ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 795 เจ้าเด็กวุ่นวาย
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 795 เจ้าเด็กวุ่นวาย
“ดังนั้น พี่หมายความว่า…..จะส่งตัวหนูรินจังให้ไปอยู่กับเขาหรอ?”
พิมแสงได้ยินดังนี้ก็ตกใจจนหน้าซีดเซียวไปหมด
คณาธิปพยักหน้า “มีแค่วิธีเท่านั้นแล้วล่ะ ตอนนี้หมี่เพิ่งทำการผ่าตัดครั้งที่สองเสร็จ แล้วยังเหลืออีกสองครั้ง ก่อนช่วงเวลานี้จะให้เขามาเจอไม่ได้”
“แล้วเด็กนั่นพี่จะ…..”
“เธอจะไม่เป็นไร เขาเป็นพ่อของเธอ ไม่ว่าเขาจะจำได้หรือไม่นั้น เขาต้องดูแลคุ้มครองเธอแน่นอน!”
“……”
“อีกอย่างแสงดาวก็อยู่ทางนั้น แล้วก็ดลธีนั่นอีก ผมจะติดต่อพวกเขาให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อม เด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไรเด็ดขาด”
คำพูดสุดท้ายผู้ชายคนนี้เหมือนให้คำสัญญากับเธอ
แล้วก็เหมือนบอกตัวเองด้วย!
เขาทำอย่างนี้ก็คือการจัดการที่ถูกต้องที่สุด
แต่ในความเป็นจริง การคาดการณ์ของเขาก็ไม่ผิด เพราะแค่แสนรักได้ยินรินจังพูดว่าอยู่คนเดียวในเจแปนไม่มีคนดู เขาก็ให้ไชยันต์ส่งคนมารับเธอไปหาเขาทันที
งั้นก็แสดงว่ามีความรู้สึกบางสิ่งที่อยู่ในส่วนลึกของเขาระหว่างเขากับเด็กคนนี้
ทันใดนั้นคณาธิปก็อุ้มรินจังที่หลับสนิทนั้นออกไป
สองชั่วโมงผ่านไป คนที่แต่งตัวเป็นพยาบาลทั้งสองก็คุ้มกันส่งเจ้าเด็กในขึ้นเครื่องบินไป
และก่อนหน้านี้ รายงานผลสภาพอาการของเส้นหมี่ก็ถูกส่งมาในมือของไชยันต์
“เอาละ ตอนนี้แกก็ได้เห็นแล้ว น่าจะสบายใจแล้วนะ”
ไชยันต์ถือใบรายงานผลอาการที่ส่งแฟกซ์ และตอนที่เขาเดินมาทีชั้นสามห้องนี้ก็เห็นหลานชายของตัวเองรออยู่อย่างชิวๆ ใจก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมาอีก
ไอ้สารเลว จะต้องมีสักวันที่เขาจะต้องจัดการเขา!
แสนรักรับมา
ตะปู
สายตาของเขากวาดมองไปที่ใบรายงานผล เมื่อมองเห็นภาพผล CTสแกนที่อยู่บนนั้นแล้วก็จุดเล็กๆสีขาวหลายจุด ตาของเขาก็หรี่ลง
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เขาก็วิ่งเข้าโรงพยาบาลบ่อย ไม่ใช่เพราะว่าถูกบาดแผลจากอาวุธปืน แต่เป็นเพราะการรักษาส่วนต่างๆของร่างกาย
ดังนั้นผลรายงานอาการพวกนี้ รวมไปถึงภาพCT เขาเลยพอดูเข้าใจบ้าง
แต่ว่าทำไมร่างของผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีสิ่งนี้ละ?
นิ้วมือของเขาที่บีบกระดาษบางนั้นขาวซีด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมร่างกายของเธอถึงมีสิ่งนี้?”
“เห็นบอกว่าเกิดอุบัติเหตุทางรถ กระดูกหัก หลังจากนั้นก็เลยมีพวกนี้ ครั้งนี้ไปเจแปนก็เพื่อไปเอาออก ดังนั้นแกไม่ต้องกังวล เธอไม่เป็นอะไร”
ไชยันต์พูดออกมาเรื่อยๆ
สิ้นสุดเสียง สีหน้าของเขาก็ให้เปลี่ยนทันที
เขาเหมือนถูกของสะกิดอยู่ด้านใน อยากจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากนั้น
เขาก็มองเห็นการเขียนรายงานอาการ แล้วหยุดลง
ทั่วร่างนั้นเต็มไปด้วยกระดูกหัก รวมไปถึงแขน…….
แขน!
ในขณะนั้นเอง ในหัวของเขาก็คิดไปถึงภาพวันนั้นที่เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่ครั้งแรก หลังจากนั้นเขาก็ทะเลาะกับผู้เฒ่า ผู้หญิงคนนั้นพยายามพูดโน้มน้าว เขาดึงข้อมือของเธอออกอย่างโมโห
ใช่แล้ว วันนั้นเขาได้ยินเสียงกระดูกของเธออย่างชัดเจน
หลังจากนั้นสีหน้าของเธอก็ซีดเซียว
ตอนนั้นเขายังจำได้ เขายังรู้สึกอึดอัดใจแตะตัวผู้หญิงคนนี้ทีก็เป็นแบบนี้ นี่ร่างกายทำมาจากเครื่องปั้นดินเผาหรอ?
ตอนนี้คิดย้อนกลับไป ตอนนั้นเขานาจะไปโดนตะปูที่ตอกอยู่ในกระดูกของเธอ
แสนรักไม่มีความเห็นใดๆ เม้มริมฝีปากบางนั้นจนซีดเซียว
“เอาละ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็รีบพักผ่อนเถอะ ส่วนเจ้าเด็กนั่น ไพบูลย์ได้ให้โรงพยาบาลนั้นหาคนคุ้มกันมาส่ง ที่นั่นก็มีนักเรียนของเขา พรุ่งนี้ช่วงบ่ายก็น่าจะถึง”
ไชยันต์เห็นเขาไม่พูดจาอะไรเลยพูดทิ้งท้ายเอาไว้
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไป
ไอ้สารเลวนี่ ถ้าสามารถทำให้เขาเป็นห่วงใครสักคนนึงได้ นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยที่สุดเทียบกับตอนที่เขาเพิ่งฟื้น ในสายตาของเขามีแต่ความอาฆาตที่เยือกเย็นและความเคียดแค้นที่มีเยอะมาก
ค่ำคืนนี้ไชยันต์อารมณ์ดีเสียจริง
——
เช้าตรู่ของวันถัดมา
ฟ้ายังไม่ทันจะสาง แสงดาวที่ได้รับข่าวก็ให้ลุกขึ้น เธอรีบออกจากเดอะวิวซีหลังจากนั้นก็ไปหาดลธี
“รินจังเจ้าเด็กนี่มันจริงๆเลย ตั้งใจเพิ่มภาระให้พวกเราชัดๆ ตอนนี้จะทำยังไงกันดี ถ้าเธอมาแล้วจำได้ว่าฉันเป็นป้า สถานะของเธอก็ถูกเปิดเผยแล้วมั้ย?”
“ไม่หรอก หนูรินจังฉลาด ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงห้ามเธอไม่ให้เรียกว่าประธานแด๊ดดี๊ เธอก็ไม่เรียกนะครับ”
ดลธีเห็นเธอเป็นอย่างนั้น เลยรีบพูดปลอบ
แสงดาวเลยสบายใจขึ้น
เธอคงต้องไปรับเด็กที่สนามบินก่อน หลังจากที่รับมาแล้วก็จะบอกกับเธอไว้ เมื่อมาถึงที่เดอะวิวซีความลับก็จะไม่แตก
ดลธีก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
ตอนนั้นแสงดาวเลยขับรถไปสนามบิน
แต่ทว่าเธอไม่รู้เลยว่าในขณะที่เธอมุ่งหน้าไปสนามบินนั้น รถคันนึงก็ได้ตามเธออยู่ที่ด้านหลัง
รถคันนั้นเป็นรถธรรมดา ถ้าไม่ได้สังเกตมอง รถที่ขนาดใหญ่แบบนี้สัญจรไปมาบนระหว่างทางด่วนที่มุ่งหน้าไปสนามบินก็จะไม่เห็นเลย
แสงดาวก็ไม่เห็นเหมือนกัน
เธอไม่ใช่ตำรวจเลยไม่มีความสามารถในการสังเกตการณ์ อีกอย่างกะจิตกะใจของเธอก็ไปอยู่ที่หลานสาวที่จะได้เจอกันแล้ว