ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 217 ผลลัพธ์ของการหลบหนี
“ปาป๊า บอกมานะ ว่าปาป๊าทะเลาะกับมาม๊าอีกแล้วใช่ไหม? มาม๊าจะหนีออกจากบ้านอีกแล้ว”
“!!!!”
ใครบอกว่าจะหนีไปจากบ้านนี้กันหล่ะ?
แม่แค่จะกลับบ้าน! เข้าใจไหมว่ากลับบ้านหน่ะ เจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้ พูดภาษาคนรู้เรื่องไหมเนี้ย?
เส้นหมี่ ทั้งโมโหและรีบร้อนจะเข้าไปแย่งมือถือมาจากมือของเขา
ในเวลาเดียวกัน ในมือถือก็มีเสียงอันไพเราะของผู้ชายพูดขึ้นมาว่า: “หนีออกจากบ้านเหรอ? แล้วจะไปที่ไหน?
“ไม่รู้!!” ชินจังตอบแค่คำเดียวอย่างแข็งทื่อ ดูก็รู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี
เมื่อเส้นหมี่ เห็นอย่างนั้น ก็อยากจะเข้าไปอธิบายว่า จริงๆแล้วตัวเองไม่ใช่จะหนีไปจากบ้านนี้ แต่จะกลับไปคอนโด
แต่ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง คนในสายนี้ไม่รู้ว่าโมโหเพราะได้ยินเสียงลูกชายโกรธหรืออย่างอื่นกันแน่ แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆในสาย: “เด็กดี ไปบอกลุงยามว่า ถ้าปล่อยหล่อนไป จะหักขาพวกเขาเป็นท่อนๆ!”
“!!!!”
เส้นหมี่ ตัวแข็งเป็นหิน
แต่ลูกทั้งสามก็รีบตอบตกลงในทันที พวกเขาวิ่งออกไปแจ้งลุงยามตามคำสั่งที่พ่อบอก
หมาผู้ชายคนนี้ เขาต้องถูกลักพาตัวไปแล้วแน่ ๆ
สุดท้ายแล้วเส้นหมี่ ก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เพราะคำสั่งนี้ และต้องอยู่กับลูกๆในวิลล่านี้ไปตลอดทั้งวัน
เวลาค่ำคืน และแล้วแสนรักก็กลับมาสักที
เส้นหมี่ที่กำลังช่วยลูกๆเก็บของเล่นในห้องโถงชั้นล่าง แข็งทื่อ จิตใต้สำนึกเธอฟ้องและวิ่งขึ้นไปซ่อนที่ชั้นบน แต่คราวนี้ ชายคนนั้นเข้ามาพร้อมกับกองเอกสารและสมุดบันทึกธุรกิจ.
“เธอจะไปไหน? รีบมาช่วยผมยกของหน่อย
“…….โอ้ ได้ค่ะ”
เส้นหมี่ ถึงได้ลุกขึ้น และหันหลังไปหยิบเอกสารในมือของเขาอย่างไม่เต็มใจ
งานในบริษัทยุ่งมาก บางครั้งก็จะเอางานกลับมาทำที่บ้านบ้างเป็นเรื่องปกติ
เมื่อก่อนจะมีผู้ช่วยเคเดินเข้ามากับเขาด้วย แต่วันนี้ทำไมไม่เห็นเขาเลยหล่ะ?
เส้นหมี่ยืนถือเอกสารเหล่านี้อยู่ที่นั้น หล่อนแทบไม่กล้าชำเลืองไปทางผู้ชายคนนี้เลย ทำได้เพียงยืนตัวแข็งคิดแค่จะพูดว่าให้เขารีบเปลี่ยนรองเท้า แล้วหล่อนจะได้คืนเอกสารเหล่านั้นให้เขา
เพราะว่า หล่อนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองจนแทบจะทนไม่ไหมแล้ว
หลังจากที่เขาเปลี่ยนรองเท้าแล้ว แต่เขาก็มีท่าทีว่ายังไม่รับเอกสารนั้น แต่กวาดสายตาไปหาหล่อนจากมุมสูง และก็เผยริมฝีปาก พูดว่า : “ยกขึ้นมาข้างบนให้ผม”
เส้นหมี่ : “คะ?”
ในขณะนั้น ชายคนนี้ก็เดินออกไปไกลแล้ว เมื่อเส้นหมี่ เห็นอย่างนั้น หล่อนไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงถือเอกสารเดิมตามเขาขึ้นไปอย่างไม่เต็มใจ
ใกล้จะถึงสิ้นปีแล้ว และเนื่องจากสองวันที่ผ่านมาเส้นหมี่อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรทำ หล่อนจึงตั้งใจตัดดอกไม้สดที่กำลังบานสะพรั่งวางไว้ทุกมุมของวิลล่า รวมทั้งกระถางสองใบตรงชานพักบันไดด้วย
ดังนั้น หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นไป ไฟสีเหลืองอ่อนบนบันไดกว้างก็สว่างขึ้น ทำให้เงาของทั้งสองคนแลดูยาวเยียด และมีสีม่วง สีแดงสดส่องตรงแขนพอดี
เพียงชั่วพริบตา ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
แสนรักถือสมุดบันทึกมาถึงห้องสมุด หลังจากที่เขาเปิดประตูและเปิดไฟแล้วก็รู้สึกเหน็บหนาว เขาเปิดเครื่องทำความร้อนก่อนแล้วค่อยถอดเสื้อแจ็คเก็ต
หลังจากถอดแจ็คเก็ตแล้ว หญิงสาวที่เดิมตามเขามาก็เดินเข้ามา
“เอกสารเหล่านี้….ให้วางไว้ที่ไหน?”
“วางไว้บนโต๊ะได้เลย” แสนรักพูดอย่างนิ่มนวลเพื่อไม่ให้หญิงสาวนี้รู้สึกกดดัน
แต่เรื่องเจอผี หลังจากที่หล่อนวางเอกสารลง ก็รีบวิ่งไปทางประตูทันที
แสนรัก:“……”
แสนรักทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ในที่สุดขณะที่หล่อนกำลังจะก้าวเท้าออกไปเขาก็เรียกหล่อนหยุดด้วยเสียงเย็นชา: “มานี่ก่อน ผมมีเรื่องจะถามคุณ!”
“หะ?”
เส้นหมี่ หยุดนิ่ง ราวกับถูกสะกดจิตอย่างไรอย่างนั้น
มีเรื่องจะถามหล่อนเหรอ?
จะถาม…เรื่องอะไรคะ?
ในใจหล่อนก็กระวนกระวายมากขึ้น ยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น แม้แต่หูของหล่อนก็สัมผัสได้ถึงเสียง “หึ่ง หึ่ง ”
แท้จริงแล้วหล่อนก็ไม่ได้โกรธอะไร
เป็นเหตุผลว่า ตลอดหลายปีมานี้ระหว่างหล่อนกับเขาคือความเกลียดชัง ขุ่นเคือง และทำร้ายจิตใจ หล่อนสร้างกำแพงชั้นผิวหนังด้วยทองแดงและกระดูกด้วยเหล็ก แม้ว่าจู่ๆจะมีสัญญาณการเปลี่ยนทัศนคติของเขาแล้วก็ตาม หล่อนก็จะไม่เป็นอย่างนั้น
แต่ หล่อนก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว
คนที่ไร้กระดูกสันหลังอย่างหล่อนยังดูถูกตัวเอง
”ผมขอถามหน่อยว่า เมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น? คุณจะไปไหน?”
”ห่ะ? ฉัน….ฉันไม่ได้จะไปไหนนิ แค่อยากย้ายไปนอนที่คอนโด ก็คุณบอกเองว่า…ถ้าแสงดาวอยู่ที่นี่ ฉันจะไม่ปลอดภัย ฉันเลยตกลงอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้แสงดาวไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ฉันเลยคิดว่า…”
หล่อนอธิบายฉอดๆ ดวงตาที่สวยงามทั้งคู่ ไม่กล้ามองไปทางชายผู้นี้เลย
แสนรักขมวดคิ้วสงสัย
หล่อนรู้ได้ยังไงว่าแสงดาวไม่อยู่ที่นี่แล้ว ใครเป็นคนบอกหล่อน?
เขาขมวดคิ้วเยือกเย็น สายตาก็มืดมน ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที แม้ว่าบรรยากาศในห้องสมุดจะอบอุ่น แต่ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของน้ำค้างแข็ง
“ถึงแม้ว่าแสงดาวจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว คุณจะกลับไปทำอะไรที่นั้น? ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่า ผมจะไม่ให้ลูกๆใช้ชีวิตตามลำพัง เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของพวกเขา
”แต่ว่า…ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไปก็คงไม่ได้”
เส้นหมี่ รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่เย็นชาของชายผู้นี้ เธอรีบอธิบายต่อไปว่า: “คุณมีชีวิตของคุณ คู่หมั้นของคุณ…ไม่ได้ได้มาที่นี่นานมากแล้ว ถ้าหล่อนรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ หล่อนต้องโกรธมากแน่”