ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 933 ทางตันของตระกูลเทวเทพ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 933 ทางตันของตระกูลเทวเทพ
“ใช่….คือพวกเขามาหาผม เขาบอกว่าขอแค่รักเกิดเรื่องขึ้นอีกสักครั้ง พ่อก็จะไม่ยึดอำนาจของตระกูลเทวเทพที่อยู่ในมือผมไป ผมจึงได้บอกพวกเขาไป”
เขาชี้ไปยังกลุ่มสมาชิกคณะรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ในห้องรัฐสภาอย่างสั่นเทา
“บูม——!“
ห้องรัฐสภาแห่งนี้ระเบิดขึ้นอีกครั้ง
แต่เพราะว่าห่างกับการตกใจช็อกโลกครั้งที่แล้วได้ไม่นาน คนเหล่านี้ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงมากเกินไป พวกเขาแค่อ้าปากกว้างแล้วมองไปยังกลุ่มคนของสมาชิกคณะรัฐมนตรีเหล่านั้น
สีหน้าท่าทางคือแทบจะตกใจจนช็อก
แม่งเอ๊ย
นี่คือจะทำให้โลกเกิดความโกลาหลแล้วหรือไง?
ผู้อำนวยการสำนักงานอัยการเองก็อึ้งไปเหมือนกัน ผ่านไปสักพัก เขานั่งอยู่ตรงนั้นและจ้องมองอยู่ที่กลุ่มคนเหล่านี้และได้ยินเสียงตัวเองถามประโยคหนึ่งขึ้นว่า : “ท่านหัวหน้ารัฐมนตรี เรื่องนี้เป็นความจริงไหม?”
หัวหน้ารัฐมนตรีส่ายหน้าปฏิเสธ : “ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยครับ!”
เขากลับมีสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสามาก และก็ยังสงบนิ่งมากด้วย
หัวหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นแล้วถึงกับอึ้งไป
รวมทั้งไชยันต์ หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ : “แกหมายความว่ายังไง? หรือว่าลูกชายของฉันจะยังพูดโกหกอีกงั้นเหรอ? แม้แต่ความผิดแบบนี้ของตัวเองเขายังกล้าที่จะยอมรับ หรือว่าเขายังพูดโกหก?”
“นั่นผมก็ไม่ทราบครับ ผมไม่ทราบจริงๆ” หัวหน้ารัฐมนตรียักไหล่ขึ้นลง
“แต่ ถ้าหากคุณท่านไม่เชื่อคำพูดของสมาชิกคณะรัฐมนตรีพวกเรา ผมสามารถเรียกพวกเขาทั้งหมดมา จากนั้นให้เผชิญหน้ากับลูกชายของท่าน ดีไหมครับ?”
จู่ ๆ เขาก็เสนอข้อเสนอแนะนี้ออกมาอย่างใจกว้าง
ไชยันต์เองที่กำลังโกรธเดือดดาลอยู่นั้น ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็รีบพูดโพล่งออกมาทันที : “งั้นแกจะรออะไรอยู่? ยังไม่รีบเรียกพวกเขาเข้ามา?”
นายพลทหารที่ผ่านศึกมาทั้งชีวิต สุดท้ายก็ไม่ทันเกมคนชั่วเหล่านี้ที่วันๆ เอาแต่สุมหัวอยู่ในสำนักงาน
หัวหน้าสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นท่าไม่ปกติ
แต่ในเวลานี้ จากคำพูดของคุณท่านที่กำลังโกรธอยู่นั้น คนของคณะรัฐมนตรีนั้น ก็ได้ออกไปจากห้องรัฐสภาแห่งนี้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก ก็พาตัวคนของสมาชิกคณะรัฐมนตรีเข้ามา
“เรียบร้อย คนของผมมาแล้ว พันโทม็อกกี้คุณลองดูสิ มีคนที่คุณต้องการหาหรือเปล่า? แต่ผมจะเตือนคุณให้นะ ทำอะไรก็ต้องมีหลักฐานนะ”
หัวหน้ารัฐมนตรีคนนี้ ทางที่ดีคือไม่ลืมที่จะเตือนไชกุไปหนึ่งประโยค
ไชกุในเวลานี้จะคิดอะไรเยอะแยะได้ขนาดนั้น?
เขาในเวลานี้ รู้ดีว่าแท้จริงแล้วพ่อของเขาคนนี้ให้โอกาสรอดกับเขาแล้วหนึ่งครั้ง เขาทำผิด เขาจับตัวเขาออกมา แต่ขอแค่เขายอมรับแล้ว
ชีวิตของเขา เขาก็ยังคงรักษามันไว้ได้!
ไชกุกวาดตามองหน้าของคนเหล่านี้ ทันใดนั้น เขาก็ชี้ไปยังรองรัฐมนตรีรูปร่างอ้วนเตี้ยคนนั้นที่อยู่ด้านขวาสุด
“คือเขา! พ่อครับ วันนั้นก็คือเขาที่มาหาผม ผมยังมีบันทึกเสียงของเขาในตอนนั้น!”
จากนั้นผู้ชายคนนี้ที่เหมือนกับว่าคว้าเส้นฟางช่วยชีวิตไว้ได้ ก็รีบรนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา กดเปิดบันทึกเสียงที่ตนเองบันทึกไว้ตอนรับสายโทรศัพท์
พอเครื่องบันทึกเสียงถูกเปิดออก เสียงของรองรัฐมนตรีคนนั้นก็ปรากฏออกมาจากข้างในจริงๆ ด้วย
“พันโทม็อกกี้ เรื่องนี้คือเรื่องที่พวกเราได้ประโยชน์ร่วมกัน คุณได้รับในสิ่งที่ผมต้องการ ผมก็ได้รับในสิ่งที่คุณต้องการ นี่ไม่ใช่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเหรอ?”
“แต่ว่า……..”
“คุณสบายใจได้ ผมไม่ได้ต้องการชีวิตของหลานชายคุณ ผมก็แค่ขู่ขวัญเขาก็แค่นั้น”
สุดท้าย เสียงนี้ก็หัวเราะอย่างลึกลับสองครั้ง
ทันใดนั้น คนในห้องรัฐสภาต่างก็จับจ้องมองไปที่รองรัฐมนตรีคนนั้น
เพราะว่า เสียงนั้นมันเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ถ้าไม่ใช่รองรัฐมนตรีคนนี้แล้วจะเป็นใครอีกได้ล่ะ?
รองรัฐมนตรีก็กรีดร้องขึ้นมา : “แกพูดเหลวไหล! ไชกุ เรื่องนี้เห็นอยู่ชัดๆว่าแกเข้ามาหาฉันก่อน แกให้ฉันไปจัดการกับหลานชายของแก จากนั้นรับปากฉันว่าจะให้พ่อของแกช่วยฉันให้ได้นั่งในตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรี นี่ต่างหากที่เป็นความจริง!”
“แกพูดอะไรของแก? แกพูดอะไรของแก?!!”
“ก็เพราะแบบนี้ แกคิดอยากจะฆ่าหลานชายของแกให้ตายมาโดยตลอด เพราะว่าตอนนั้นพ่อของเขาก็คือถูกแกฆ่าตาย แกกลัวว่าหากเขาอยู่ในตระกูลเทวเทพนานๆ และจะค้นพบกับความลับนี้ ดังนั้นแกจึงต้องการฆ่าเขาให้ตาย”
มันคือสายฟ้าฟาดตอนกลางวันแสกๆ!
ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า ตอนที่รองรัฐมนตรีคนนี้กำลังเห่าหอนเหมือนสุนัขบ้าอยู่นั้น กลับมีความลับอันน่าตกใจนี้หลุดออกมาจากปากของเขา
ห้องรัฐสภาเงียบกริบลงในพริบตา
วินาทีนี้ หลังจากที่สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่รองรัฐมนตรีคนนี้ ทั้งสีหน้าท่าทางก็เหมือนกับถูกฟ้าผ่า และไม่พูดอะไรต่ออีกเลย
รวมทั้งแสนรักเองก็จับจ้องอยู่ที่เขาด้วยดวงตาพญาอินทรีคู่นั้น!
“แก…แกพูดจาเหลวไหล! วินัยหากแกยังใส่ร้ายคนอื่นอีก ฉันจะฆ่าแก!! “ สีหน้าของไชกุขาวซีดราวกับกระดาษ เขาชี้ไปยังคนคนนี้และพุ่งเข้าใส่อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
แต่การกระทำของรองรัฐมนตรีคนนั้นกลับเร็วกว่า
หลังจากที่เห็นเขากระโจนเข้ามา เขาก็รีบหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา
“แกยังอยากจะแก้ตัวอีกใช่ไหม? แกลองดูว่านี่คืออะไร? นี่ก็คือจดหมายฉบับที่แกส่งไปให้กับขุนนายน้องชายของแกที่เขาไปอยู่แนวหน้าในตอนนั้น ด้านบนแกพูดไว้อย่างชัดเจน ภารานินน้องสะใภ้ของแกถูกพ่อของแกฆ่าตายแล้ว ลูกชายของพวกเขาก็ไม่รอดแล้ว ผลคือทำให้เขาต้องกระสับกระส่ายเสียสมาธิ สุดท้ายก็ต้องตายเพราะโดนศัตรูยิง ข้างบนนี้ยังมีคราบเลือดของเขาติดอยู่เลยนะ!”
เขายกมือขึ้นแล้วฉีกจดหมายฉบับนั้น จากนั้นก็เปิดออกมาต่อหน้าต่อตาของทุกคน