ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 792 ได้ยินเสียงเจ้าตัวน้อย เขารู้สึกเป็นห่วง
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 792 ได้ยินเสียงเจ้าตัวน้อย เขารู้สึกเป็นห่วง
เดอะวิวซี
วันนี้แสนรักตื่นก็ช่วงเวลาค่ำแล้ว เขาลืมตาขึ้นมองไปที่ข้างนอกหน้าตาที่ได้มืดตัวลงแล้ว และสายตานั้นก็มาตกอยู่ที่ผู้หญิงที่นอนพาดขาไว้บนโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล
แสงดาวไม่มีท่าทางของความเป็นผู้หญิงเลย
แสนรักตื่นขึ้นมาไม่ได้ไปกวนเธอ เขาไปเขาห้องน้ำ หลังจากนั้นก็เก็บข้าวของแล้วลงมาชั้นล่าง
“คุณผู้ชาย คุณ…..ลงมาแล้วหรอคะ!”
“คุณผู้ชายลงมาแล้ว!”
“เร็ว รีบไปแจ้งคุณท่านเร็วเข้า”
พวกคนใช้ที่กำลังทำงานอยู่ด้านล่างได้เห็นเขาลงมาก็ให้ตื่นเต้นดีใจมาก เลยมีคนไปแจ้งให้ไชยันต์ทราบ
ถ้านับเวลาจริงๆนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาเดินลงมาเองหลังจากที่เขาป่วย
แสนรักไม่ได้สนใจพวกเขา หลังจากที่เขาเดินออกมาจากลิฟต์แล้ว เขาก็เดินไปที่ห้องครัว
“คุณผู้ชายหิวแล้วใช่มั้ยคะ คุณจะรับอะไรดีคะ เดี๋ยวฉันไปทำให้คะ”
น้าแจ๋วเป็นคนที่ช่างสังเกต หลังจากที่ได้เห็น เธอก็เขามาถามอย่างเอาใจใส่
แต่แสนรักไม่ได้มองเธอเลย
เขาเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึก เปิดตู้เย็นออกแล้วหยิบน้ำเย็นออกมา บิดออกแล้วกรอกเข้าใส่ปาก
“คุณผู้ชาย นี่ นี่มันน้ำเย็นนะคะ ตอนนี้คุณกำลังป่วยอยู่ ดื่มไม่ได้นะคะ”
น้าแจ๋วเห็น เลยรีบห้าม
แต่ทว่าไม่ทันเสียแล้ว
เขาที่พอหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วน่าจะกระหายน้ำมาก ไม่นานน้ำที่อยู่ในมือเขาก็ถูกดื่มไปครึ่งขวด
น้าแจ๋ว “……”
พอดีกับเวลานี้ที่ไชยันต์เดินเข้ามา หลังจากที่เขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องครัวก็เดินเข้ามา “เป็นอะไรไป ทำไมแกกินน้ำเย็นล่ะ พวกเธอสองคนไปต้มน้ำให้เขาแล้วก็ไปทำอาหารให้เขาด้วย”
เขาพูดกำชับขึ้น
น้าแจ๋วจึงไปเตรียมทันที
แสนรักเลียที่ริมฝีปาก หลังจากที่ได้ดื่มน้ำเย็นลงไปแล้วทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย เขาปิดฝากลับเข้าที่เดิม เตรียมที่จะเอามันกลับขึ้นไป
ไชยันต์ “แกจะไปไหน? มานั่งตรงนี้ ฉันมีเรื่องอยากจะถาม”
หลังจากนั้น ผู้เฒ่าก็ไปนั่งที่ห้องรับแขก
แสนรัก “……..”
แม้ว่าจะรำคาญ แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงถือขวดน้ำเดินเข้าไป
“ฉันจะถามแกว่าเด็กพวกนั้น แกยังจำได้มั้ย?”
“เด็กอะไร?”
เขาจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น น้ำเสียงราบเรียบ
ไชยันต์ชะงัก
จำไม่ได้แล้วหรอ?
แล้วทำไมถึงมีเด็กโทรหาเขาจากเจแปน แล้วยังเรียกเขาว่าแดดดี๊ล่ะ
ไชยันต์มองเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วน การประลองกำลังในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ จริงๆก็มีหลายครั้งที่เขาเกิดความสงสัยว่าเขานั้นเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือว่าจงใจแสดงเป็นอีกคนนึงต่อหน้าเขากันแน่
เพราะว่าบางทีการวางหมากและขั้นตอนของเขา ดูเหมือนไม่ใช่คนที่จำอะไรไม่ได้เลย
“มีเด็กคนนึงโทรมาจากเจแปน บอกว่าจะคุยกับแก แล้วเธอยังเรียกแกว่าแดดดี๊”
ในที่สุดไชยันต์เลยหยิบโทรศัพท์ออกมาวางไว้บนโต๊ะ
แสนรักกวาดตามองอย่างเยือกเย็น
นี่เป็นโทรศัพท์ของเขา
แต่ว่าช่วงเวลานี้หลังจากที่เขาได้ติดยา เขาต้องพยายามเลิกยาอยู่ในห้อง โทรศัพท์นี้ก็ถูกเอาไป กลัวว่าถ้าเขาคลุ้มคลั่งขึ้นจะทำอะไรบ้าๆออกมา
ลูกหรอ?
แสนรักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเลื่อนไปมา
เป็นเบอร์โทรจากเจแปนจริงๆ แต่เขาจำไม่ได้ว่ามีใครที่อยู่ทางเจแปนบ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกเลย
“ผมไม่มีลูก!”
หลังจากที่เขาเลื่อนเสร็จก็เอ่ยปากพูดอย่างเยือกเย็นแล้วเตรียมวางโทรศัพท์ลง
ไชยันต์ “แกโทรเข้าไปถามหน่อย เสียงคนที่อยู่ทางนั้นร้อนรนอยู่นะ มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรนิใช่มั้ย?”
เขาพูดพลางยื่นกระดาษแผ่นนึงที่จดตัวเลขไว้
ใบหน้าหล่อเหลาของแสนรักเกิดความรำคาญขึ้นอีก
“โทรเองไม่เป็นหรอ?”
“คนที่จะคุยด้วยไม่ใช่ฉันนี่ จะให้ฉันโทรยังไง” ไชยันต์ไม่ได้ให้โอกาสเขาได้ปฏิเสธ แล้วกดเบอร์โทรศัพท์นั้น เปิดเสียงแล้วนั่งลงรออยู่ตรงนั้น
แสนรักรู้สึกไม่พอใจ
แต่สรุปเขาก็มานั่งด้วยใบหน้าอึมครึม
และได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่โทรออกไป รออยู่สักแปปเดียวก็มีคนรับ
“สวัสดีค่ะ คุณอาหรอคะ? หนูรินจังเองนะคะ คุณอาได้รับข้อความของหนูแล้วหรอคะ?”
เสียงน้อยๆพูดอย่างตื่นเต้นดังขึ้นผ่านโทรศัพท์ ขณะนั้นเองคนที่นั่งอยู่ทางฟากนี้ก็ให้ชะงัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสนรัก!
เจ้าเด็กคนนี้เธอเป็น……?!
“คุณอา หนูจะบอกอะไรให้นะคะ หนูรอคุณอาอยู่ที่นี่นานเลยค่ะ คุณน้าคนนั้นบอกว่าจะส่งข้อความหาคุณอา หลังจากนั้นรินจังเลยรออยู่แต่ข้างๆเครื่องโทรศัพท์ แต่ว่าทำไมคุณอาถึงเพิ่งโทรมาละคะ?”
ทางฝั่งเจแปน ก้อนแป้งน้อยที่รอตลอดทั้งช่วงกลางวัน ในแสงไฟยามค่ำคืนกอดเครื่องโทรศัพท์แล้วซ่อนตัวหลบอยู่ใต้โต๊ะ พูดถึงความเสียใจนั้นเธอเบะปากมีความรู้สึกอยากร้องไห้
แสนรัก “…….”
แค่เท่านั้นเอง หัวใจของเขาก็เหมือนมีสิ่งของอะไรบางอย่างเขามายึดไว้ ไม่ถึงวินาทีเขาหยิบโทรศัพท์นั้นมา