ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 65 เธอรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
แล้วเธอกลายมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หรือว่าตระกูลวชิรนันท์ของเธอล้มละลายแล้ว ? เธอเส้นหมี่ในตอนนั้นต้องอาศัยอยู่ในตระกูลอัครนันท์ ? อีกทั้ง แม้บ้านเธอจะล้มละลายในภายหลัง แต่คุณท่านตระกูลหิรัญชาก็ยังให้เธอแต่งงานกับหลานชายของเขา?
เส้นหมี่ก็ไม่แน่ใจ แต่เธอจำได้ หลังจากที่เธอฟื้นคืนชีพขึ้นมา เขาก็ปฏิบัติตัวต่อเธอแย่มากขึ้น
“คุณลุง รู้สึกยังไงบ้าง ? สบายขึ้นไหมคะ?”
“อืม สบายขึ้นมากเลย หมี่ เรากลับไปก่อนก็ได้ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว”
ลุงก็ไม่อยากได้ยินลูกสาวคนนี้พูดพร่ำไม่หยุด เมื่อเห็นหลานสาวเก็บอุปกรณ์ ก็จึงอยากให้เธอรีบกลับไป
เส้นหมี่พยักหน้าให้ เก็บอุปกรณ์แล้วเสร็จ ก็เตรียมที่จะกลับ
“เส้นหมี่ เธอรีบกลับแบบนี้ ใช่จะไปหาผู้ชายคนนั้นอีกหรือเปล่า ? เธอนี่มันหมาอดกินขี้ไม่ได้จริงๆเลยนะ เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง กลับมาแล้วก็ยังตามติดเขาอยู่อีก ? เธอร่านขนาดนี้เลยเหรอ ? ”
เมื่อแต่งฝันเห็นเธอกำลังจะไป ก็พูดแดกดันไปอีก แต่ครั้งนี้ คำพูดนั้นรุนแรงกว่ามาก ดูไม่ออกจริงๆว่าเธอเคยเป็นคนที่มีการศึกษาสูงมาก่อน
เส้นหมี่ทนไม่ได้อีกต่อไป หันมองเธออย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย “ฝัน ช่วยพูดจาให้มันดีๆหน่อยได้ไหม ? ฉันไปตามติดเขาตอนไหน ? ช่วยระวังคำพูดด้วย”
“ให้ฉันระวังคำพูด ? เส้นหมี่ เธอคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง? ตั้งแต่ที่เธอกลับมา เธออยู่ที่เรืองรองทุกวัน และบางครั้งในตอนกลางคืนก็ยังตามป้าติ้วไปช่วยดูลูกให้ ทำไม ? ปีนป่ายขึ้นเตียงเขาได้อีกแล้วหรือไง ? เมื่อกี้ก็เอาแต่ดูนาฬิกา หรือใกล้เวลาขึ้นเตียงแล้ว ? ต้องรีบไป ? เส้นหมี่ ฉันว่าเธอนี่มันร่านจริงๆ !”
“นี่เธอ——”
ในที่สุดเส้นหมี่ก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
ไม่คิดมาก่อนว่า ผู้หญิงคนนี้จะพูดคำที่น่ารังเกียจแบบนี้ออกมาได้ เธอเป็นคนปากคอเราะรายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ? นี่ยังใช่แต่งฝันคนเดิมที่เธอเคยรู้จักใช่ไหม ?
เส้นหมี่โกรธจนดวงตาดำขลับ แต่เพราะเห็นแก่หน้าลุง เธอก็กักเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจ
“เธอพูดเหลวไหลอะไร ? ที่ฉันไป ก็เพื่อไปดูลูกชายของฉัน เธออย่ามาพูดจาปรักปรำให้ร้ายฉันแบบนี้นะ ”
“ลูกชาย ? เส้นหมี่ เธอคิดว่าฉันโง่หรือไง ?”
“พอได้แล้ว แต่งฝัน เธอกลับมาเพื่อจะมาหาเรื่องหรือไง ? จะไม่หยุดใช่ไหม ? ไม่หยุดก็ไสหัวออกไป อย่ามาทำเรื่องอับอายขายหน้าที่นี่ !”
ในที่สุดลุงก็ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป นั่งเหยียดตัวตรงที่เก้าอี้ ตวาดเสียงดังใส่ลูกสาวของตัวเองในทันที
ครั้งนี้เหมือนแหย่รังแตนเข้าแล้วจริงๆ แต่งฝันก็กระฟัดกระเฟียดขึ้นในทันที
“ฉันทำเรื่องอับอายขายหน้า ? ธนาตย์ นี่พ่อตาบอดไปแล้วหรือไง ? ในบ้านนี้คนที่ทำเรื่องน่าอับอายคือใคร ? เธอต่างหากที่ไร้ยางอาย ตอนนั้นเป็นตายก็จะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นให้ได้ แต่งงานไปได้ปีหนึ่งก็ท้องโย้ถูกเขาไล่ออกจากบ้าน ทำบ้านเราต้องกลายเป็นขี้ปากคน ห้าปีมานี้ก็แทบเจอหน้าใครไม่ได้ นี่พ่อกลับบอกว่าฉันทำเรื่องน่าอับอาย ?!!”
เธอราวกับคนบ้า ตะคอกเสียงดังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ในห้องโถง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปที่เส้นหมี่ ความเกลียดชังที่อยากจะฉีกทึ้งร่างเธอให้แยกออกเป็นชิ้นๆ!
ใบหน้าของเส้นหมี่ซีดเซียวลงในทันที
นี่คือความเจ็บปวดของเธอ!
ความเจ็บปวดของตระกูลอัครนันท์ที่ถูกเธอทำให้ต้องตกที่นั่งลำบาก ในตอนนั้น การกระทำของเธอไร้สติแค่ไหน ตอนนี้เธอก็รู้สึกละอายใจกับพวกเขามากเท่านั้น และเพราะเหตุนี้ ไม่ว่าน้องสาวคนนี้จะต่อว่าเธอยังไง เธอก็จึงยอมทนมาโดยตลอด
เส้นหมี่จิกนิ้วลงบนฝ่ามือ
ยังดี ในตอนที่เธอกำลังอาละวาดอยู่ ป้าที่อยู่ชั้นบนก็ได้ยินเสียงเอะอะ เดินออกมาจากห้องนอน
“แต่งฝัน เธอกำลังทำอะไร ? บ้าไปแล้วหรือไง ? ใครสั่งใครสอนให้เธอตะโกนใส่พ่อแบบนี้ ? ”เสียงตำหนิที่ดุดันของเธอ ผู้หญิงที่บ้าคลั่งคนนี้ ก็ถึงได้หุบปากลง แล้วยอมหยุดลงในทันที
เส้นหมี่คลายมือออก และรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“คุณป้า……”
“เธอก็อีกคน ต่อไปไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก บ้านหลังนี้ไม่ได้มีไว้ให้พวกเธอสองคนมาทะเลาะกัน ”
เส้นหมี่“……”
ก้มหน้าลงทันที เธอรับคำ ไม่กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย
เธอจะไม่โทษใครอะไรทั้งนั้น สำหรับบ้านหลังนี้ เธอรู้สึกละอายใจและเป็นหนี้อย่างมาก ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะพูด หรือทำอะไรกับเธอ เธอก็จะไม่เก็บมันมาใส่ใจ
แต่แล้ว เธอไม่คิดว่าป้าจะพูดเสริมมาอีกหนึ่งคำ
“แม้คำพูดของฝันจะฟังไม่รื่นหู แต่เรื่องบางเรื่องก็คือความจริง เธอผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ควรที่จะเรียนรู้เป็นบทเรียน อย่าไปหาผู้ชายตระกูลหิรัญชาคนนั้นอีก ผิดครั้งแรก เพราะยังเด็กไม่รู้จักคิด แต่ผิดครั้งที่สอง นั้นเรียกว่าโง่ ต้องรู้จักรักและให้เกียรติตัวเอง !เข้าใจไหม?”
“……”
ทันใดนั้นในใจของเส้นหมี่ก็ราวกับมีบางอย่างทิ่มแทง มือที่เพิ่งจะคลายออก ก็ถูกกำแน่นขึ้นอีกครั้งในฝ่ามือ!
เธอไม่ได้กลับไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วจริงๆ และไม่เคยไม่รักและไม่ให้เกียรติตัวเอง ที่เธอยังข้องเกี่ยวกับเขาในตอนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะลูกเพียงคนเดียวที่อยู่กับเขา ลูกที่เธอทิ้งไว้ให้เขาในตอนนั้น!
ดวงตาเส้นหมี่แดงก่ำ
เพราะรู้สึกเศร้าเสียใจมาก
แต่สุดท้าย เธอก็ไม่ได้ปล่อยให้น้ำตาร่วงไหลลงมา รอจนกระทั่งออกจากลานบ้าน เธอเผชิญกับลมหนาวและปรอยฝนมาถึงที่ป้ายรถเมล์ และจึงทรุดตัวนั่งลงในที่ตรงนั้นทันที
ทันทีที่ทรุดตัวลง น้ำตาก็ไหลพรากลงมา……