ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 19 เลือดของเธอดุจดั่งทิ่มแทงเขา
ทันใดนั้นดวงตาแสนรักหดลงอย่างแรง!
“กลเจ็บกายใช่ไหม?ได้ วันนี้ฉันจะใช้กลนี้กับคุณ แสนรัก ฉันของใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อแลกชีวิตของลูกชาย ได้ไหม?หลังจากฉันตาย คุณอย่าให้นังสารเลวทำร้ายลูกชายฉันอีก”
เธอเปล่งเสียงพูดทีละถ้อยคำในขณะที่เลือดสดไหลออกจากปากทีละนิด ดวงตาก็เหมือนเต็มไปด้วยเลือด แดงจนชวนให้สยดสยอง
หัวใจของเขาเจ็บเหมือนถูกฉีกอย่างแปลกประหลาด
แสนรักกำมือตัวเองสุดแรง
เขารู้สึกช็อก เป็นครั้งแรกที่เขาไม่กล้าสบตาดวงตาเช่นนี้
เธอวิปลาสแล้วจริง ๆ
เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่?
เขาพุ่งเข้าไป ก่อนจะประคองเธอ ต่อด้วยแย่งของในมือเธอมา เขาจึงเห็นว่าเป็นเศษกระจกที่เธอเขวี้ยงใส่หน้าต่างจนแตก
“เส้นหมี่ คุณบ้าหรือเปล่า?หา?”
สมองเขาระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว เขารีบทิ้งเศษกระจกทิ้ง จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังออกไปด้านนอก
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าผู้หญิงสมควรตายคนนี้กรีดข้อมือตัวเอง ตอนนี้จึงถือกล่องยามาถึงแล้ว ดังนั้น เมื่อส่งเสียงเรียกก็มีบอดี้การ์ดเข้ามา
แสนรักรู้สึกว่าตัวเองจะเสียสติแล้ว เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่บ้าบิ่นเช่นนี้มาก่อน
คนสติฟั่นเฟือนคนนี้ ตั้งแต่แต่งงานกันมา ภาพลักษณ์ของเธอในห้าปีก่อนก็คือก้มหน้าก้มตาโอนอ่อนผ่อนตามเสมอ ส่วนห้าปีหลังก็สุขุมและกำเริบเสิบสาน แต่ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มา
เพราะคำพูดหนึ่งประโยคของเขา แม้แต่ชีวิตก็ไม่เอาแล้ว
แสนรักที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือดเริ่มปราดเปรียวขึ้นมา……
——
วันนี้แป้งร่ำหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว
เธอคาดคะเนว่าอีกฝ่ายต้องฟ้องแน่ ถึงเธอจะหุบเส้นหมี่ตอนเกิดเหตุแล้วก็ตาม แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเห็นเธอทารุณชินจังกับตา อีกฝ่ายคงไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่
ดังนั้นหลังจากที่เธอกลับเข้าไปก็พาชินจังไปรับผิดกับแสนรัก
ดั่งคำที่ว่า ลงมือก่อนได้เปรียบก่อน การกระทำนี้ก็คือวิธีการนี้นี่เอง
ซึ่งเป็นไปดังคาด แสนรักไม่ได้ตำหนิเธอมาก ได้ยินว่าเธอไม่ระวังทำให้ชินจังเจ็บ เขาก็แค่กวาดสายตามองมือเล็กของลูกชายปราดหนึ่ง และเมื่อเห็นลูกชายไม่พูดอะไรจึงให้เธอออกไป
ห้าปีมานี้เธอแสดงเป็นภรรยาดีเด่นและแม่ผู้ประเสริฐ ซึ่งสวมบทบาทได้ชนะเลิศเลย
เพราะด้วยสาเหตุนี้ ช่วงบ่ายนี้เธอไม่เพียงแต่ไม่กังวลใจ ทางกลับกันอย่างหน้าชื่นตาบาน โดยเฉพาะตอนที่เธอได้ยินว่า นังแพศยาที่ถูกขังอยู่ในห้องไม่กินไม่ดื่มแสนรักก็ไม่ยอมเจอหน้าอีกฝ่าย อารมณ์ของเธอจึงยิ่งดีมากขึ้นกว่าเดิม
เส้นหมี่ คิดจะต่อกรกับฉันงั้นเหรอ?
จวบจนเวลาพลบค่ำ เมื่อได้ยินว่านังแพศยาคิดจะฆ่าตัวตาย สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยน
ฆ่าตัวตาย?
ทำไมมันต้องฆ่าตัวตายด้วย?หรือต้องการล่อผู้ชายคนนี้ไป?
นังแพศยา!มารยาร้อยเล่มเกวียนจริง ๆ
เธอเป็นคนฉลาดแกมโกง เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี เธอรีบออกจากห้องเพื่อไปดูเหตุการณ์
ทว่าตอนนี้สายไปเสียแล้ว
เธอพึ่งออกมาก็เห็นบอดี้การ์ดสองคนอยู่หน้าห้องเธอแล้ว
“คุณแป้งร่ำ ท่านประธานให้มาเชิญคุณไปครับ!”
“……”
เธอรู้สึกมือไม้เย็นในชั่วพริบตา เกือบยืนไม่มั่นคงกันเลยทีเดียว
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็มาเยือน
สุดท้ายแป้งร่ำก็ถูกพาตัวลงไป ตลอดห้าปีมานี้ เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเชิดหน้าชูตาด้วยฐานะคุณนายน้อยตระกูลหิรัญชา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอถูกพาไปหาแสนรักอย่างเสียเกียรติเช่นนี้
อาการกลางทะเลยามค่ำคืนหนาวเหน็บเข้ากระดูก คล้ายกับมีดเล่มหนึ่งที่เจือกลิ่นสัตว์ในทะเล พัดมากระทบหน้ากระจกจนเกิดเสียงชวนอกสั่นขวัญแขวน
แป้งร่ำถูกพาลงมา แค่ปราดเดียวก็เห็นผู้ชายนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอนหลักของเรือลำนี้
และเวลานี้เขากำลังก้มหน้าพิศพินิจมือเล็กของลูกชาย ซึ่งตอนนี้ลูกชายกำลังหลับตาพริ้ม เขามองสำรวจทุกที่ กระทั่งเล็บมือของลูกก็ไม่ให้คลาดสายตา
“แสน……รัก……”
เธอเห็นแล้วก็รู้สึกหนาวสะท้าน ความหวาดกลัวผุดขึ้นในร่างกายเธอ เธอก้าวเท้าไม่ออก เพราะสองขาอ่อนยวบไปแล้ว
แสนรักไม่แยแสเธอ
เมื่อมองมือเล็กของลูกชายโดยละเอียดเสร็จแล้ว เขาก็วางเข้าไปใต้ผ้าห่ม ต่อด้วยดึงผ้าห่มให้คลุมทั่วร่างกายลูกชาย ไม่ให้ลมด้านนอกพัดใส่ร่างกายลูกชาย
แป้งร่ำเห็นแล้วยิ่งสั่นหนักกว่าเดิม “……รักฉัน……”
“ผมถามคุณเพียงประโยคเดียว คุณตีลูกผมหรือเปล่า?”
แสนรักที่กำลังก้มหน้าเปิดปากพูดในท้ายที่สุด ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด ชวนให้คนหายใจลำบากยิ่ง เมื่อมองจากใบหน้าด้านข้างเขา เธอก็สามารถรับรู้ถึงพลังสังหารที่น่าสะพรึงกลัว
ก็เหมือนกับลมกระโชกแรงด้านนอกที่พัดผ่านจนเกิดเสียงดังกังวาน
แป้งร่ำต้านทานไม่ไหว สองขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ทรุดตัวลงแล้วคุกเข่า
“ขอโทษรักบางครั้งฉัน……ฉันก็ใจร้อนเกินไป ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ”
“พูดแบบนี้แสดงว่ายอมรับแล้ว?แป้งร่ำ คุณมีสิทธิ์อะไรถึงได้ทำแบบนี้?ลูกชายของแสนรักอย่างผม ขนาดผมยังไม่แตะแม้แต่ปลายเล็บ คุณมีสิทธิ์อะไรลงไม้ลงมือกับเขา?ทำไมบังอาจอย่างนี้?”
ถ้อยคำสุดท้ายชวนให้ประหวั่นพรั่นพรึงสุดแสน