ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 829 หนามขวางตา
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 829 หนามขวางตา
แน่นอนว่า ถึงต่อให้มองเห็นเห็นแล้ว ก็อาจจะดูไม่เข้าใจ
คนที่ทำให้เขาตายเป็นใครกันแน่?
พวกเขาจะช่วยเขาแก้แค้นได้อย่างไร?
“ตาแก่นั่นไม่ใช่จะมารับพวกเราเหรอ? เพียงแค่พวกเราจับตาดูเขาไว้ ก็จะรู้ตัวฆาตกรนี้ได้แน่ ๆ!”
ทันใดนั้น ชินจังผู้เงียบขรึมที่อยู่ตรงนั้นก็พูดมาหนึ่งประโยค
ชายชรา?
เขาพูดถึงตาแก่ตระกูลเทวเทพคนนั้นเหรอ?
คิวคิวมองพี่ชายด้วยดวงตาเป็นประกาย : “ใช่สิ ครอบครัวนั้นไม่ได้ดีอะไร เมื่อก่อนทำร้ายแด๊ดดี้ พวกเราไปที่นั่นแล้ว เพียงแค่จับตาดูเขา จะต้องค้นพบอะไรบางอย่างได้แน่นอน”
ที่แท้เด็กน้อยทั้งสองคนนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีใดๆ ต่อตระกูลใหม่ของแด๊ดดี๊ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
สองคนพี่น้องทำข้อตกลงกันเรียบร้อย
วันที่สอง เมื่อไชยันต์เดินทางมาถึง เด็กน้อยทั้งสองคนก็เตรียมต้อนรับเขาไว้เป็นอย่างดี
“นี่ก็คือพวกเขา?”
เมื่อไชยันต์เห็นฝาแฝดคู่นี้เป็นครั้งแรก เขาก็ตื่นเต้นมากจนมือทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย
เพราะว่า เขาเห็นเด็กหนุ่มน้อยสองคนนี้แล้ว ช่างหน้าตาเหมือนกับพ่อของพวกเขาเสียจริงๆ!
“ถูกต้องครับ นี่คนโต คุณชายเล็กชินจัง ส่วนนี่คนเล็ก ชื่อคิวคิวครับ”
บอดี้การ์ดตระกูลหิรัญชาที่ได้รับโทรศัพท์มาก่อนแล้ว หลังจากที่เห็นว่าคุณท่านแยกไม่ออกว่าคนไหนพี่คนไหนน้อง เขาจึงแนะนำให้ฟังโดยละเอียด
ชินจัง? คิวคิว?
ไชยันต์ได้ยินสองชื่อนี้ เขามองไปที่เด็กทั้งสองคน ดวงตาแก่คู่นั้นก็แดงขึ้นมาอีกครั้ง
สำหรับเรื่องชื่อนี้ อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจมากนัก แสนรักถูกเขาพาตัวกลับมาแล้ว เขาก็ไม่ได้ขอร้องให้เขาเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แต่ยังคงเรียกชื่อเขาเป็นตระกูลหิรัญชาอยู่
โดยธรรมชาติแล้ว เด็กสองคนนี้ก็ยิ่งเป็นมากกว่านั้น
แต่เมื่อเขาไม่สามารถบังคับความตื่นเต้นและดีใจภายในใจได้คิดอยากจะไปจับเด็กสองคนนี้ ชินจังผู้ซึ่งมีใบหน้าเล็กอันเย็นชาอยู่นั้น จู่ ๆ ก็หลบออกด้วยท่าทีรังเกียจ
ไชยันต์ : “……..”
“คุณชายเล็กชินจังครับ นี่คือคุณปู่ทวดของคุณ เขาไม่ทำร้ายคุณหรอกครับ”
บอดี้การ์ดเห็นเข้า ก็รีบอธิบายประโยคนี้ให้ชินจังฟัง
แต่ ชินจังยังคงไม่มีการตอบสนองใดๆ เขาหันหลังแล้วเดินออกไป สีหน้าท่าทางเย็นชาแบบนั้น อีกอย่างไม่เคยเห็นไชยันต์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว ช่างเหมือนกับแด๊ดดี้ของเขาเสียจริงๆ
โชคดีที่ตอนนี้ยังมีคิวคิว
หลังจากที่เขาเห็นฉากนี้แล้ว ยิ้มหัวเราะเดินมา : “คุณปู่ทวดครับ พี่ชายผมเขาไม่ชอบพูดครับ ปู่ทวดคุยกับผมได้นะครับ”
เขาขยับยืนเข้าไปยังใต้ฝ่ามือที่ชายชรายื่นมาแล้วแต่ไม่ได้แตะโดนพี่ชายอย่างเฉลียวฉลาด
ไชยันต์รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าดูดไปทั้งตัว!
ศีรษะเล็กๆที่ปกคลุมด้วยผมทั้งนุ่มและดกดำนั้น ภายใต้ฝ่ามืออันหยาบกร้านของเขาที่เคยสัมผัสแต่ปืนกระสุนและระเบิด เขาช่างดูบอบบางมากขนาดนั้น และยังดูตัวเล็กนุ่มนวลอีกด้วย
เหมือนกับว่า หากเขาใช้แรงเพียงน้อยนิด ถ้าไม่ระวังเขาก็สามารถทำให้หักลงได้
ไชยันต์สั่นระรัวเป็นอย่างมาก นิ้วมือนั้นก็ไม่กล้ายื่นเข้าไปใกล้เขามากเกินไป
“ได้ๆ ฉันคุยกับหนู งั้นหนู….ให้ปู่ทวดเข้าไปนั่งก่อนได้ไหม?”
“ได้แน่นอนสิครับ ไป ผมพาปู่ทวดเข้าไป”
คิวคิวยื่นมือน้อยๆของตัวเองมาอีกครั้ง และกุมนิ้วมือสองสามนิ้วอันแข็งกระด้างของชายชราคนนี้ไว้อย่างใจกว้าง
พี่ชายนี่โง่จริงๆ คิดอยากจะให้ชายชราคนนี้ลดความหวาดระแวง งั้นแน่นอนว่าต้องทำความสัมพันธ์ที่ดีไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เพื่อต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องสงสัยพวกเขา
คิวคิวพาชายชราคนนี้เข้าถึงในห้องแล้ว
จากนั้น ปากเขาบอกว่าจะไปรินน้ำผลไม้มาให้ชายชราคนนี้ดื่ม แต่ในความเป็นจริงก็คือรินน้ำใส่แก้วใบหนึ่ง แล้วตามด้วยใส่เม็ดฟู่เม็ดหนึ่งลงไปแค่นั้น ก็เดินถือออกมา
“ปู่ทวดครับ ปู่ทวดดื่มเลยครับ”
“ได้ๆ….”
ไชยันต์ตื้นตันน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง
ในตอนนี้เขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เพราะความน่ารักและเป็นเด็กดีเชื่อฟังของเหลนชาย ทำให้ความคิดทั้งหมดของเขาซึมซาบอยู่ท่ามกลางความปลื้มปีติดีใจอันใหญ่หลวงนี้หมดแล้ว
เขาดื่ม “น้ำผลไม้” ที่อยู่ในแก้วลงไปเพียงแค่อึกเดียว
“อร่อยไหมครับ?”
“อร่อย”
“……”
นี่คงจะเป็นตาแก่โง่เขลาคนหนึ่ง
คิวคิววิ่งไปหาพี่ชายแล้ว
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดสองคนพี่น้องก็ถูกจัดเตรียมเรียบร้อยเพื่อไปข้างนอก
“ทำไมมีเพียงแค่พวกเขาสองคนพี่น้อง? งั้นเด็กผู้หญิงล่ะ? เธอไปไหนแล้ว?” เมื่อไชยันต์เห็นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“คุณหนูน้อยไม่ได้อยู่กับพวกเราที่นี่ครับ ตอนนั้นที่พวกเราได้รับมาจากกาวินก็มีเพียงแค่ฝาแฝดคู่นี้ครับ ได้ยินว่า ตอนนั้นคุณหนูน้อยไม่สบาย ถูกท่านประธานจัดการส่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ตอนนี้ พวกเราเองก็ไม่ทราบเลยครับ”
บอดี้การ์ดทำได้เพียงแค่อธิบายหนึ่งประโยคด้วยความรู้สึกขอโทษ
ไชยันต์ : “……”
ในใจก็มีความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที
มันยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะยังหาตัวเหลนสาวคนเล็กของเขาไม่เจอ
คิ้วของเขามีความกลัดกลุ้มใจเล็กน้อยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ตอนที่เขาหันหลังกลับมามองเห็นพี่น้องฝาแฝดคู่นั้น เขาก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม
“งั้นพวกเราพาสองหนุ่มน้อยนี้กลับไปก่อนเถอะ ไป ปู่ทวดพาพวกเธอกลับบ้าน” เขายื่นมือทั้งสองข้างออกไป หวังว่าจะจูงมือกับพี่น้องฝาแฝดคู่นี้คนละข้าง
น่าเสียดาย คนเย็นชาอย่างชินจังก็ทิ้งเขาอีกครั้ง และออกไปขึ้นรถด้วยตัวเอง
มีเพียงคิวคิวที่ยังคงยิ้มระรื่นและเดินจูงมือของเขาไว้
พี่น้องคู่นี้ช่าง……..เสียจริง
ไชยันต์ก็ได้เพียงแค่พาเหลนชายคนเล็กนี้ขึ้นรถไป ไม่นานนัก ปู่ทวดและเหลนทั้งสามคนก็หายวับไปจากที่นี่
และในเวลาเดียวกันนี้ ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก มีคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ภายในห้องห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยรูปภาพบุคคลที่เกี่ยวข้องแขวนไว้เต็มทั่วทั้งสี่ด้าน และหลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง