ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 341 กลายเป็นอาหารสุนัขโดยปริยาย
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 341 กลายเป็นอาหารสุนัขโดยปริยาย
สิ่งที่โกรธคือ วันสำคัญของเธอ เส้นหมี่ดันโผล่มาทำให้งานหมั้นเธอปั่นป่วนกะทันหัน
ส่วนที่ดีใจคือ ได้ยินว่าแสนรักจะเอาตัวผู้หญิงคนนั้นไปเป็นอาหารสุนัข
ในเมื่อจะเอาไปเป็นอาหารสุนัข งั้นเรื่องนี้ก็ไม่ถือสาเอาความผู้หญิงคนนี้แล้ว
อย่างไรเสีย ตอนนี้กำลังจะเริ่มพิธีหมั้นหมายกับเขาแล้ว และวันหน้าก็จะได้แต่งงานกัน ไม่มีอะไรเสียหาย
แครอทคิดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังไม่ให้คนรบกวนเรื่องนี้ จึงไปปลอบใจพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย บอกว่าแสนรักมีธุระในบริษัทกะทันหัน
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลก็ไม่ถือสาเอาคน
ยกเว้นเด็กน้อยผู้น่ารักทั้งสองคน
“หม่ามี๊ไม่ได้มาใช่ไหม?”
จวบจนงานหมั้นเสร็จสิ้น หม่ามี๊ก็ไม่มาให้เห็นหน้า ชินจังรู้สึกเสียใจเป็นล้นพ้น ดวงตาเล็กแดงก่ำไปหมด
คิวคิวก็ผิดหวังมากเช่นกัน
ทว่าเขาเห็นพี่ชายหดหู่ใจแบบนี้ จึงยังคงเอ่ยปากปลอบใจพี่ชาย“อย่าพึ่งกังวลไป พวกเราถามคุณปู่เล็กว่าหม่ามี๊กลับมาไหมก่อน?”
“ดี”
ชินจังได้ยินก็รู้สึกดีขึ้น จากนั้นเด็กๆก็ไปหาธนาตย์
เมื่อเด็กๆรู้ข่าวคราวหม่ามี๊ หม่ามี๊ของพวกเขาก็โดนขังที่โรงเลี้ยงสุนัขหนึ่งคืนเต็มๆแล้ว
“กินข้าว”
เช้าวันรุ่งขึ้น เส้นหมี่ที่โดนกักขังหน่วงเหนี่ยวได้ยินเสียงเหลืออดดังมาจากด้านนอก เมื่อประตูเปิดออก ผู้ขายใส่ชุดคนงานก็โยนโจ๊กเนื้อหนึ่งถ้วยกับไข่สองฟองมาให้
เส้นหมี่“……”
คนงาน“คุณรีบกินเลย ท่านประธานบอกว่าเลี้ยงคุณให้อ้วนแล้วค่อยเอาไปเป็นอาหารสุนัข ได้ยินหรือเปล่า?”
“……”
ตอนนี้เส้นหมี่ไม่อยากตอบอะไรทั้งสิ้น ยืนเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง
ที่เธออยู่คือตึกเล็กขนาดสองชั้น ตอนนี้เธออยู่บนชั้นสอง บอกตามความจริง สภาพแวดล้อมไม่เลวเลย เพราะนอกจากจะมีของใช้ครบครันแล้ว เธอมองลงไปแล้วยังเห็นทิวทัศน์ภูเขาแม่น้ำอันสวยงามอีกด้วย
โรงเลี้ยงสุนัข?
ผู้ชายคนนี้มีงานอดิเรกแบบนี้ตอนไหน?ถึงได้เลี้ยงสุนัขเป็นฝูงเช่นนี้
เส้นหมี่ฟังเสียงสุนัขร้องไม่ขาดสายก็รู้สึกรำคาญใจ หมุนกายไปหยิบข้าวเช้ามากินเนือยๆ
ตอนนี้เธอมีสติสัมปชัญญะแล้ว
เธอไม่กลัวถูกสับเป็นอาหารสุนัข
สิ่งที่เธอจดจ่อก็คือเรื่องความทรงจำที่ถูกลบทิ้งของผู้ชาย เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งความจำเขาจะหายไป……
นิ้วมือเธอซีดขาว
“แฮ่ๆๆ”
ทันใดนั้นสุนัขในโรงด้านล่างก็คำรามร้องเสียงดัง
เธอได้ยินสีหน้าก็เปลี่ยนนิดๆ คล้ายกับสัมผัสอะไรบางอย่างได้ รีบวางถ้วยลง จากนั้นก็วิ่งไปที่หน้าต่าง
ดังคาด มองจากหน้าต่างลงไป เธอเห็นถนนกลางภูเขาเส้นนี้มีรถแอสตัน มาร์ตินสีดำเงางามขับมา สุนัขจึงคำรามด้วยความดีใจ
“สวัสดีครับท่านประธาน”
คนเลี้ยงสุนัขเห็นก็รีบเข้าไปต้อนรับขับสู้
ไม่ผิด คนนี้ก็คือแสนรัก
เส้นหมี่กำหมัดแน่ เมื่อเห็นเขาเดินลงจากรถ ท่วงท่าที่สง่าผ่าเผย ทว่าใบหน้าคมคายกลับไร้ความรู้สึก ทั้งยังเยือกเย็นดั่งถ้ำน้ำแข็ง
หัวใจเธอรู้สึกหนักอึ้งอย่างสาหัส
กลับไปยังจุดเริ่มต้น เธอไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี
“เธออยู่ไหน?”
“อยู่ชั้นบนครับ ผมทำตามที่ท่านสั่งแล้วครับ เสิร์ฟอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการทุกมื้อ แต่ท่านประธานครับ เธอผอมบางแบบนี้ คงต้องเลี้ยงเป็นเดือนกว่าจะเป็นอาหารของสุนัขได้นะครับ”
เส้นหมี่“……”
เธอเอาเธอเป็นอาหารสุนัขจริงๆเหรอ?
เห็นผู้ชายด้านล่างขึ้นมา เธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจ รีบวิ่งไปยังโต๊ะอาหาร จากนั้นก็หยิบช้อนขึ้นมา
สองนาทีผ่านไป แสนรักก็เข้ามา
“คุณ…คุณมาแล้วเหรอ?”
“อย่าคิดจะตีสนิทผม บอกเลย ให้คุณเป็นอาหารสุนัขถือว่าเมตตาคุณสุดๆแล้ว”
เอ่ยปากก็ประโยคเดิมอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้นิสัยเหี้ยมเกรียมกว่าตอนที่จับตัวเธอที่โรงพยาบาลเคลียร์เสียอีก
เส้นหมี่ไม่พูด กินโจ๊กเงียบๆ
แสนรักเห็นเธอไม่ส่งเสียง สีหน้าจึงเริ่มดีขึ้น จากนั้นก็ใช้เท้าลากเก้าอี้มานั่ง ก่อนจะเริ่มซักไซ้“ตอนนั้นคุณแกล้งตายยังไง?”
“ออ เรื่องนี้เหรอ หมอทำคลอดช่วยฉันไง”
“หมอทำคลอด?”
“ใช่ ท่านเป็นเพื่อนแม่ฉันเอง เห็นฉันลำบาก รู้ว่ากลับไปบ้านคุณก็ไม่มีความสุข จึงเอาลูกออกมา จากนั้นก็ส่งฉันไปที่โรงพยาบาลเคลียร์”
เส้นหมี่พูดอย่างสงบนิ่ง
ตอนนี้เธอไม่คิดปิดบังเขาอีกต่อไป เพราะนึกถึงว่าเมื่อก่อนเขารู้ดีทุกอย่าง ถ้าจะให้หลอกอีกครั้ง เธอก็รู้สึกเหนื่อย
ผู้ชายนั่งไขว่ห้างมีสีหน้าแข็งกร้าว
เขาสูญเสียความทรงจำช่วงนั้นไป ทว่าสำหรับเรื่องที่เขาแต่งงานกับผู้หญิงตรงหน้ายังไง และมีลูกได้ยังไง เขายังคงจดจำได้ดี
ดังนั้นเส้นหมี่บอกว่าไม่มีความสุข เขาจึงรู้สึกเสียหน้าอย่างช่วยไม่ได้