ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 327 ยิ่งสนใจ ก็ยิ่งจะเจ็บปวด
เขาราวกับถูกอะไรกัด ใบหน้าที่หล่อเหลาแน่นิ่งในทันที หยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากลำธารไปขึ้นฝั่ง
เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้น“แสนรัก คุณอย่าไปฟังเธอพูดเหลวไหล ฉันไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น ”
“แล้วคุณต้องการอะไร ? ผมก็เกือบลืมไป คุณเส้นหมี่คนเก่า เพื่อให้ได้ลูกคืน เธอทำได้ทุกอย่าง ว่ายังไง ? ครั้งนี้เปลี่ยนกลยุทธ์แล้วเหรอ?”
ชั่วพริบตา ก็กลับเข้าสู่จุดเยือกแข็งอีกครั้ง!
ท่าทีของชายหนุ่ม ราวกับถูกอะไรกัดเข้าให้ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า หรือคำพูดคำจาที่เขาพูดออกมา ก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและร้ายกาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
และแล้วเส้นหมี่ก็ไม่พูดอะไรอีก
เพราะเธอรู้ ในเวลาแบบนี้ เธอพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่เด็กน้อยสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะการปรากฏตัวของแครอท ทำให้หม่ามี๊กับแด๊ดดี้ กลับเข้าสู่จุดเยือกแข็งอีกครั้ง พวกเขาต่างก็พากันโกรธ
“น้าแครอท อย่าพูดเหลวไหล หม่ามี๊ของผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ? หม่ามี๊ของผมก็แค่เห็นแด๊ดดี้ไม่อยากจะใส่รองเท้าและถุงเท้าที่สกปรก ก็เลยอาสาล้างให้ เขาจะได้ใส่มันกลับเหมือนเดิม ”
“เหอะ ไร้เดียงสา รองเท้าถุงเท้าสกปรก กลับไปเอาคู่ใหม่ให้เขาก็ได้แล้ว ฉันเอามาให้เขาตั้งหลายคู่ ที่จอดรถก็ไม่ได้อยู่ไกลมาก ต้องถึงขนาดนั่งยองๆลงแล้วล้างเท้าให้เขาเลยเหรอ ?”
แครอทตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อสิ้นเสียง ไม่เพียงแค่เด็กน้อยสองคนที่ถูกสวนกลับจนใบหน้าแดงก่ำ แม้แต่เส้นหมี่เองที่นั่งยองๆอยู่ ก็พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
ที่แท้ เธอก็เตรียมเอาไว้ให้เขาอยู่แต่แรกแล้ว
ช่างมัน ปล่อยมันแล้วกัน เธออยากจะพูดอะไรก็เรื่องของเธอ
เส้นหมี่ไม่อยากจะอธิบายอะไรแล้วทั้งนั้น เธอลุกยืนขึ้น ดวงตาที่เย็นชาราวกับดอกไม้ไฟที่มอดดับ มองไปยังลูกสาวที่อยู่ตรงหน้า “รินจัง มานี่มา หม่ามี๊จะพาหนูกลับ”
หนูรินจัง“……”
เด็กหญิงตัวเล็กก็ราวกับรู้สึกได้ถึงความเศร้าเสียใจของคนเป็นแม่ในตอนนี้ กางแขนป้อมๆออกแล้วโผเข้าหาอ้อมแขนของแม่
หลังจากนั้น สองคนแม่ลูกก็หยิบเอาตะกร้าผลไม้นั้นเดินจากไป
ชินจังกับคิวคิวสองคน หลังจากที่จ้องเขม็งมองไปยังแด๊ดดี้และคุณน้าที่น่ารังเกียจด้วยความขุ่นเคือง ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาอีก เดินจูงมือกันแล้วตามหลังหม่ามี๊ไป
ช่างเป็นปลาเน่าตัวเดียว ที่เหม็นไปทั้งข้องจริงๆ
ดูแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อแครอทคนนี้ พวกเขาต้องหาวิธีกำจัดเธอให้พ้นทางซะแล้ว
เด็กน้อยสองคนคิดกันในระหว่างทางที่เดินกลับ
——
ตอนเที่ยงของวันนี้เส้นหมี่พาลูกสาว ไปกินข้าวที่บ้านของชาวไร่คนหนึ่งพร้อมด้วยหนูมะลิและแม่ของเธอ
“แม่รินจัง ตอนบ่ายเราไปด้วยกันเถอะนะ ผู้หญิงที่ชื่อแครอทคนนั้น หนูมะลิไม่ค่อยจะชอบเธอสักเท่าไร ตอนเที่ยงก็ร้องไห้ไปหลายรอบเพราะเธอเลย ”
ในตอนที่กินข้าว แม่ของหนูมะลินั่งอยู่กับเส้นหมี่ เด็กน้อยทั้งสองคนออกไปเล่นด้วยกัน เธอก็พูดออกมาอย่างลำบากใจ
ห๊า?
เส้นหมี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ไม่นาน เธอก็นึกถึงอารมณ์ร้ายๆของผู้หญิงคนนั้นได้ และก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
“ได้สิคะ ตอนบ่ายเธอคงไม่มาแล้ว แล้วนี่ ภารกิจตอนบ่ายของเราคืออะไรเหรอ?”
“ได้ยินว่าให้กำจัดวัชพืช อันนี้ง่ายมาก ลูกๆของเราทั้งคู่ทำได้อยู่แล้ว ”แม่ของมะลิหยิบเอาภารกิจการ์ดงานออกมา แล้วยื่นให้เส้นหมี่ดู
ใช่ คือภารกิจกำจัดวัชพืช เป็นอะไรที่ง่ายอยู่
ในตอนนี้ หลังจากที่ทั้งสองคนกินข้าวกันเสร็จ ก็พาเด็กๆไปทำภารกิจต่อไป ว่ากันว่า ในภารกิจนี้ หากใครเก็บพืชผักผลได้อะไรได้ ก็สามารถนำกลับบ้านไปได้ด้วย
แม่ของมะลิมีความคึกคักอย่างมาก
“ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่ของเรา จะมีพืชผักผลไม้อะไรบ้าง ? หากมีต้นเซียงชุนก็ดี ”
“เซียงชุน ? มันคืออะไรเหรอคะ ?”
เส้นหมี่ไม่เคยอยู่ชนบทมาก่อน เมื่อได้ยินคำนี้ ก็เกิดสงสัยขึ้นมา
และแล้ว แม่ของมะลิก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ระหว่างทางเธอก็อธิบายให้เส้นหมี่ฟังอย่างเอาจริงเอาจังขึ้นมา บอกว่ามันคืออาหารรสเลิศที่หาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้
อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ?
เส้นหมี่สงสัยเล็กน้อย
จนสองคนแม่ลูกตามพวกเธอมาถึงที่ตรงบริเวณเนินเขา ก็เห็นคุณแม่คนนี้เก็บเอายอดอ่อนที่มีสีแดงเข้มจากต้นไม้ที่เปลือยเปล่าต้นหนึ่ง
เส้นหมี่เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
นี่มันยอดอ่อนเซียงชุนที่เป็นพืชสมุนไพรไม่ใช่เหรอ ? ใช้ลดความร้อนในร่างกายแก้พิษและอีกสารพัด เมื่อก่อนเธอก็มีติดบ้านไว้อยู่ตลอด เก็บเอาไว้ให้เด็กๆ
เส้นหมี่ตัดสินใจว่าหากทำงานแล้วเสร็จ ก็จะเอากลับไปด้วยเล็กน้อย เพื่อเก็บเอาไว้ใช้
ทว่า แม่ของมะลิกลับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แรกเริ่มเดิมทียังช่วยกันทำงานอยู่ แต่อยู่ๆไป เส้นหมี่ยังนั่งยองๆถอนหญ้าอยู่ที่พื้น จู่ๆรินจังก็วิ่งเข้ามาหา บอกว่าหนูมะลิกับแม่ของเธอหายตัวไปแล้ว
“หายไปแล้ว ? พวกเขาไปไหนกัน?”
“ไม่รู้เลย คุณน้าพาเธอเดินไปตรงนั้น บอกว่าจะไปเก็บยอดอะไรอ่อนๆ ”
หนูรินจังพูดอธิบายเสียงหวานให้คนเป็นแม่ฟัง
จริงๆเลยคนนี้……
เส้นหมี่มองดูตะวันที่ค่อยๆเอนเอียงไปยังทิศตะวันตก นึกถึงเวลากลับที่คุณครูประจำชั้นได้เน้นย้ำเอาไว้ ก็ร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย
“งั้นไปกันเถอะ เราไปหาพวกเขา ไม่อย่างนั้นต้องตามคนอื่นๆไม่ทันแน่”
“ได้ค่ะ หม่ามี๊”หนูรินจังยื่นมือเล็กๆให้คนเป็นแม่อย่างว่าง่าย จากนั้นสองคนแม่ลูกก็ไปหาแม่ลูกคู่นั้น