ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 64 ชินจังร้องไห้
เขายืนอยู่ตรงนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองมาที่แสนรัก แสนรักเห็นความโกรธและความชิงชังในสายตาของเขาอย่างที่ไม่เคยเห็นมันมาก่อน
ความชิงชัง ?
เด็กน้อยกำลังชิงชังเขา ? ชิงชังแด๊ดดี้ของเขา ?!!
ในที่สุดแสนรักก็มีอารมณ์โกรธขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน สีหน้ามืดมน เขาจ้องมองลูกชายตัวเองจากในมุมสูง“ฉันพูดแล้วไม่รักษาคำพูดยังไง ? ฉันไปทำอะไรให้ ? ”
“แด๊ดดี้ด่าเธอ!”
“ใคร ? เส้นหมี่เหรอ ? ที่แกเป็นแบบนี้ เพราะโกรธแทนเธอเหรอ !ใช่ ฉันด่าเธอ ทำไม ? ฉันเคยรับปากแกเหรอว่าจะไม่ด่าเธอ ? ชินจัง นี่แกอย่าลืมนะว่าแกเป็นลูกใคร ? ใครเลี้ยงแกมาจนโตป่านนี้ ?!”
ในที่สุดแสนรักก็เข้าใจ ในเสี้ยววินาที ความหึงหวงที่ท่วมท้นอย่างรุนแรงก็หลั่งล้นออกมาจากสุดลึกของหัวใจ ต่อหน้าเด็กน้อย เขาตวาดเสียงดังขึ้นในทันที
ชินจังตกใจอย่างมาก!
เขาไม่เคยเห็นแด๊ดดี้อารมณ์น่ากลัวแบบนี้มาก่อน ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาที่จ้องเขม็งเขาตาค้าง ทันใดนั้น น้ำสองสายก็ไหลออกมาทันที
“หนูเกลียดแด๊ดดี้!หนูไม่อยากเห็นหน้าแด๊ดดี้อีก!!”
เขาร้องไห้ หยิบของเล่นในมือขว้างปาไปที่แด๊ดดี้อย่างแรง จากนั้นก็วิ่งไปที่เตียงและมุดตัวไปใต้ผ้าห่มคลุมร่างเอาไว้จนเป็นก้อนกลม
แสนรัก“……”
กว่าสิบวินาที ชายหนุ่มก็เพิ่งมารู้สึกตัว จากนั้น มองไปยังเตียงอันเล็กที่มีเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังไม่หยุด อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ
แสนรัก นี่นายกำลังทำอะไร ?
นายบ้าไปแล้วหรือไง ? ถึงได้มาใส่อารมณ์กับลูกชายตัวเองแบบนี้ นี่เขาอายุเท่าไรกัน ?
เขาเดินเข้ามาหา แล้วยืนอยู่ที่ข้างเตียงอันเล็กนี้ นั่งลงตรงข้างๆเจ้ากลุ่มก่อนนั้น “ชินชิน ขอโทษ แด๊ดดี้ผิดไปแล้ว เมื่อกี้แด๊ดดี้ไม่ควรใส่อารมณ์กับลูก และยิ่งไม่ควรไม่รักษาคำพูดที่เคยพูดไว้กับลูก ยกโทษให้แด๊ดดี้ได้ไหม ?”
“……”
ไม่มีการตอบรับ เด็กคนนี้เหมือนจะไม่สนใจเขาแล้วจริงๆ
เมื่อแสนรักเห็น ในใจก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป และยิ่งวุ่นวายสับสนจนทำอะไรไม่ถูกมากขึ้นไปอีก
อันที่จริงลูกชายของเขาเป็นเด็กที่ไม่ชอบร้องไห้เลย ตั้งแต่เล็กจนโต ด้วยบุคลิก หรืออาจจะเป็นเพราะเขามักจะใช้นิสัยในแบบผู้ชายสอนเด็กน้อยมาโดยตลอด เขาก็จึงแทบไม่เคยเผยความอ่อนแอให้ใครได้เห็นมันเลยด้วยซ้ำ
เขาเป็นเหมือนเด็กที่โตเกินวัย อายุแค่ห้าขวบ แต่การร้องไห้ของเขา นับครั้งได้เลย
แต่ตอนนี้ เขากลับร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มแบบนี้
แสนรักรู้สึกผิดมาก เมื่อเห็นว่าเขาไม่ออกมาสักที ก็ร้อนใจ จึงเอื้อมมือไปเพื่อดึงผ้าห่มผืนเล็กนี้ขึ้น“ชินจัง ออกมาเถอะนะ แด๊ดดี้สัญญา ต่อไปจะไม่ทะเลาะกับ……คุณน้าคนนั้นของลูกอีก ตกลงไหม?”
“……”
พึงพอใจ ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา เสียงร้องไห้ใต้ผ้าห่มก็ค่อยๆเงียบลงอย่างช้าๆ
“ที่พูด……จริงใช่ไหม?”
เจ้าเด็กน้อยในที่สุดก็เลิกผ้าห่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ร้องไห้จนขี้มูกโป่ง ทำลายภาพลักษณ์ก่อนหน้าของเขาจนหมดสิ้น
ดวงตาแสนรักกระตุกเล็กน้อย อดทนไว้ “แน่นอน แด๊ดดี้ไม่มาทะเลาะกับเธออย่างไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว วันนี้ที่โต้เถียงกัน เพราะเธอพาลูกออกไปข้างนอก ทั้งๆที่ลูกยังไม่หายดี แด๊ดดี้เป็นห่วงลูก ก็เลยพูดเตือนเธอไปสองสามคำ”
ชินจังสูดน้ำมูก ร้องไห้จนตาแดงราวกระต่ายน้อย และยังมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่
แต่ว่า มันก็ไม่ได้ไหลซึมออกมา
แสนรักเห็น และรู้ว่าในที่สุดเขาก็เชื่อตัวเองแล้ว ดังนั้นก็จึงเอื้อมมือไปแล้วอุ้มเขาออกมาจากผ้าห่ม จะพาเขาไปล้างเนื้อล้างตัว
“เอาล่ะ เราไปล้างหน้าล้างตากัน แล้วลงไปกินข้าวนะ ”
“แต่เธอโกรธไปแล้ว ”
“อะไรนะ?”
แสนรักได้ยินคำพูดของเขาอย่างไม่ตั้งใจ มึนงงไปชั่วขณะ จนกระทั่งเห็นเด็กน้อยยืนอยู่ที่ข้างอ่างอาบน้ำ ศีรษะเล็กๆนั้นก้มลง ก็เพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที
เขาหมายถึงเธอเหรอ?
แล้วยังไง ?
โกรธแล้วยังไง ? ตอนค่ำไม่แวะมาแล้ว ?
มือของเขาที่วัดอุณหภูมิน้ำในอ่างอยู่ก็ชะงักงัน จากนั้นดวงตาก็มืดมน โดยเฉพาะในตอนที่คิดไปถึงว่าเขารีบกลับมาเร็วแบบนี้ ……
——
เส้นหมี่วุ่นอยู่ที่บ้านลุงจนเกือบสี่ทุ่ม
เดิมที อาการป่วยของลุงหลังจากที่เธอมา ก็บรรเทาลงได้อย่างรวดเร็ว แต่หลังจากนั้นลูกสาวของพวกเขาแต่งฝันก็ตามมา เมื่อเห็นเธอ ก็เอาแต่เยาะเย้ยถากถาง พูดแต่สิ่งที่ไม่น่าฟัง
ลุงก็โกรธขึ้นมาอีก
พอโกรธ ความดันเลือดก็สูงขึ้น แน่นอนว่าเส้นหมี่ก็ต้องอยู่ต่อเพื่อเฝ้าดูแล
“เส้นหมี่ อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องใจดีแบบนี้ก็ได้ นี่มันพ่อฉัน ไม่ใช่พ่อของเธอ ต่อให้เธอจะดีกับเขาแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ร่างทั้งร่างของเขาไม่มีอะไรให้ขูดรีดได้แล้ว ”
เมื่อเห็นเส้นหมี่ไม่ไปสักที และยังช่วยพ่อของตัวเองบรรเทาความเจ็บปวด แต่งฝันก็หาเรื่องพูดเหน็บแนมขึ้นมาทันที
เส้นหมี่ขมวดคิ้ว และไม่สนใจเธอ
แต่งฝัน เธอไม่ได้เจอมาห้าปีแล้ว จะว่าไป เมื่อก่อนพวกเธอก็ถือว่าสนิทกันมาก ตอนที่เธอยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลวชิรนันท์ เธอชอบไปเที่ยวหาหญิงสาวที่บ้าน และยังให้พ่อของเส้นหมี่ ให้พวกเธอสองคนได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน ไม่ใช่พี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์นั้นสนิทสนมใกล้ชิดกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆเสียอีก