ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 617 เส้นหมี่ คุณเห็นผมเป็นคนโง่ใช่ไหม
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
ในที่สุดเส้นหมี่ก็ยิ่งกลัวมากขึ้น เธอไม่ได้เรียกเขาอีก แต่ชะเง้อมองไปตามสายตาอันยากจะหยั่งลึกของเขาทั้งสองข้าง ที่กำลังจ้องดูคนที่นอนอยู่บนเตียง
ผลคือ เมื่อม่านตาของเธอห่อตัวลงอยากหนัก เธอมองเห็นมือคู่หนึ่งที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
นั่นคือภารานิน!
คุณแม่สามีของเธอคนนี้ ถึงแม้ว่าจะมีอายุเยอะแล้ว แต่เพราะว่าหลายปีมานี้ ถูกธนากรจับขังไว้ในห้องใต้ดิน ก็ไม่เคยทำงานหนักใดๆ
ดังนั้น นิ้วมือของเธอ ยังคงสวยเรียวมาก หลังจากที่ล้างสะอาดแล้ว ก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เส้นหมี่มองเห็นมือคู่นี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมทุกครั้ง
สมองของเส้นหมี่เกิดเสียง “วิ้ง” ขึ้นมา
เหมือนกับจะล้มลุกคลุกคลาน เธอก็พุ่งเข้าไปที่หน้าเตียงคนไข้ จากนั้นก็ยื่นมืออันสั่นค่อยๆ เปิดผ้าสีขาวที่ปิดอยู่บนใบหน้าของคนคนนี้ออก
“แม่…….”
เธอปิดปากตัวเองไว้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น้ำตาเม็ดโตก็ไหลร่วงลงมาจากดวงตาของเธอ ราวกับถูกสายลูกปัดที่ถูกตัดสายออก
เป็นภารานินจริงๆ ด้วย!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?
เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอจริงๆ เหรอ!!
แต่ คนที่เธอจ้างมาบอกกับเธอชัดเจนว่า นั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้นบนขบวนรถไฟนั้น แล้วทำไมตอนนี้ผู้ชายคนนี้ถึงได้มาเฝ้าอยู่ที่นี่ล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เส้นหมี่รู้สึกว่าหัวใจทั้งดวงของเธอกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างกรีดขาดออกจากกัน
นานมาก กว่าเธอจะค่อยๆ เปิดผ้าขาวผืนนี้ออกมาทั้งหมดแล้ว จากนั้น คราวนี้ ในที่สุดเธอก็เห็นชัดเจนว่ามีรอยกระสุนปืนอยู่ที่หน้าอกของผู้หญิงคนนี้
“คุณนาย คุณนายท่านเขาเสียชีวิตจากกระสุนลูกนี้ ก็เพื่อช่วยท่านประธานไว้”
ไม่รู้ว่าดลธีเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อเขาเห็นเธอ เขาก็ยืนอธิบายให้ฟังด้วยความเจ็บปวดใจอยู่ที่ประตูทางเข้า
กันลูกกระสุนปืน?
ทำไมถึงกันลูกกระสุนปืน? อยู่ดีๆ ภารานินทำไมต้องไปกันลูกกระสุนปืนให้เขาล่ะ?
เส้นหมี่รีบหันหน้ากลับไปถามเขา : “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เมื่อวานพวกคุณ… เมื่อวานไปที่ไหนมากันแน่?”
“เมื่อวาน…..”
“ลากเธอออกไปให้พ้น!”
ทันใดนั้น ผู้ชายที่นั่งนิ่งไม่พูดอะไรอยู่บนเก้าอี้ ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา
น้ำเสียงแหบแห้ง แฝงด้วยความเด็ดขาดและดุดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สองคนในห้องผู้ป่วยที่ได้ยินถึงกับตกตะลึง
เส้นหมี่ คือเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดไป
เขาให้คนลากตัวเธอออกไป?
แล้วดลธีล่ะ?
ก็จ้องมองดูที่ BOSS คนนี้ของเขา และแสดงให้เห็นถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงง
“พี่ชาย พี่อย่าเสียใจ ฉันรู้ เมื่อวานฉัน…..” เส้นหมี่ค่อยๆ เรียกสติกลับมา เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้คิดว่าหลังจากที่ภารานินเกิดเรื่องแล้ว ตัวเธอเองไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย
ดังนั้น เธอคิดจะอธิบายให้ฟัง
แต่ เธอเพิ่งจะเริ่มเอ่ยปากพูด ผู้ชายคนนี้จู่ ๆ ก็ตวาดใส่เธอขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง : “ผมบอกให้คุณไสหัวออกไป! คุณไม่ได้ยินเหรอ?!!”
เสียงคำรามด้วยความโมโห ทำให้ห้องผู้ป่วยเกิดเสียงดังสนั่น
เส้นหมี่ถึงกับช็อก!
ดวงตาทั้งสองของเธอเบิกกว้าง สองสามวินาทีผ่านไป เธอรู้สึกราวกับว่าไม่เคยรู้จักกับผู้ชายคนนี้มาก่อน
เธอมองไม่ผิดใช่ไหม?
เขากล้าตะโกนใส่เธอ? ยังให้เธอออกไปให้พ้น?
ดวงตาของเธอแดงก่ำ ในไม่กี่วินาทีสั้นๆ น้ำตาแห่งความน้อยใจและเสียใจต่างก็ทะยานพุ่งออกมาเต็มดวงตาของเธอ
“พี่เป็นอะไรไป? ฉัน… เมื่อวานตอนที่ฉันรู้ว่าแม่เกิดเรื่อง ฉันกลับมาไม่ทัน แต่ ฉันก็ไม่ได้อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับแม่ ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ ฉันก็ยังไม่ได้หยุดพักเลย”
เธอน้อยใจและเสียใจจนร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา
แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่สนใจไยดีอะไรเลย เขาจ้องดูเธอ ดวงตามีแต่ความเย็นชา สีหน้าหมองหม่น ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“ไม่ได้หยุดพัก? ใช่เหรอ? งั้นคุณไปทำอะไรมาบ้างล่ะ? เส้นหมี่ มานี่ คุณบอกผมมา ว่าหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้คุณทำอะไรมาบ้าง? พูดให้ผมฟังหน่อย”
เขาเยาะเย้ย น้ำเสียงเย้ยหยันนั้น เหมือนกับว่าได้ยินเรื่องตลกมากเรื่องหนึ่ง ขอให้เส้นหมี่พูดให้เขาฟัง ว่าเธอทำอะไรมาบ้าง?
เส้นหมี่ชะงักไปในทันใด
เธอทำอะไรบ้างล่ะ?
สิ่งที่เธอทำ ก็เป็นเรื่องที่บอกให้เขารู้ไม่ได้ทั้งนั้น
ทำการแลกเปลี่ยนกับเนติ ยังจ้างคนไปช่วยภารานิน เรื่องเหล่านี้บอกเขาไม่ได้เลย
ยังมี เรื่องคดีของซาจา เธอยังไปแอบขโมยมาสเตอร์เทปที่แผนกกฎหมาย เรื่องนี้ ก็ยิ่งบอกเขาไม่ได้ ถ้าพูด เขาก็ต้องโกรธมากยิ่งขึ้น
เส้นหมี่หน้าซีดขาวไปครึ่งหนึ่ง
“พี่ชาย พี่….ฟังฉันพูด ฉันไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อพี่เลยจริงๆ นะ ฉันก็แค่……แค่…..”
“คุณรู้ว่าแม่ของผมถูกใครลักพาตัวไป คุณไม่บอกผม นี่ก็คือเรื่องที่คุณไม่ได้ทำผิดต่อผมเหรอ?”
“……”
“ยังมี คุณรู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่าผมเป็นใคร?”
จู่ ๆ เขาก็เหมือนกับกลายเป็นปีศาจร้าย หลังจากที่กระโดดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้ว ก็ค่อยๆ เดินก้าวเข้ามาทีละก้าวหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ!
เส้นหมี่ก็ถอยร่นออกไปหลายก้าวในทันที!
หนึ่งวินาทีจากนั้น เธอก็เงยหน้ามองผู้ชายคนนี้ เลือดในร่างกายล้วนแต่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“คุณรู้ไหม? รุ่งเช้าวันนี้ เมื่อคนตระกูลเทวเทพเหล่านั้นเล็งกระบอกปืนมาที่หน้าอกของผม แต่แม่ผมพุ่งเอาตัวเองเข้ามากันไว้ ในวินาทีนั้น ผมถึงได้รู้ว่า ที่แท้คนโง่ที่สุด ก็คือตัวผมเอง”
“……”
“คุณบอกว่า ผมอย่าไปมาหาสู่กับม็อกโกมากจนเกินไป ผมเข้าใจว่า คุณเพียงแค่เป็นห่วงผมใกล้ชิดกับพวกเขาที่มีสถานะอย่างนี้ อาจจะไม่เกิดผลดีอะไร”
“เพื่อให้ผมตัดความสัมพันธ์กับม็อกโก คุณไม่ลังเลที่จะลงมือกับแสงดาว แต่ผม กลับไม่รู้สึกว่านี่เป็นแค่ความคิดชั่ววูบของคุณ เส้นหมี่ คุณว่าผมเป็นคนโง่มากใช่ไหม?”
เขารั้งเธอเอาไว้ในเงามืดของตัวเอง น้ำเสียงแหบกร้าน ค่อยๆ ตะโกนถามคำต่อคำ