ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 477 เส้นหมี่หายไปอีกแล้ว
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 477 เส้นหมี่หายไปอีกแล้ว
แต่ว่า แสงดาวนั้นเร็วขนาดไหน แค่พริบตาเดียว เธอถอดต่างหูของตัวเองออกแล้ว หลังจากดัดให้ตรงสองสามที แล้วเสียบเข้าไปในช่องกุญแจของตึกหลังน้อย
“กิ๊ก——” กุญแจเปิดออกแล้ว
เส้นหมี่: “……”
“เสร็จแล้ว ฉันเข้าไปแล้วนะ คุณอยู่ที่นี่เฝ้าเอาไว้แล้วกัน ดีที่สุดคือคุณหาที่ซ่อนตัวเอาไว้ ถ้ามีคนมาเจอคุณเข้าคงแย่แน่”
แสงดาวเปิดประตูสำเร็จแล้ว ตอนที่จะเข้าไป ยังกล่าวตักเตือนเส้นหมี่หนึ่งประโยค
เรื่องราวพัฒนามาจนถึงจุดนี้ เส้นหมี่ไม่รับปากก็คงไม่ได้แล้ว
เธอปิดประตูลง หลังจากนั้นหาสถานที่ที่ค่อนข้างลับตาคนแอบซ่อนอยู่
เวลาก้าวผ่านไปทุกนาทีทุกวินาที พระอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เส้นหมี่ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรจากด้านใน เธอเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาแล้ว
เกรงว่า จะมีคนเข้ามาพอดี
“แปลกจัง ประตูของที่นี่ทำไมเหมือนมีคนเปิดออก”
“ห๋า? งั้นต้องรีบเข้าไปดูแล้ว คุณท่านกำลังจะกลับเข้ามาเร็วๆ นี้ ถ้าถูกพบเข้าคงจะแย่แน่”
น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความตื่นตระหนก ทันใดนั้น เส้นหมี่จึงได้ยินเสียงคนกำลังเข้ามา
อะไรนะ?
คุณท่านใกล้จะมาแล้ว?!!
เส้นหมี่ร้อนรนขึ้นมา ถอยออกไปทันที เธออยากหลบคนคนนี้ หลังจากนั้นค่อยคิดหาวิธีติดต่อแสงดาวไป
แต่เวลานี้ ในหูของเธอ ทันใดเธอเหมือนได้ยินเสียง “ตึง” ดังมาจากข้างใน
เกิดอะไรขึ้น?
แสงดาวเกิดเรื่องขึ้นแล้วเหรอ?
ใบหน้าของเธอซีดขาวขึ้นมาทันที มองดูแล้วคนคนนั้นยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เธอไม่เหลือเวลามาครุ่นคิดแล้ว ทำได้แค่พุ่งเข้าไปในตึกหลังน้อย
หลังจากนั้นปิดประตูลงอย่างมิดชิด!
ปิดประตูลง ด้านนอกก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว
เส้นหมี่มองผ่านช่องประตูเห็นสาวใช้คนนั้นเดินออกไป จึงหมุนตัวกลับมา ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งเข้ามาที่ แต่ก็ไม่เคยเข้ามาสถานที่แห่งนี้
“ฮู้——”
“ใคร?”
ทันใดเสียงหอบลอยมา เส้นหมี่ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลออกมาจากแผ่นหลัง
แต่กระนั้น เธอถอนหายใจออกมา ในนี้มองไม่เห็นสิ่งใดที่เกิดขึ้น กลับกันคือในศาลเจ้าตรงตำแหน่งป้ายยังมีการไหว้อยู่ ในนี้แสงค่อนข้างสลัว
มองดูแล้วสันหลังเย็นวาบ
สถานที่แห่งนี้ ช่างน่าสะพรึงกลัว สุดหลอน
เส้นหมี่กลืนน้ำลายลงคอ บังคับตัวเองให้สงบลงก่อน
หลังจากนั้น เธอมองไปที่ชั้นบน ค่อยๆ เริ่มก้าวเท้าไปทีละก้าว ก้าวขึ้นไปด้านบน เตรียมไปหาแสงดาว
“แสงดาว? แสงดาว? คุณอยู่ไหน”
“……”
ไม่มีเสียงใด
หลังจากที่เดินขึ้นมา ตึกหลังน้อยนี้ช่างน่าสะพรึงทำให้คนขนหัวลุก นอกจากลมหายใจของตัวเอง เธอก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย
แล้วแสงดาวล่ะ เธอไปไหนแล้ว?
เส้นหมี่ยืนอยู่บริเวณหน้าต่างที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา ดวงตาทั้งสองข้างมองสำรวจไปรอบๆ
ผลลัพธ์ เธอตกใจอย่างมากพบว่า ชั้นสองนี้ เป็นห้องนอนที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบร้อย เตียงนอน (แบบที่มีผ้าม่านคลุมด้านบนของจีนโบราณ) โต๊ะกลม แม้แต่โต๊ะเครื่องแป้งก็ยังมี
เพียงแต่ว่า ต่างเป็นสิ่งของในยุคสมัยที่นานมาแล้ว เพราะว่าสิ่งของเหล่านี้ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น ยังมี เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งของในยุคสมัยนี้ ต่างเป็นสิ่งของเก่าแก่ที่มีมานาน
มีใครอาศัยอยู่ที่นี่กันแน่?
เธอค่อยๆ เดินผ่านไป ทันใดนั้น เธอพบว่าที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนั้น มีกระดาษหลายใบวางเกลื่อนอยู่
นี่คืออะไรเหรอ?
เธอหยิบกระดาษขึ้นมา
“ใบเกิด?”
เธอตกใจอย่างขีดสุด
ที่นี่มีใบเกิดอยู่ได้อย่างไรกัน? อีกทั้งยังเป็นกระดาษแบบเก่าแก่
เธอมองดูกระดาษแผ่นนั้นอย่างประหลาดใจ กระดาษสีเหลืองๆ แผ่นนี้เขียนเอาไว้ ฝ่ายบิดาคือขุนนายฝ่ายมารดาคือ:ภารานิน
ภารานิน?
ขุนนายชื่อนี้ช่างแปลกประหลาด เธอไม่เคยเห็นมาก่อน และก็ไม่รู้จักคนคนนี้
แต่ว่า “ภารานิน” สามคำนี้ เธอมองดูอย่างรู้สึกคุ้นเคย
เหมือนว่าจะเป็น แม่ของแสนรัก คือนามสกุลวิไลการ?
หรือว่าจะเป็นเธอ?!!
เธอโล่งอกขึ้นมาทันที
แต่ไม่นาน หลังจากเธอได้คิดทบทวนอีกครั้ง จึงปฏิเสธออกมาอย่างแน่ใจ เพราะว่าเธอจำได้แล้ว แม่ยายของเธอนามสกุลวิไลการ แต่เธอไม่ได้ชื่อว่าภารานิน
เธอชื่อภาราดา
งั้นผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?
เส้นหมี่คิดทบทวนเป็นร้อยครั้งแต่ก็นึกไม่ออก และในเวลานี้ บนตึกที่เงียบสงบ มีเสียง “ผลัวะ——” ดังออกมา
“ใคร?”
เธอรีบนำสิ่งที่อยู่ในมือยัดลงกระเป๋าตัวเอง หลังจากนั้นก็ถามตามออกไป
ผลลัพธ์ เธอนึกยังไงก็คิดไม่ถึง จากที่เธอเดินมา หลังจากนั้นก็มองไปด้วยความหวาดกลัวอย่างขีดสุด แสงดาวล้มอยู่ตรงนั้น ตรงข้างๆ เท้าของเธอ มีบางอย่างกำลังแทะนิ้วเท้าของเธออยู่
“อ๊า——”
เธอจึงกรี๊ดออกมาอย่างเสียงดัง!
——
เส้นหมี่หายตัวไปอีกครั้ง
เมื่อตอนกลางวันแสนรัก พบว่าไม่ได้กลับมาทานข้าวตามที่นัดไว้ จึงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
“ท่านประธาน ผมตรวจสอบดูแล้วนายหญิงนัดเจอคุณหนูใหญ่อีกแล้วครับ”
“นัดเจออะไรอีก ผู้หญิงคนนี้หลังจากกลับมา นิสัยเปลี่ยนไปแล้วเหรอ ทำไมต้องนัดเจอเธอบ่อยๆ พวกเธอทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อันดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
เมื่อได้ฟังว่าพี่สาวนัดภรรยาของตัวเอง ชายหนุ่มผู้นี้จึงด่าออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ดลธีก็ได้แต่ฟังอย่างเหงื่อตก
หลังจากนั้นไม่กี่นาที คนที่ส่งไปสะกดรอยตามก็ส่งข้อมูลกลับมา
“คุณพูดว่าอะไรนะ พวกเธอไปที่คฤหาสน์หลังเก่าอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ครับ พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกินอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อไปถึงคฤหาสน์หลังเก่า หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าไปไม่ได้แล้ว ได้แต่รออยู่ข้างนอก จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เห็นพวกเธอทั้งสองออกมา”
“……”
ตอนนี้ สีหน้าของดลธีเปลี่ยนสีแล้ว