ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 349 คุณกลัวเขาทำไม ไปหาเขาเลย
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 349 คุณกลัวเขาทำไม? ไปหาเขาเลย
เส้นหมี่มึนงง
เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลอัครนันท์?เธอยังจำได้ดีว่า ผู้ชายคนนั้นจะฆ่าเธอในโรงเลี้ยงสุนัข
เส้นหมี่นอนอยู่ในห้องตั้งนาน
จวบจนคนรับใช้ตระกูลอัครนันท์ขึ้นมา
“ป้าแรมรู้ไหมคะว่าหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ห้ะ? คุณท่านไม่ได้บอกเหรอคะ? ก็ท่านไปรับตัวคุณกลับมาจากหลานเขยไงค่ะ” คนรับใช้ยังคงเรียกแสนรักว่าหลานเขยดังเดิม ทว่าได้ยินเส้นหมี่ถามแบบนี้ เธอก็รู้สึกประหลาดใจ
เส้นหมี่ชะงักงัน
คุณลุงไปขอตัวเธอมาจากแสนรักเหรอ?
เป็นไปได้ยังไง?คุณลุงรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?
แล้วอีกอย่าง คุณลุงไปขอ ผู้ชายคนนั้นก็ยอมปล่อยจริงๆเหรอ?ก่อนเธอจะบาดเจ็บ เธอไม่เห็นจะมีวี่แววปล่อยเธอไปเลย
“แล้วใครบอกท่านคะ?”
“คุณชายน้อยคิวคิวโทรมาบอกค่ะ คุณท่านจึงไปหาหลานเขย ตอนนั้นคุณอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ท่านคุยกับเขาสักพัก จากนั้นก็ปล่อยตัวคุณกลับมาค่ะ”
คนรับใช้พูดเป็นต่อยหอย
เส้นหมี่ตั้งใจฟัง เมื่อได้ยินว่าลูกชายเธอ และคุณลุงเสียงน้ำลายกับผู้ชายคนนั้น เธอจึงจะมีชีวิตรอด
จมูกเธอก็รู้สึกแสบ เกือบจะมีน้ำตาร่วงลงมาอีกรอบ
เธอควรรู้สึกดีใจที่ยังมีครอบครัวรักใคร่เธอ โดยเฉพาะคุณลุงท่านนี้ สุดท้ายท่านก็ปล่อยให้เธอมีเรื่องไม่ได้
เส้นหมี่อารมณ์ดีขึ้นมาก วันนี้เธออยู่แต่ในบ้านตระกูลอัครนันท์อย่างเชื่อฟัง
แม้จะมีเสียงด่าทอของคุณป้าลอยขึ้นมาเป็นระยะก็ตาม
วันถัดมา
เส้นหมี่ที่ได้พักผ่อนเต็มที่หนึ่งคืน รู้สึกว่าตัวเองหายดีขึ้น ดังนั้นจึงลุกจากเตียงแล้วลงไป
เมื่อวานเกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนั้น ไม่รู้ว่าลูกชายทั้งสองจะเป็นยังไงบ้าง?
ยังมีอีก มาร์ตินก็ติดร่างแหพร้อมกับเธอไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง?
เส้นหมี่ตัดสินใจจะออกไปดูเสียหน่อย
ทว่าตอนที่เธอจะออกไป คุณลุงธนาตย์ก็มาหากะทันหัน“เธอจะไปไหน?”
“คุณลุงค่ะ หนูอยากไปหาพวกคิวคิวค่ะ” เส้นหมี่ยืนอธิบายหน้าประตู
ใครจะไปคิด เธอพึ่งเอ่ยจบ คุณลุงก็ตำหนิเธอทันที“มีอะไรน่าไปหากัน?ไปเปลี่ยนชุดเร็ว วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาเขา”
เส้นหมี่ตะลึงงัน
ไม่ใช่มั้ง เขาจะพาเธอกลับไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยตัวเอง?ทำไมกล้าแบบนี้?
ไม่ว่าอย่างไรเส้นหมี่ก็ไม่กล้าคิดแบบนี้เลย
ทว่าความจริงก็คือ คุณลุงเห็นเธอไม่ขยับก็ด่าเธอที่ไม่เอาถ่าน“ไม่ได้เรื่อง รู้แต่ลับๆล่อๆเป็นอย่างเดียว เธอติดค้างอะไรเขาไว้ ทำไมถึงกลัวขนาดนี้?”
ด่าเขาก็เดินนำด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เส้นหมี่“……”
กลืนน้ำลายลงคอ หลุดออกจากภวังค์แล้วรีบตามไป
“คุณลุง รอหนูด้วยค่ะ หนูไม่ได้กลัว หนูก็แค่…ไปหาเขาแบบนี้ เขายอมพบหน้าพวกเราเหรอคะ?”
“เขากล้าไม่พบเหรอ?”
ธนาตย์ที่ขึ้นถแล้วเอ่ยคำแข็งกระด้างออกมา
เส้นหมี่ไม่พูดอะไรต่อ
ได้ ปล่อยให้ท่านอาละวาดก่อน ถ้ากินแห้วแล้วค่อยกล่อมท่านกลับมาก็แล้วกัน
เส้นหมี่คิดแบบนี้
ทว่าสิ่งที่ทำให้ลูกตาเธอแทบกระเด็นก็คือ เมื่อพวกเขามาถึงร้านกาแฟใจกลางเมือง ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ
คุณลุงเธอโทรไป อีกฝ่ายก็ยอมมาตามนัด
โอ้สวรรค์!
เส้นหมี่เบิกตากว้าง สงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า?
“คุณลุงโทรหาเขาหรือคะ?”
“ใช่ มีปัญหาตรงไหน?” ธนาตย์วางมือถือโบราณลง จากนั้นก็เอ่ยแบบดูแคลนออกมา
เส้นหมี่“……”
ไม่มีปัญหาหรอก
แค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้นเอง
ดังคาด ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา รถเบนซ์สีดำคุ้นตาก็จอดหน้าร้านกาแฟ ก่อนจะเห็นร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา
เส้นหมี่ที่มีผ้าพันแผลที่หัว กำหมัดแน่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ากี่ท่านคะ?”
“มาตามนัด”
แสนรักยืนอยู่หน้าประตู กวาดสายตามอง ก่อนจะเห็นสองลุงหลานที่ริมหน้าต่าง
เวลานี้ คุณลุงอารมณ์สงบพอสมควร นั่งดื่มน้ำเปล่าอยู่โต๊ะ แต่หลานสาวที่นั่งตรงข้ามกลับรู้สึกร้อนรนใจ
โดยเฉพาะตอนที่เห็นเขาเข้ามา ดวงตาใต้ผ้าพันแผลเบิกกว้างทันที
มือที่ถือหลอดดูดยังสั่นระริก
เขาน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ?
แสนรักเดินเข้าไปโดยไร้อารมณ์
“คุณธนาตย์มีธุระอะไรกับผม?”
“นั่งก่อน ไม่รบกวนเวลานายมากหรอก ท่านประธานแสนรัก” ธนาตย์ย้อนกลับ ก่อนจะโบกมือให้บริกรยกเก้าอี้มาเสริม
เส้นหมี่“……”
คุณลงกำลังรนหาที่ตายชัดๆ!
เมื่อนัดเขามาก็ต้องนั่งโต๊ะที่มีสามที่นั่งสิ แต่ดันเลือกโต๊ะริมหน้าต่าง ซึ่งมีเพียงสองที่นั่ง ท่านกำลังคิดจะวางมาดใส่เขาเหรอ?
เส้นหมี่ไม่กล้ามองภาพนี้เลย
ทว่าสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจอีกครั้งก็คือ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เดือดดาล ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ที่บริกรยกมาให้