ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 580 นั่นสมควรสมน้ำหน้า
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 580 นั่นสมควรสมน้ำหน้า
“คุณอยากดูหนังเรื่องอะไร ผมพึ่งจะดาวน์โหลดมา ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตก็ดูได้”
“จริงเหรอ งั้นก็ดูหนังสยองขวัญไหม เวลาแบบนี้ เหมาะที่สุดแล้ว”
“……”
“ยินดีต้อนรับสู่Arena of Valor เกมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
“Firstblood!”
“duoblekill!”
“!!!!”
คนสุดท้ายคนที่เล่นเกมคนนั้น เปิดเสียงออกมา บริเวณใกล้ๆต่างได้ยินเสียงการเล่นของเขาไม่ว่าจะเป็นการปล่อยพลังแบบต่างๆหรือ1ฆ่า2คละเคล้ากันไป
หึหึ สมน้ำหน้า!
เส้นหมี่ไม่ได้มีความรู้สึกเดียวกันแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกซะใจขึ้นมา
จนลุงที่นั่งอยู่ที่แถวหน้า แกะห่ออะไรบางอย่างออกมา หลังจากนั้นในก็อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหน่อไม้ดองเหม็นๆลอยมา
“อุ๊บ——”
ในที่สุดแสนรักก็อดทนไม่ไหวแล้ว เอามืออุดปากกับจมูกตัวเองเอาไว้แล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง หลังจากนั้นก็พุ่งออกไปโดยเร็ว
แบบนี้?
เส้นหมี่รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น มองไปที่เก้าอี้ที่ว่างเปล่าอันนั้น ภายในใจรู้สึกโปร่งโล่งเป็นอย่างมาก
สำหรับคนที่ตั้งแต่เล็กคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดแล้ว สภาพแวดล้อมแบบนี้ ก็เหมือนกับอยู่ในกรงขังดีๆนี่เอง โดยเฉพาะ คนที่มีนิสัยรักความสะอาดแบบนี้
เส้นหมี่คิดว่า คนคนนี้เมื่อถึงสถานีถัดไปก็คงจะหนีลงไปแล้วล่ะ
หลังจากนั้นก็คิดเอาไว้แล้ว
สถานีถัดไปเขาก็ลงรถแล้ว
งั้นเธอก็ค่อยลงตรงสถานีที่อยู่ถัดไปอีก หรือไม่ก็ผ่านสถานีเมืองAไปอีกสถานีหนึ่ง เธอก็สามารถไปรับพวกเขามาได้ แล้วค่อยหนีไป แบบนี้ก็ได้เหมือนกันนะ
เธอนั่งอยู่ตรงนั้นดีใจได้ประมาณสิบกว่านาที ผู้ชายหมาๆคนนี้ เธอกลับเห็นว่าเขากลับมาแล้วอีกครั้งแล้ว
“คุณภรรยา ผมไม่เป็นอะไร ผมกลับมาแล้ว”
ทั้งที่หน้าซีดขาวขนาดนั้น ที่ปากยังปิดด้วยผ้าเช็ดหน้าของตัวเองผืนหนึ่ง
แต่ว่า เขามาที่ด้านข้างของเธอ ยังบอกกล่าวกับเธอว่า เขากลับมาแล้ว
ใครให้ความสำคัญกัน?
เส้นหมี่บังคับตัวเองไม่ให้หันหน้าไปมองเขา
แสนรักรู้สึกหน้าชาขึ้นมา ผ่านไปสักพัก ก็กลับมานั่งลงตรงที่ตำแหน่งเดิม
ความจริงแล้วเขารู้สึกอึดอัดมาก
ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือว่าอยู่ที่บริษัท ในสายตาทนมองคนสกปรกไม่ได้เลย สภาพแวดล้อมเบื้องหน้านี้ สำหรับเขาแล้ว ไม่ต่างอะไรกับนรกเลย
แต่ว่า เขาต้องอดทนเอาไว้
เพราะว่า เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะหนีไปอีกเมื่อไหร่?
อีกทั้งด้วยสมองและอารมณ์โกรธของเธอแล้ว ถ้าหนีไปจริงๆ เขาคงตามหาเธอไม่เจอ ยกตัวอย่างเช่นที่เมืองเคลียร์เมื่อห้าปีนั้น ยังมีตอนที่อยู่เกาะเดรกอีก
แสนรักพิงไปที่พนักที่นั่ง บังคับให้ตัวเองหลับตาลง ไม่มองไปที่สิ่งเหล่านั้น
แต่ว่า หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงทารกร้องดังขึ้นมา
“อูแว้~~~”
เสียงแหกปากร้องออกมาดังไปทั่วทั้งขบวน แสนรักรู้สึกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิดยังไงอย่างงั้น
เขาก็เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน
แต่ชินจังตอนเล็กไม่ค่อยจะร้องไห้
อีกทั้งตอนนั้นก็ยังมีพี่เลี้ยงมาช่วยเลี้ยง ตอนเขาร้อง เธอก็เป็นคนดูแล
แสนรักปิดหูตัวเองเอาไว้
“เด็กน้อยร้องเสียงดังขนาดนี้ คงจะหิวแล้วหรือเปล่า”
“อืม ใช่แล้วล่ะ”
“งั้นยังรออะไรล่ะ รีบป้อนนมสิ ไม่ต้องอายอะไรหรอกน่า บ้านไหนไม่มีเด็กบ้างล่ะ”
ทันใดก็มีคนพูดออกมาประโยคหนึ่ง
เส้นหมี่:“……”
พอรู้สึกตัวแล้วจึงมองไปที่ชายหนุ่มด้านข้าง
ปรากฏว่า เดิมทีก็เห็นว่าสีหน้าเขายังไม่ฟื้นคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ตอนนี้เห็นได้เลยว่าซีดลงในทันตา เขาปิดปากตัวเองเอาไว้แล้วรีบพุ่งออกไป
แต่ครั้งนี้ รีบกว่าครั้งที่แล้วอยู่มาก
เส้นหมี่รวบนิ้วมือขึ้นมาในใจเป็นกังวล
“สาวน้อย สามีของคุณ……ไม่เป็นไรใช่ไหม เห็นเขาไปห้องน้ำสองรอบแล้ว ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
คนที่นั่งอยู่ติดกันกับพวกเขา เมื่อได้เห็นภาพนี้ จึงถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
เส้นหมี่มุมปากกระตุก ผ่านไปสักพัก เธอจึงแย้มยิ้มออกมา:“ไม่เป็นไรค่ะ คงจะไม่ค่อยคุ้นชิน เมารถน่ะ”
“ห๋า? นั่งรถไฟความเร็วสูงยังเมารถ นี่เป็นยานพาหนะที่ดีที่สุดแล้วนะ สามีของคุณเมื่อก่อนทำอาชีพอะไรเหรอ แม้แต่รถไฟความเร็วสูงก็ไม่เคยนั่งงั้นเหรอ”
คนคนนี้อายุค่อนข้างมาก เมื่อสักครู่คงมองไม่เห็นว่าแสนรักได้หยิบเงินออกมาปึกหนึ่งนั้น
ได้ยินเส้นหมี่พูดว่าเขาไม่คุ้นชิน ทันใดจึงส่งสายตาดูถูกออกมาว่าไม่เคยเจอโลกภายนอก
เส้นหมี่ไม่อยากสนใจ
เธอจึงหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
แต่ว่า เธอกลับมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกไม่ลงแล้ว ภายในใจคิดไปต่างๆนานา หันกลับไปมองอยู่บ่อยๆ
ทำไมเธอถึงได้ไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย?
เธอรู้สึกเกลียดตัวเองแล้ว
บังคับตัวเองไม่ให้ไปคิดเรื่องนี้อีก
แต่ว่า ครั้งนี้ หลังจากชายหนุ่มวิ่งออกไป ตั้งนานแล้วก็ยังไม่กลับมา เหมือนกับว่าเขาลงจากรถไปแล้ว
แต่ว่า รถไม่ได้จอดลง
งั้นเขาอ้วกไปอ้วกมา แล้วเป็นลมอยู่ในห้องน้ำไปแล้วเหรอ?
เส้นหมี่ใจเต้นแรงขึ้นมา นั่งไม่อยู่กับที่แล้ว เธอจึงลุกขึ้นอย่างกะทันหัน
“คุณภรรยา คุณ……จะไปไหนเหรอ”
แต่เวลานี้ ตรงทางเดิน ชายหนุ่มเดินกลับมาอย่างเอนไปเอนมา
หลังจากมองเห็นเธอลุกขึ้นมาจากที่นั่ง ทันใด เขารู้สึกตัวลอยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รีบพุ่งเข้ามาแล้วมองไปที่เธออย่างดีอกดีใจ
ภายในใจของเส้นหมี่ผ่อนคลายลง ทันใดก็เบนสายตาหนีไปทางอื่นอย่างเคอะเขิน
“ไม่ได้ทำอะไร จะไปเติมน้ำ”
“เติมน้ำ?”
แววตาของคนคนนี้ก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที:“คุณภรรยา เมื่อกี้ผมไปทางโน้นมาได้ยินว่า ที่นี่มีขบวนที่เป็นห้องอาหาร ไม่งั้นพวกเราไปที่นั่นกันดีหรือเปล่า พอดีที่นั่นมีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม”