ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 787 ความเย่อหยิ่งมีมาตั้งแต่เกิด
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 787 ความเย่อหยิ่งมีมาตั้งแต่เกิด
“ฟึบ…!”
ในห้องฝึกซ้อมที่ปูไปด้วยสีโพลียูรีเทนเขียว แสงดาวที่มัดผมรวบใส่เสื้อกีฬาไม่ได้เกรงกลัวต่อสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งการปกป้อง
แต่เธอกลับถูกม็อกโกสลัดถอยหลังไปสองก้าว
เธอกัดฟันร้องขึ้นมาทันใด เท้านั้นก็ยกขึ้นจากพื้นแล้วเตะไปทางเข้าอย่างแรง
ท่าทางนี้ทั้งโหดทั้งเท่!
ไชยันต์เห็นก็ให้รู้สึกชื่นชม
แต่ทางม็อกโกนั้นไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงคนนี้ที่ถูกตัวเองบีบบังคับ ยังคงไม่ยอมแพ้ มองดูก็เห็นเท้านั้นจะเหยียบมาที่ร่างของตัวเองอยู่แล้วเขาเลยทำได้แค่ยกมือขึ้นป้อง
สรุปพอได้ต่อสู้กันแล้วก็ต่อสู้จนนานหลายสิบนาที
ไชยันต์ดื่มชา หลังจากที่เห็นฉากนี้ ก็พูดตามอารมณ์ว่า “ธนากร เด็กผู้หญิงคนนี้เลี้ยงมาไม่เลวนิ”
แสนรักก็นั่งชาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ตรงนั้น
ช่วงบ่ายวันนี้เขาก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว เมื่อกี้ให้เขาวิดพื้นยี่สิบครั้งเสร็จ แล้วยังให้เขาวิ่งต่ออีกสิบนาที สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ก็เหนื่อยจนจะคลานอยู่แล้ว
“ใครจะเลี้ยงเขาได้อย่างที่คุณเลี้ยง”
“……..”
คำพูดที่เยือกเย็นอย่างนี้ แก้วชาที่ไชยันต์บีบอยู่ก็เกือบจะแตก
แต่สุดท้าย หลังจากที่เขาได้เหลือบมองหลานเวรคนนี้แล้วก็ให้อดกลั้นไว้
แต่ว่าจริงๆแล้วถ้าดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ตระกูลเทวภาพของพวกเขาเลี้ยงเด็กนั้นก็สู้ตระกูลหิระญชาไม่ได้จริงๆ แม้ว่าคนในครอบครัวของตระกูลหิรัญชาจะไม่ได้เยอะ แต่อย่างน้อยธนากรกลับสอนพี่สาวน้องชายให้รู้จักประคับประคองช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วงเวลาที่อันตรายก็ไม่ลืมว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นคนในครอบครัวของตัวเอง
ไชยันต์ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปสักพัก ขวัญเมืองที่แอบสังเกตการณ์ข้างๆมาโดยตลอดก็เดินเข้ามา
“คุณปู่ไช……”
“หื้ม?” ไชยันต์หันหน้ามาทันที “ขวัญ หนูมาแล้วหรอ?”
“ใช่ค่ะ หนูมาแล้ว ขอโทษนะคะคุณปู่ไช ช่วงนี้ไม่ได้มาทำอาหารที่นี่เพราะไวท์ พาเลซมีเรื่องที่ต้องจัดการค่อนข้างเยอะหนูเลยไปช่วย”
ขวัญเมืองได้ยินคำพูดแบบนี้ก็ให้รู้สึกสบายใจขึ้นหลายเท่า
ก็แหงล่ะ นี่เป็นจุดแข็งในมือของเธอ เพียงแค่เธอมีฝีมือแบบนี้ก็ไม่กลัวว่าคุณท่านจะชอบหรือไม่ชอบเธอ
ไชยันต์ก็โบกไม้โบกมือให้เธอเข้าไปหา “ไม่เป็นไร มาได้ก็ดีแล้ว มาดื่มชาสักหน่อยสิ”
เขายกกาใส่ชาเล็กๆแล้วเทให้กับเธอเอง
ขวัญเมืองจึงนั่งลงอยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งตัวเล็กๆที่อยู่ข้างๆ
มองไปที่สนามฝึกซ้อมด้วยท่าทีแสร้งตกใจ เธอถามว่า “คุณแสงดาวคนนี้…..เก่งขนาดนี้เลยหรอคะ? แล้วยังสู้เป็นด้วย”
“ฮาๆๆ เห็นได้น้อยละสิ ปู่จะบอกอะไรให้นะ เจ้าเด็กคนนี้เก่งจริงๆ”
ไชยันต์ไม่ปกปิดความรู้สึกชอบพอของตัวเองที่มีต่อแสงดาวเลยสักนิด
ขวัญเมืองเห็นดังนั้นในใจก็เกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมาอีก จ้องมองไปที่สนามกับร่างบอบบางที่ต่อสู้กับม็อกโกสายตานั้นก็เยือกเย็นลงไปมาก
แต่ว่าด้วยสายตานี้เอง……
ทันใดนั้นสายตาที่มีความดำขลับเยือกเย็นอยู่ด้านข้างก็ได้มองมา
ขวัญเมือง “………”
เหมือนกับมีของอะไรบางอย่างมาเกาะอยู่ที่หลังของเธอ เธอตัวสั่น ลนลานจนทำให้น้ำแก้วชาที่อยูในมือกระเด็นออกมา
“เป็นอะไรไป? ร้อนหรอ?”
ไชยันต์เห็นดังนั้นเลยถามด้วยความใคร่รู้
ขวัญเมืองส่ายหน้าอย่างร้อนรน เก็บสายตา “ปะ…..เปล่าค่ะ เป็นเพราะเมื่อกี้นี้เห็นพวกเขาสู้กันเก่งอย่างนั้น เลยตกใจกลัวนิดหน่อยค่ะ”
“เธอควรที่จะดูไว้ให้มากๆ เด็กผู้หญิงแต่ขี้ขลาดเกินไปก็ไม่ดี” ไชยันต์ตอบอย่างง่ายๆ
ขวัญเมืองได้ฟังก็ร้อนรน ในใจมีความสิ้นหวัง
แต่เอาดีๆ คุณท่านที่อาศัยอยู่ในหน่วยทหาร ชอบผู้หญิงที่ดูสง่ามากกว่า
ความเกลียดของขวัญเมืองทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
น่าจะยาวนานต่อเนื่องสิบนาทีเห็นจะได้ ในที่สุดแสงดาวก็ยืนหยัดไม่ไหว ในการคุ้มกันที่แน่นหนาของม็อกโกเธอเลยเลิกการสู้กลับ ยอมรับว่าตัวเองแพ้แล้ว
“ไม่สู้แล้ว ฉันสู้ไม่ชนะคุณ”
ทั่วทั้งร่างของเธอนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ ก้นที่ได้นั่งลงไปกับพื้นแล้วก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาอีก
ม็อกโกเห็นก็ให้รู้สึกขำ
ยืนหยัดได้นานขนาดนี้ จริงๆก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
เธอไปเรียนกับคนข้างนอกมาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น แต่เขากลับผ่านการฝึกฝนเฉพาะมาจากกอง ตอนนี้เป็นผู้บังคับบัญชากองชั้นนำ เธอจะเทียบเขาได้ที่ไหน?
ม็อกโกยิ้มยื่นมือออกไปให้เธอ “ถือว่าไม่เลวเลย ลุกขึ้นเถอะ”
แสงดาว “…….”
มองฝ่ามือที่กว้างหนาของเขา ในที่สุดเธอที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อก็เผยยิ้ม หลังจากนั้นก็จับมือเขาแล้วลุกขึ้นมา
“คุณไม่ต้องชมฉันหรอก ฉันรู้ เมื่อกี้คุณยอมอ่อนให้ฉัน”
“ผมเปล่า”
“ชิ!”
แสงดาวเลยคร้านที่จะคุยกับเขา คนทั้งสองเดินเข้ามาก็เห็นคนที่มาดูการต่อสู้ แสงดาวทักทายกับไชยันต์แล้วจึงไปหาน้องชายที่อยู่ด้านนั้น
“รัก เป็นไงบ้าง? การออกกำลังเมื่อกี้นี้ไม่ได้ทำให้ร่างกายของเธอไม่สบายตรงไหนใช่มั้ย?”
“……เปล่าครับ” ขณะเดียวกัน แสนรักก็ตอบกลับอย่างเยือกเย็นของสองคำ
แสงดาวยิ้ม
เธอเดินเข้ามาดื่มชา
“คุณแสงดาว เชิญนั่งค่ะ พักผ่อนนะคะ” ขวัญเมืองที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็เลยรีบลุกขึ้นยืนอย่างเอาอกเอาใจ เพื่อให้เธอได้นั่ง