ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 913 เธอไม่มีทางให้พวกเธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
“งั้นดูแล้วคงจะต้องตรวจสอบดูแล้ว สี่ล้านห้าไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อีกทั้งแค่เดือนเดียว ฉันพูดกับพวกคุณอย่างไม่กลัวเลยว่า ฉันก็เคยเปิดบริษัท แล้วก็เคยลงทุนมาก่อน ถ้าเป็นฉันเอามาใช้ละก็ เดือนหนึ่งฉันสามารถสร้างกำไรกลับคืนมาได้เป็นสิบเท่า!”
สมุดบัญชีในมือของเส้นหมี่เคาะลงบนโต๊ะหินอย่างต่อเนื่อง ยิ้มเยาะออกมามองไปยังผู้หญิงคนนี้แล้วพูดออกมา
สิบเท่า?!!
ทันใดนั้น คนในสวนแห่งนี้ได้ยินแล้วถึงกับสูดลมหายใจ
รวมทั้งประพันธ์ ที่นั่งอยู่ที่นั่นหันมาทางนี้ทันที ดวงตาชราทั้งสองข้างเบิกกว้างมองมาที่เด็กคนนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
เป็นไปได้ว่า เขาคาดไม่ถึงมาก่อน ก็แค่เด็กสาวคนหนึ่ง กลับมีความสามารถขนาดนี้นั่นเอง
“อีกทั้งฉันยังพูดได้อีกว่า ถ้าเป็นฉัน เอาไปตั้งห้าล้าน ฉันคงไม่ให้คุณแค่ห้าแสน คุณดูตอนนี้สิ เขาตายแล้ว ฉันสามารถให้คุณได้ มีเพียงแค่ห้าแสนแล้ว”
“……”
ไม่มีคำพูดใดแทงใจกว่านี้อีกแล้ว
ในสวนแห่งนี้ผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับร้องไห้แผดเสียงออกมากับที่ หลังจากนั้นทุกคนต่างมองเห็นผู้หญิงคนนี้ตะครุบเข้ามาหาเส้นหมี่:“แกนังคนชั่ว ฉันจะบีบคอแกให้ตาย!”
เส้นหมี่:“……”
เดิมทีเธอไม่ต้องหลบอะไรใดๆ พ่อบ้านสินแล้วก็พิมเจ้าทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้าง ได้ขวางคนบ้าคนนี้เอาไว้แล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในตอนที่ผู้หญิงคนนี้ได้ถูกพาออกไป เส้นหมี่ได้เปิดสมุดบัญชีเล่มนี้ไปหน้าที่สอง
ดังนั้นสามารถพูดได้ว่า ตระกูลเทวเทพนี้แปลกประหลาดมาก
ดูซิ ทั้งทั้งที่หลายปีมาแล้วสมุดบัญชีเล่มบางมาก และก็ทั้งๆที่คนในตระกูลมากมายขนาดนี้ แต่ว่า สิ่งที่เส้นหมี่เห็นในตอนนี้ หน้าหนึ่งก็สามารถเขียนได้หมด
นี่เหมือนอะไร?
เส้นหมี่มองดูหน้าสองนี้จำนวนลดน้อยลงอย่างชัดเจน เธอเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ผู้หญิงที่มาอยู่ด้านหน้าของเธอแล้ว
“ป้าบัวงาม?”
“คุณไม่ต้องถามหรอก ฉันจะสารภาพออกมาเอง เมื่อก่อนครอบครัวของฉันก็เอาเงินไปจำนวนมาก แต่คุณไม่รู้หรอกว่า เงินเหล่านั้นถูกทรงกลดนำเอาไปทำเรื่องไม่ดี ตอนนี้เขาตายแล้ว ลูกชายคนโตของฉันก็ไม่อยู่แล้ว ฉันคิดว่า คุณน่าจะยังสามารถเหลือเดือนละห้าแสนให้กับพวกเราแม่หม้ายกับลูกกำพร้าได้นะ?”
บัวงามพาลูกชายมายืนด้านข้างยืนอยู่ที่นั่น สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก
เส้นหมี่มองไปที่พวกเขาสองแม่ลูกแวบหนึ่ง
สุดท้าย ก็เขียนตัวเลขจำนวนห้าแสนบนลงสมุดบัญชี
ดูแล้ว ผู้หญิงคนนี้ฉลาดกว่าผู้หญิงคนเมื่อสักครู่มาก รู้ว่าอันไหนควรถอยอันไหนควรเดินหน้า ยังรู้จักเปิดบาดแผลของตัวเอง เพื่อให้ได้รับการยินยอมจากอีกฝ่าย
เส้นหมี่แอบจดจำผู้หญิงคนนี้เอาไว้เงียบๆ
จัดการสองบ้านนี้เสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นลูกชายคนเล็กชายหนุ่มผู้ไร้ปัญญาวัฒน์ ก็ง่ายแล้ว
“หมี่ ผม……บ้านของผมไม่ต้องเยอะหรอก เมื่อก่อนนั้นเอาไปคือหนึ่งล้าน ต่อไปนี้คุณ…..คุณให้ผมสามแสนพอ ครอบครัวของพวกเราพออยู่ได้”
วัฒน์มองดูหลานสะใภ้คนนี้ในที่สุดเธอก็มองมาที่เขาแล้ว ทันใดเขายิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม เส้นหมี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ขอลดลงมาเองแล้ว
ทางด้านประพันธ์โมโหจนกระทืบเท้า!
“แกไอ้ลูกอกตัญญู แกมีที่ตั้งเป็นของตัวเองหน่อยไม่ได้เหรอ? คนในครอบครัวของแกต่างแข็งแรงอยู่ครบทุกคน ด้านหลังยังมีลูกอีกสองคน ต่างยังเล็ก ที่พักที่เป็นของตัวเองคนเดียวยังไม่มี สามแสนแกจะไปพอเหรอ?”
เขาบ่นออกมา ก็เหลือเพียงแค่เข้ามาตบเขาสักสองฉาดแล้ว
วัฒน์อยู่ในตระกูล ในชีวิตได้ค่อนข้างน่าเวทนา เป็นไปได้ว่าตั้งแต่เล็กขี้ขลาดกลัวมีว่าจะเรื่อง อีกทั้งเป็นไปได้ว่าเพราะว่าเขาไม่เคยต้องพยายามทำอะไรเพื่อตัวเองมาก่อน
ดังนั้น หลายปีมานี้ เขาไม่ได้มีที่พักที่สมเกียรติ อยู่ที่จาโกที่เป็นบ้านเชิงพาณิชย์มาโดยตลอด
เส้นหมี่มองดูผู้ชายคนนี้ที่ถูกพ่อของตัวเองด่าอย่างไม่มีชิ้นดีแบบนี้ เธอปิดสมุดบัญชีลงแล้ว
“ต่างเป็นห้าแสนเถอะ คุณท่านใหญ่ ฉันทำงานต่างใช้มาตรฐานเดียวกัน ครอบครัวของทุกคนต่างยุติธรรม เป็นธรรมดาว่าจำนวนเงินก็เท่ากัน แน่นอน ถ้าพวกคุณไม่พอใจ ยังอยากจะได้ตามเดิมละก็ ก็ได้ ขอแค่เพียงพวกคุณสามารถบอกได้ว่านำเงินไปทำอะไร ฉันจะตอบรับทันที”
“จริงเหรอ?”
คำพูดนี้เหมือนได้จุดประกายความหวังคนเหล่านี้ขึ้นมา ทันใดนั้น มีคนถามออกมาหนึ่งประโยคในสวนแห่งนี้
บนใบหน้าของเส้นหมี่เผยรอยยิ้มแล้วมองไปทางเขา:“แน่นอน สามารถสร้างรายได้ให้กับเดอะวิวซีได้อีกทาง ทำไมจะไม่ตอบตกลงล่ะ?”
“……”
โอ้ว!
ผู้หญิงคนนี้ สุดยอดจริงๆ!
สุดท้ายตอนที่เส้นหมี่กำลังจะออกไปจากสมรมณ์วัลย์ ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว
พิมเจ้าตัดสินใจว่าจะกลับเดอะวิวซีเป็นเพื่อนเธอก่อน จากนั้นลำธารณีณ พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้
“หมี่ วันนี้ทำไมคุณถึงได้รู้ว่าพวกเขาเอาเงินไปทำอย่างอื่น?”
ระหว่างทางกลับ เพราะว่าพิมเจ้าประหลาดใจอย่างมาก อยู่บนรถจึงอดที่จะถามออกมาไม่ได้
เส้นหมี่ที่นั่งอยู่ด้านข้างนิ่งไปสักพัก ทันใด แววตาของเธอเย็นชาขึ้นมา ทันใดนั้นเหมือนกับดาบที่ถูกปกคลุมด้วยความหนาวเย็น พุ่งออกไปในความมืดที่ค่อยๆปกคลุมเข้ามา
“ในตอนนั้นที่วุฒิพลพาคนมาปิดล้อมแสนรัก เพียงแค่ไนต์คลับ เขากลับพาคนมาเป็นร้อยคน ต่างมีอาวุธที่ล้ำสมัย หลังจากนั้นบนทางด่วน เขาก็ได้พาเฮลิคอปเตอร์ออกมา สิ่งเหล่านี้ เขาก็แค่พันโทคนหนึ่ง สามารถทำได้เหรอ?”
“……”
พิมเจ้าขุ่นมัวลงแล้ว
นี่เป็นหัวข้อหนักหน่วงมากอันหนึ่ง และก็เป็นสิ่งต้องห้ามของตระกูลเทวเทพ
ใช่สิ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเลี้ยงเอาไว้ ค่ายทหารจะมีคนกับอาวุธมากมายขนาดนั้นที่เขาสามารถสั่งการได้? วุฒิพลไม่ใช่ไชยันต์สักหน่อย อีกทั้งตอนนั้น ตระกูลเทวเทพก็ถูกคนเพ่งเล็งแล้ว