื่อเข้าใจแล้วนั้น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากขอบตาของเธออย่างอดไม่ได้
แสนรัก : “……..”
เธอเป็นบ้าใช่ไหม?
ไม่ปลอบก็ร้องไห้ พอปลอบแล้วก็ยังร้องไห้อีก!!
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ฉันไม่กลับไปแล้วนะ ฉันจะอยู่ที่นี่ดูแลเขา”
“?”
“ใช่สิ คิวคิวกับน้องสาวของเขายังอยู่ที่คอนโด หลังจากที่คุณกลับไปแล้ว จัดคนให้ไปคอยดูแลพวกเขาหน่อยนะ จะเรียกพี่ภาก็ได้ เด็กเล็กๆสองคนอยู่ที่บ้านไม่ปลอดภัย”
เส้นหมี่หยิบกุญแจพวงหนึ่งออกมาจากกระเป๋า