ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 321 ทำแบบนั้นไม่ได้อีก……
“เจ็บเหรอ?”
“เจ็บ……”
เส้นหมี่หลุบตาลง ในละอองน้ำ เธอไม่กล้ามองไปที่ชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าที่มีขนาดเท่าฝ่ามือเห่อร้อน เสมองไปทางอื่น
แสนรักหยุดลงชั่วขณะ
ดวงตาก็มืดมนลงอีกครั้งอย่างไม่มีเหตุผล ความลุ่มร้อนที่มีในร่างกายลุกโชนขึ้น
พวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าระหว่างกัน มีลูกด้วยกันสามคน จากนั้นก็นอนเตียงเดียวกันอีกตั้งหลายหน เขาจะมีความรู้สึกกับเธอแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องปรกติ
ปลายนิ้วของแสนรักผ่อนแรงลง
อีกทั้ง กับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความละมุนนี้ เขาก็เริ่มคิดไม่ซื่อโดยการขยับเลื้อยมือไปตามส่วนต่างๆของร่างกายหญิงสาว
“นี่คุณ……จะทำอะไร?”
ประสาทสัมผัสของเส้นหมี่ไวต่อความรู้สึกนี้ ตื่นตระหนกขึ้นในทันที โดยไม่ลังเล เธอหนีออกจากชายหนุ่มในทันที แล้วยังดันมือเขาออกด้วย
แสนรัก“……”
ทันทีทันใด น้ำเย็นๆหนึ่งกะละมังก็ราดรดลงบนศีรษะของเขา ศักดิ์ศรีที่มีก็ราวกับถูกหยามไปโดยสิ้นเชิง!
“ผมจะทำอะไรได้ ? ผมกำลังทายาให้คุณ อีกอย่าง ผมทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไง ? ตอนนี้คุณยังเป็นภรรยาของผม ทำไมผมจะทำอะไรคุณไม่ได้?”
เขาโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ชั่วพริบตา ใบหน้าหล่อเหลาที่เพิ่งจะผ่อนคลาย ก็ดำมืดขึ้นมาอีกครั้ง และดำทมิฬอย่างที่สุด
นี่เป็นการปฏิเสธของเธออีกครั้ง
ดังนั้น ตั้งแต่แรก เธอก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะอยู่ที่นี่ และไม่คิดที่จะปล่อยวางทุกอย่างลง ทุกอย่างล้วนเป็นเขาที่คิดไปเองคนเดียวใช่ไหม ?
ใบหน้าเส้นหมี่ซีดเผือดอย่างที่สุด!
“ไม่……ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น แสนรัก คุณฟังฉันอธิบายก่อน ฉันแค่……แค่ตอนนี้ร่างกายฉันยังบาดเจ็บอยู่ ”
“บาดเจ็บจริงเหรอ ? หรือไม่อยากจะมีอะไรกับผมกันแน่ ?”
“คือฉัน……”
เส้นหมี่พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เธอ ไม่ต้องการจะมีอะไรกับเขาจริงๆ เพราะเธอเคยพูดกับตัวเองไปแล้ว ว่าเธอจะไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับผู้ชายคนนี้อีก ในเมื่อไม่ต้องการจะข้องเกี่ยวกัน แล้วทำไมพวกเขาจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ?
“แสนรัก คุณ……คุณฟังฉันก่อน ใช่ เรา……เรายังไม่ได้หย่ากันอย่างเป็นทางการ แต่ยังไงก็ต้องหย่า ดังนั้น……ฉันคิดว่าเราอย่าให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปในแบบนี้เลยจะดีกว่า เพื่อ……เพื่อไม่ให้มันกระทบกับชีวิตของคุณ คุณว่าดีไหม? ”
มือเส้นหมี่กุมไปที่เสื้อสายเดี่ยวตัวบางแน่น ลำคอเธอแห้งผาก ฝ่ามือเย็นเฉียบ กลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไป จนทำให้ชายหนุ่มเกิดไม่พอใจแล้วโมโหขึ้นมา
เธอไม่อยากจะทำให้เขาขุ่นเคืองในตอนนี้
ขุ่นเคืองไป แล้วเธอจะอยู่ที่นี่กับลูกๆได้ยังไง
ทันทีที่พูดจบ ห้องทั้งห้องก็เงียบสนิท อุณหภูมิลดฮวบลงถึงขั้นชวนขนหัวลุก แม้แต่หายใจก็ยังรู้สึกลำบาก
จบแล้ว เธอทำเขาโกรธอีกแล้ว?
เส้นหมี่รู้สึกผิดขึ้นมาทันที อยากจะพูดอะไรเพื่อให้บรรยากาศมันผ่อนคลายลง
แต่ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มคนนี้ก็กลับหันหลังแล้วเดินออกไป
“ปัง——”
เสียงกระแทกปิดประตูดังสนั่นหวั่นไหว ทำเอาผนังบ้านถึงกับสะเทือน!
เส้นหมี่ตะลึงงัน
กว่าจะได้สติ เธอกระโดดลงจากเตียงแล้วไล่ตามหลังไป กลับพบว่า ด้านนอกไม่มีใครอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชั้นล่างของบ้านก็มีเสียงสตาร์ทรถดังขึ้น
แสนรักออกจากที่นี่ไปในเวลาค่ำมืด
เส้นหมี่เข้าใจทุกอย่างแล้ว และในตอนนี้ เธอก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ ร่างกายราวกับโรยแรง ซวนเซพิงไปกับกำแพง
เธอพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ ?
ระหว่างพวกเขายังเริ่มต้นกันใหม่ได้เหรอ ? แล้วความเจ็บปวดของพวกเขาที่เกิดขึ้น จะทำเหมือนไม่มีอะไรอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
อย่างน้อยๆ คนอย่างเส้นหมี่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้
เส้นหมี่กลับเข้าห้องนอนตัวเองในสภาพจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในคืนนั้น เธอแทบจะนอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืน
รุ่งขึ้น
เด็กๆตื่นกันแต่เช้า โดยเฉพาะคิวคิวกับชินจัง ทันทีที่พวกเขาตื่นมา เด็กน้อยทั้งสองคนก็มาหลบอยู่ในห้องห้องหนึ่ง และล็อกประตู
“เมื่อคืนแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ทะเลาะกันอีกแล้ว พี่ได้ยินไหม?”
“อืม”
ใบหน้าเล็กๆของชินจังก็ดูแย่หนักเหมือนกัน เบ้าตาเล็กๆ มีสีคล้ำนิดๆทั้งสองข้าง
คิวคิวนั่งเอามือเท้าคางน้อยๆอยู่ตรงหน้าพี่ชาย “เฮ้อ ทำไมพวกเขาสองคนต้องเป็นแบบนี้ตลอดด้วย ? จะพูดคุยกันดีๆไม่ได้เลยหรือยังไง ? แด๊ดดี้ก็เหมือนกัน กว่าหม่ามี๊จะกลับมาได้ เขาจะอดทนหน่อยไม่ได้เลยหรือ? ”
ชินจัง“……”
อยากจะพูดอะไร แต่แล้ว เขาก็ปิดปากเงียบอยู่อย่างนั้น
เรื่องเมื่อคืน อันที่จริงแล้วก็แปลกประหลาดอยู่ ในตอนแรกเขาก็แอบเห็นแด๊ดดี้อุ้มหม่ามี๊ขึ้นมาที่ห้องแล้ว
แล้วทำไมจู่ๆถึงมาทะเลาะกันได้ ?
เรื่องของชินจังมันไม่ง่ายขนาดนั้น
“น้องคิว เราต้องหาวิธี ”
“วิธีอะไร?” คิวคิวเงยหน้าขึ้นในทันที มองไปยังพี่ชายอย่างมีความหวัง
“ฉันคิดว่าพวกเขาคงไม่ได้เจอกันนานเกินไป ไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน เราต้องสร้างโอกาสแบบนี้ขึ้นมา ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน。”
ชินจังที่พูดจาฉะฉานมากขึ้น ได้วิเคราะห์ให้น้องชายฟัง
คิวคิวที่ฟังจบ ดวงตาก็เป็นประกาย
เหมือนจะใช่ คนที่เขามีความรัก ก็เพราะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วจึงก่อเกิดความรู้สึกขึ้นมาไม่ใช่เหรอ ?
ที่เรียกกันวันเวลานานไปแล้วก่อเกิดความรู้สึกดีๆต่อกัน
คิวคิวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพี่ชาย
และแล้วในวันนี้ หลังจากที่เด็กน้อยสามคนไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว รอจนบ่ายโมงตอนที่เส้นหมี่ไปรับพวกเขา ก็ได้ยินพวกเขาพูดว่า ทางโรงเรียนอนุบาลกำลังจะจัดทริปให้พวกเขาไปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ
“เที่ยวฤดูใบไม้ผลิ ? นี่เพิ่งจะเปิดเรียนไปได้ไม่นานเองนะ จะไปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิแล้วเหรอ?”
“โห หม่ามี๊ เวลานี้ไปน่ะเหมาะแล้ว คุณครูบอกแล้ว ว่าครั้งนี้จะพาพวกเราไปต่างจังหวัด ให้เราสัมผัสประสบการณ์การทำไร่ไถนาของลุงชาวนาด้วย หม่ามี๊ ”
เมื่อหนูรินจังเห็นหม่ามี๊เต็มไปด้วยความสงสัย ก็รีบอธิบายให้หม่ามี๊ฟังเสียงออดเสียงอ้อน