ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 66 เธอปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาด้วยความเหนื่อยล้า
เส้นหมี่ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์นี้มานานแค่ไหน จนปรอยฝนบนศีรษะเม็ดใหญ่ขึ้น ร่วงหล่นบนร่างของเธอ มีคนมาเห็น แล้วเดินเข้ามา
“แม่หนู เป็นอะไรหรือเปล่า ? อากาศหนาวๆแบบนี้ แล้วยังมาฝนตกอีก ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไม่กลับบ้านกลับช่องล่ะ?”
เมื่อเส้นหมี่ได้ยิน ก็ถึงได้เงยหน้าขึ้นจากหัวเข่าของตัวเอง มองไปยังบุคคลดังกล่าว
เธอคือหญิงวัยกลางคนที่อายุราวๆเลขสี่ได้ สวมใส่เสื้อโค้ตสีแดงเข้ม ที่บริเวณขอบเสื้อคลุม ก็มีผ้าเป็นขุยๆให้เห็น อยู่ห่างกันไกลก็ยังได้กลิ่นควันของน้ำมันที่ติดตัวมากับร่างกาย
ดูแล้ว คนคนนี้ก็อาจจะเป็นแม่ของใคร หรือภรรยาของใครสักคน
เส้นหมี่ส่ายหัว และพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เป็นไรแล้วทำไมถึงไม่กลับบ้าน คนที่บ้านคงเป็นห่วงแล้ว หรือขึ้นรถเมล์ไม่ทัน ? เฮ้อ แม่หนู ฉันจะบอกอะไรให้ ป่านนี้แล้วไม่มีรถเมล์วิ่งกันแล้ว ฉันจะช่วยโบกรถแท็กซี่ให้แล้วกันนะ ”
คุณน้าคนนี้มีน้ำใจมาก เมื่อเห็นเส้นหมี่ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน ก็ยังจะช่วยเธอโบกรถอีก
เส้นหมี่ได้ยิน ก็รีบโบกมือให้ “คุณน้า ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องจริงๆ……”
“เจ้าเด็กคนนี้ มีเรื่องคับข้องใจอะไรใช่ไหม ไม่เป็นไรหรอกนะ ชีวิตคนเรายังอีกยาวไกล ย่อมต้องมีอุปสรรคบ้าง แต่ถ้าเราก้าวข้ามมันไปได้ ก็จะดีขึ้นเอง เราต้องคิดถึงคนที่รักเรา และคนที่เขารอเราให้มากๆ หืม?”
คุณน้าที่ดูมีประสบการณ์อย่างมาก ราวกับมองอะไรออก ถอนหายใจและพูดปลอบ
เส้นหมี่ตะลึงงัน
คนที่รอเธอ ?
ใช่ เธอลืมมันไปได้ยังไง ? เธอยังมีคนที่รอเธออยู่ พ่อแม่จากเธอไปแล้ว ญาติก็แทบไม่มี แต่เธอยังมีคนที่รอเธอให้กลับไปหา นั่นก็คือลูกของเธอ! ลูกที่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด มีอะไรที่พวกเขาต้องการมากกว่าต้องการเธออีก ?
และแล้วเส้นหมี่ก็ราวกับตื่นขึ้นมาจากฝัน ทันทีทันใด เธอหยัดกายลุกขึ้นจากพื้น
“คุณน้า ขอบคุณนะคะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ ”
“อืม เข้าใจก็ดี รีบกลับบ้านซะนะ ”
คุณน้ายิ้มให้ และบอกให้เธอรีบกลับบ้าน จากนั้นเธอก็เดินจากไปพร้อมกระเป๋าที่ถืออยู่ในมืออย่างรวดเร็ว และดูเหมือนคนที่กำลังรีบกลับบ้านยังไงอย่างนั้น
เส้นหมี่อยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นมาเป็นเวลานาน ริมฝีปากดำคล้ำ เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ตรงนั้น จากนั้น ก็โบกรถแท็กซี่แล้วจากไป
เธอต้องรีบไปหาลูกชายคนโตของเธอ เขายังรอเธออยู่
ค่ำคืน ดึกมากแล้ว
ฝนในฤดูหนาวเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ค่ำคืนที่ลมหนาวพัดโชย ทำให้อากาศหนาวเย็นจนกัดกินไปถึงในกระดูก แม้จะแค่เหลือบมอง เส้นหมี่ที่นั่งอยู่บนรถก็รู้สึกถึงความหวานเย็นที่แทรกซึมผ่านเข้ามา อดไม่ได้ที่จะต้องห่อเสื้อผ้าตัวเอง และรู้สึกเปียกแฉะที่บริเวณศีรษะ เธอพยายามจะหาอะไรมาเช็ดออก ก็พบว่าในตอนที่ออกมานั้นรีบร้อนเกินไป นอกจากอุปกรณ์เข็มต่างๆ เธอก็ไม่ได้พกอะไรติดตัวมาด้วย
ช่างมัน ปล่อยมันไปแบบนี้แล้วกัน
ป่านนี้แล้ว ไม่รู้ว่าชินชินหลับไปหรือยัง ?
เส้นหมี่ไม่ได้สนใจตัวเองอีก มองออกไปยังนอกหน้าต่างที่มืดมิด ในใจก็เกิดความกังวลขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
โชคยังดี เพราะดึกมากแล้ว บนท้องถนนก็จึงไม่มีรถราอะไร ตลอดทางเป็นไปด้วยความคล่องตัว ใช้เวลาราวๆยี่สิบนาที รถคันนี้ก็พาเธอมาถึงที่เรืองรอง
“คุณผู้หญิง ถึงแล้วครับ ”
เป็นครั้งแรกที่คนขับรถขับมายังคฤหาสน์ย่านคนรวยที่มีชื่อเสียงแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะลอบมองหญิงสาวผ่านกระจกมองหลังอยู่เป็นพักๆ
แต่แล้ว ที่ทำให้เขาต้องผิดหวังก็คือ ไม่เพียงเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่นั้นจะอนาถามาก แม้แต่ตอนที่เธอหาค่าโดยสาร ก็ค้นหาตามตัวอยู่เป็นเวลานาน
เส้นหมี่ลงจากรถ
และแล้ว หลังจากที่เธอลงมา ก็มองเห็นไฟในสวนของคฤหาสน์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนั้นปิดไฟมืดสนิท เว้นแต่โคมไฟถนนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางลมหนาวและปรอยฝนยังคงมีแสงสลัว แทบมองไม่เห็นคนที่เดินผ่านไปมาเลย
งั้นชินชินคงนอนแล้ว ? ใช่ไหม ?
เธอยืนถือร่มอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง และกำลังจะจากไป
ป่านนี้แล้วเธอยังมาที่นี่อีก นั่นเป็นเพราะเธอรับปากลูกชายไปแล้วว่าตอนค่ำจะกลับมาใหม่ เธอกังวลกลัวว่าเขาจะเป็นเหมือนคืนนั้นอีก เธอไม่มา เขาก็ไม่ยอมนอน ใส่ชุดนอนตัวบางรออยู่ในห้องนอนแบบนั้น
หลังจากนั้น ก็รอจนล้มป่วยไป
แล้วตอนนี้ล่ะ ?
เส้นหมี่มองไปยังที่ชั้นสองของคฤหาสน์ฝั่งตรงข้าม ในที่สุด เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าไม่มีไฟดวงไหนเปิดอยู่แล้วจริงๆ เธอก็หันหลัง และกำลังจะกลับ
“หมอเส้นหมี่?หมอเส้นหมี่?”
ในตอนนี้เอง จู่ๆด้านหลังของเธอก็มีเสียงเรียกเธอดังขึ้น
ใครกัน ?
เส้นหมี่หยุดลงทันที หันหลังกลับ เธอมองไปยังคนคนนี้ด้วยความสงสัย“พี่ภา?ทำไมถึงเป็นคุณ?คุณยังไม่นอนอีกเหรอคะ?”
“ยังค่ะ ฉันกำลังรอคุณอยู่ ในที่สุดคุณก็มาสักที ”
พี่ภาที่ฝ่าลมฝนออกมา หอบหายใจหนัก แต่เมื่อเห็นเส้นหมี่มาแล้ว ใบหน้าเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับทำภารกิจสำเร็จลุล่วงในที่สุด
หรือชินชินยังไม่นอนจริงๆ?
เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็ร้อนใจขึ้นมา ไม่มีกะจิตกะใจจะถามต่อ เธอถือร่มแล้วเดินตามเข้าไปข้างในทันที
ไม่นาน ทั้งสองก็เดินมาถึงที่คฤหาสน์ และเส้นหมี่ก็พบว่า ไฟในห้องโถงชั้นล่างนั้นยังคงเปิดอยู่ แต่ภายในห้องนั้นว่างเปล่า และไม่เห็นคนร่างเล็กอยู่ในนั้น
แล้วคนล่ะ ?
เส้นหมี่มองไปที่แม่บ้านคนนี้“พี่ภาแล้วเด็กล่ะคะ?”