ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 422 เส้นหมี่เสียแล้ว!
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 422 เส้นหมี่เสียแล้ว!
แต่แท้จริงแล้ว ตั้งแต่เนติไม่เชื่อฟังและให้กำเนิดลูกคนนี้ จากนั้นทำสิ่งต่างๆ ให้วุ่นวาย คาดว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ชอบหรอก
แป๊บเดียวคุณท่านก็ไป ไม่นานนัก ดลธีก็เข้ามา
“ประธาน”
“เธอล่ะ?”
ประโยคแรกที่แสนรักเห็นคนๆ นี้ ก็ถามแบบนี้
ดลธีก้มหน้าลงช้าๆ
ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่เพิ่งฟื้นมา ก็รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรฟันอย่างแรงที่หน้าอก ทันใดนั้น รูขนาดใหญ่ก็ปรากฏ เขานั่งอยู่ตรงนั้นราวกับรับลมหนาว แล้วไออย่างรุนแรงทันที
“ประธาน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ประธานครับ!!”
“แค่กแค่กแค่กแค่ก……”
ชายหนุ่มที่ไอจนเจ็บปวด เจ็บจนต้องก้มเอว เส้นเลือดเขาปูดขึ้นมา หน้าหล่อเหลานั้นแดงคล้ำ เหมือนปลาที่กำลังจะตาย
เวลานี้ ช่วงอกนั้นหายใจไม่ออก
“อ้วก——”สุดท้ายเขาก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด!
จากนั้น เขาก็เอียงศีรษะ แล้วหมดสติไป
หลังจากแสนรักแยกหลายบุคลิกภาพ ที่จริงแล้วพอจำบางเรื่องได้ ตอนแรก เขาจำได้ว่าแครอทสะกดจิต ดังนั้น เขาจึงแค้นมาก จิตใต้สำนึกจะลากเธอไปสับให้แหลกที่ครัว
และครั้งนี้ เขาก็จำได้ว่า ตัวเองเหนี่ยวไกไปยังหญิงสาวที่เข้ามา
“อย่า……อย่า หมี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้……”
“รัก?รักตื่นสิ?”
แครอทเห็นเขากำลังเจ็บปวดในความฝัน จึงอยากจะปลุกเขา
แต่ตอนนี้เอง ผู้ชายคนนี้ดันลืมตาขึ้นมากะทันหัน หลังจากลุกขึ้นนั่งขึ้นมาจากเตียง เขาก็ออกแรงจับข้อมือของเธอ:“ผมผิดไปแล้ว หมี่ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ไม่ทำ ……”
ในเบ้าตาที่ไม่ชัดเท่าไหร่ของเขา ก็มีน้ำตาไหลออกมาเป็นพวง
แครอทตกตะลึง!
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาร้องไห้ เธอรักษาเขามาถึงแปดปี
แต่ว่า ครั้งแรกที่เขาถูกเธอแทงไม่ได้ร้องไห้ ครั้งแรกที่โดนเธอใช้การรักษาด้วยการสะกดจิตที่โหดร้ายก็ไม่ร้องไห้ เธอดุเขาลงโทษเขา เขาก็ไม่เคยน้ำตาไหลแม้แต่หยดเดียว
ตอนนี้ เขากลับร้องไห้อย่างกับเด็ก คว้าข้อมือของเธอ แล้วร้องไห้เบาๆ
การแสดงออกในแววตาแครอท เป็นครั้งแรก ที่เยือกเย็น และเศร้าเช่นนี้
“ฉันไม่ใช่เส้นหมี่ ฉันคือแครอท แสนรัก คุณมีสติหน่อย เธอตายไปแล้ว”
“คุณพูดอะไร?”
ราวกับว่าโดนคนมากดจุดเลือดลม ในที่สุดชายคนนี้ก็หยุดสะอื้น แต่ที่แลกมาด้วย กลับเป็นอีกอารมณ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่า
แครอทใจแข็งไป:“ฉันบอกว่าเธอตายแล้ว ตั้งแต่คุณถูกพากลับมา ศพของเธออยู่ตรงนั้น ดลธีพากลับมาเอง เขาเอาแต่สนร่างกายของคุณ เลยไม่ได้บอก ……”
“เพียะ——”
ตบออกไปหนึ่งฉาดโดยตรง!
“ออกไป๊!”ดวงตาคู่นั้นของเขาแดงก่ำ เหมือนกับผี พ่นคำนี้ออกมาจากจากช่องว่างของฟัน
แครอทปิดหน้าของตัวเอง เป็นเวลานานมาก เธอเกือบจะกระโดดขึ้นมา ตั้งแต่เด็กจนโต ใครกล้าตีเธอบ้าง?
แต่สุดท้าย ไม่รู้ว่าทำไม เธอก็ไม่กล้า ได้แต่จ้องคนๆ นี้แป๊บหนึ่ง แล้วปิดแผลบนหน้าตัวเองแล้ววิ่งออกไป
เส้นหมี่ตายแล้ว!!
ไม่กี่วันจากนั้น ประตูห้องนี้ ก็ไม่เคยเปิดอีกเลย คนด้านใน ก็เหมือนจะตัดขาดจากโลกใบนี้ไปแล้ว ใครเรียกก็ไม่ออกมา
คุณท่านก็ร้อนรน อยากจะให้คนมาทุบประตูเข้าไป
ตอนนี้เอง เด็กน้อยทั้งสามคน กลับสวมเสื้อผ้าชุดใหม่กันแล้วมาปรากฏตรงหน้าเขา
“คุณปู่ ให้พวกเราไปโน้มน้าวแด๊ดดี้เถอะ”
“ใช่ คุณปู่ คุณปู่ดูสิ วันนี้พวกเราสวมเสื้อผ้าใหม่ที่หม่ามี๊ซื้อให้พวกเราด้วย แด๊ดดี้จะต้องชอบแน่”
หนูรินจังที่สวมชุดกระโปรงตัวเล็กสีชมพู ด้านหลังยังมีปีกผีเสื้อสองข้างด้วย เบิกตาโตๆ แดงๆ คู่นั้น มาตรงหน้าคุณปู่
คุณท่านเห็น ใจก็สลายทันที
เสื้อผ้าพวกนี้ ล้วนแต่เป็นของที่ดลธีเอามาจากเมืองนั้น
วันนั้น หลังจากพวกเขาพาแสนรักกลับมา ดลธีก็ไปเก็บของที่โรงแรม จากนั้นจึงพบเสื้อผ้าใหม่กองหนึ่งที่ถูกส่งมา และยังมีเครื่องประดับต่างๆ คนที่โรงแรมบอกว่าคุณผู้หญิงคนหนึ่งที่นามสกุลวชิรนันท์ให้คนส่งมาให้
คุณเส้นหมี่?
นั่นไม่ใช่เส้นหมี่หรือ?
ดลธีไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ เขารีบจ่ายเงิน แล้วนำสิ่งของเหล่านี้กลับมา
รวมทั้งเสื้อผ้าเด็กเหล่านี้ ก็เป็นคนขับแท็กซี่คนหนึ่งส่งมาด้วยเช่นกัน เขาหยิบรวมกลับมา เขาคิดว่า นี่คือความคิดสุดท้ายที่คุณนายทิ้งไว้บนโลกใบนี้ ประธานเห็น จะต้องดีใจแน่
เด็กน้องทั้งสามคนมาตรงหน้าห้องของแด๊ดดี้
“พี่ พวกเราใครจะเคาะประตูดี?”
หนูรินจังที่สวมชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีชมพู ดวงตาเป็นประกายโตๆ นั้นมองพี่ชายสองคนนี้ ถามเสียงนุ่มนิ่ม
ชินจังไม่ทำแน่นอน เขาง้อใครไม่เป็น
ส่วนคุณชายคิว……
“น้องสาว น้องเคาะดีกว่า อย่าลืมทำเสียงร้องไห้หน่อยๆ นะ ร้องหาหม่ามี๊ จากนั้นแด๊ดดี้ได้ยิน ก็จะต้องมาเปิดประตูแน่”
เด็กหนุ่มฉลาดมาก แม้แต่สิ่งนี้ก็คิดได้
ที่จริงแล้ว หากเทียบกับลูกชายสองคนนี้แล้ว ในใจของแสนรัก ลูกสาวจะทำให้เขาใจอ่อนมากกว่า เพราะว่าผู้ชายก็แบบนี้แหละ ส่วนอ่อนโยนที่สุดในใจเขา น่าจะมีแก้วตาดวงใจนี้อยู่
หนูรินจังก็ยกมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วเคาะประตูบานนี้อย่างเชื่อฟัง:“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้รีบออกมาสิคะ วันนี้รินจังสวมกระโปรงตัวใหม่ที่หม่ามี๊ซื้อมา แด๊ดดี้รีบออกมาดูเร็ว”
“……”