ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น - ตอนที่ 136
โพสในหน้าวอลล่ของเขากลับมีคนคอมเมนต์แค่ข้อความ เตียว “หล่อน ขนาดนั้นเลยเหรอ มนต์ นี่เธอเคยรักฉันบ้าง มั้ย ถ้าเธอรู้สึกถึงความรักอันลึกซึ้งที่หล่อนมีต่อเธอ เธอก็ ควรเข้าใจว่าความรักของฉันที่มีต่อเธอมันมีมากแค่ไหน…..
คนที่คอมเม้นต์ใช้ชื่อว่า “รอยยิ้มที่แสนสวยงาม
จาร ตามไปดูโปรไฟล์ของคนคนนี้ ก็พบว่าที่แท้แล้วเป็น เฟสบุ๊คของสรี วัลย์
ภาพหน้าปกของเธอเป็นภาพที่ดูหดหู่มาก มองแวบเดียวกั
รู้ได้ทันทีว่าเป็นภาพของสุรีย์วัลย์
สุรีย์วัลย์เป็นผู้หญิงที่สวย เป็นความงามที่สดใส เหมือน กับแสงอาทิตย์ ไม่ว่าสองแสงไปที่ใดก็สว่างไปหมด
จารวีสับสนเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจ ทําไมผู้หญิงที่สวย อย่างสุริย์วัลย์ถึงได้ไม่สมหวังกับมนต์ตรี แถมพอบอกว่าเลิก คือเล็ก
เธอจะโพสหน้าวอลล์ทุกวัน จารวีตั้งใจอ่านทุกโพสจน หมด สิ่งที่สุรีย์วัลยโพสล้วนแต่เป็นการเพ้อว่าคิดถึงมนต์ตรี
ความรักที่ลืมไม่ลงถูกบันทึกไปในโพสทุกๆวัน ใครที อ่านจบหมดทุกโพสจะต้องรู้สึกซาบซึ้งเป็นแน่
จารวี ตกใจมากเหมือนกัน เดิมทีเธอคิดว่าลูกสาวคนที่ สองของตระกูลเหลียงผู้ร่ำรวยจะไม่มีความรักที่ลึกซึ้งให้กับ ใคร แต่นึกไม่ถึงเลยว่าที่จริงแล้วจะไม่ได้เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้
ที่ทําให้ทรมานกว่านั้นก็คือ มนต์ตรีไม่ได้คอมเม้นต์โพสห น้าวอลล์ของเธอเลยสักประโยค
ในใจของจารวีรู้สึกอ้างว้าง เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าความรัก ที่สุรีย์วัลย์มีให้กับมนต์ตรีจะลึกซึ้งมากขนาดนี้ บางทีเธออาจ ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับพวกเขาตั้งแต่แรก
ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าของไลน์ก็ดังขึ้น จาร ใช้เมาส์คลิกเพื่อเปิดดูข้อความ
คนที่ทักเธอมาคือมนต์ตรี เธอรีบตอบกลับไปอย่าง รวดเร็ว “ขอโทษนะพี่มนต์ ตอนนี้ดึกแล้ว พี่มีเรื่องอะไรจะ คุยกับ เหรอ”
“อืม มีสิ…หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็ส่งข้อความตอบ กลับมาว่า “ตอนนี้ยศพลอยู่กับวีมั้ย”
“ไม่ ตอนนี้เขาอยู่บริษัท ยังไม่กลับมา มีแค่คนเดียวที่อยู่ บ้าน
“โอเค ทีแรกพี่อยากจะคุยกับวีตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว แต่มี เขาอยู่ด้วย พี่เลยกลัวว่าจะมีอันตราย”
คำพูดของมนต์ตรีทำให้จารวีรู้สึกเหมือนหัวใจจมอยู่ใน นํา “ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นสักหน่อย”
*5 นี่มันเรื่องร้ายแรงนะ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มีเวลาว่างมั้ย พรุ่งนี้ จะพาไปสถานีตำรวจ
“พี่มนต์ มันไม่ได้มีเรื่องอะไรสักหน่อย มีอะไรร้ายแรงขนาด นั้นเหรอ”
“อืม เหตุการณ์ยิงกันในวันนั้น พี่คิดว่าวีไม่ควรลืมมันไปนะ พี่แจ้งความแล้ว กับพี่เป็นผู้เสียหายนะ ตอนนี้ที่จำเป็นต้อง พาไประบุความผิดทางอาญา ทางสถานีตำรวจจับตัวคนร้าย ได้แล้วนะ แค่ต้องการให้พวกเราไประบุตัวคนร้าย จบคดี แล้ว”
“เรื่องนี้ให้ยศพลรู้ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้! มนต์ตรีตอบกลับอย่างเด็ดขาด
จาร ตะลึงงันไปเล็กน้อยแล้วตอบกลับว่า “ก็ได้ พรุ่งนี้ จะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเซน เมนต์รอวีที่นั่นละกัน”
“ได้เลย วีต้องระวังตัวด้วยนะ”
จาร นิ่งไปสักพัก พอลบบันทึกการสนทนาทั้งหมดออก ก็ ปิดคอมพิวเตอร์
ทําไมมนต์ตรีถึงต้องไม่ให้ยศพลรู้เรื่องนี้ หรือที่จริงแล้ว ยศพลจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ในใจของจาร มีความรู้สึกที่แย่มาก
กลัวว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ ว่า เธอไม่ได้หวังว่ายศพลจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ในคืนนั้นตอนเที่ยงคืน เงามืด ปกคลุมบริษัทST กรุ๊ปที่ตั้ง
อยู่กลางเมืองเอส
มีเพียงแสงจาง ๆ ออกมาจากห้องทำงานของประธาน บริษัท ประตูกระจกถูกปิดอย่างแน่นหนา ยศพลคลายเนคไท แล้วเดินไปรอบๆห้องไม่ยอมหยุด
สองสามนาทีต่อมา อยู่ดีๆประตูใหญ่ถูกเปิดออก นิรันรอ บอดี้การ์ด คนแบกกระสอบอันหนึ่งเดินเข้ามา
หลังจากเข้ามาถึงห้องทํางาน พวกเขาก็รีบปิดประตู แล้ว รูดม่านให้มิดชิดทันที
บอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่ด้านนอกของประตูห้องทำงาน ส่วนที่เหลืออีกสองคนเปิดปากกระสอบ ทันใดนั้นก็มีร่างสูง โผล่ออกมาจากกระสอบ
ในกระสอบนั่นเป็นชาวตะวันตกร่างสูง ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็ก น้อย ใบหน้าของเขามีรอยฟกช้าและบวมเป่ง ชุดสูทของเขา ถูกขย่าจนเสียรูป ทั้งสองมือสองเท้าถูกเชือกมัดไว้ ปากก็ ถูกปิดด้วยเทปกาว
ยศพลค่อยๆเดินมาหาคนตรงหน้า แล้วใช้ดวงตาที่ แหลมคมมองไปที่เขา
“คุณยายครับ ตอนนี้พวกเราจับเขาได้แล้วครับ น่าจะยังมี พรรคพวกอีกหนึ่งคน แต่เจ้าหมอนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกว่า อีกคนหนึ่งอยู่ที่ไหน
ศพลหัวเราะอย่างเยือกเย็น ดวงตาสีตาเป็นประกาย แวววาวอย่างเลือดเป็นเหมือนกับหมาป่าที่ดุร้าย
ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกครั้งเดียวเท่านั้น บอกมา ใครอยู่ เบื้องหลัง ไม่งั้นแกจะต้องตายอย่างอนาถ…
หลังจากยศพลเปล่งเสียงที่เย็นชาออกมาจากสําคอแล้ว ก็ยื่นมือมาติงเทปกาวที่ปากของคนตรงหน้าของเขา
ชายผู้นั้นอ้าปากค้างอย่างรุนแรง ดวงตาสีเขียวของ เขาจ้องมองไป ยศพลอย่างไม่กลัวตายและไม่มีทีท่าว่าจะ ปริปาก
พูดสิ.. นิรันเตะเขาเข้าไปทีหนึ่ง ชายคนนั้นหันไปมองนิ ร้นอย่างโกรธแค้น
จากนั้นก็พูดว่า “พวกเอ็งจะฆ่าข้าเลยก็ได้ ข้าไม่กลัว ตาย ข้าไม่มีทางบอกว่าใครอยู่เบื้องหลังหรอก เพราะว่าถึงข้า จะบอกไป ข้าก็ต้องตายอยู่ดี…
จริงๆแล้วมันเป็นการพูดภาษาไทยคล่องแคล่วมาก ง ทำให้ยศพลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
สายตาของยศพลจ้องมองไปที่เขาอย่างกับเหยี่ยว เป็น
ระยะเวลานานจึงจะยืนขึ้นมาแล้วหันไปชี้นิ้วใส่นิรัน
*โอเค ในเมื่ออยากตายก็ให้มันตายละกัน ก็ทำให้มันสมใจ อยาก…แขวนมันซะ”
นิรันลงมือแก้มัดเชือกที่รัดข้อมือข้อเท้าของขายตรงหน้า ออก จากนั้นก็แขวนเขาไว้ที่กลางห้องทํางาน
เขาถูกแขวนแบบห้อยกลับหัว การแขวนวิธีนี้ พอแขวนไว้ นานๆ เลือดจะเลี้ยงสมองจนบวม ซึ่งทรมานมากๆ
ยศพลหมุนปืนในมือเล่น แววตามีแต่ความมืดมิดและชั่ว
ร้าน
“รู้ไว้ด้วย กูไม่ปล่อยให้ถึงตายง่ายๆหรอก กูรู้ว่ามึงเป็นหมา รับจ้างตัวสำคัญ ถึงไม่กลัวถูกลงโทษ งั้นกูจะใช้วิธีที่โหด ร้ายกว่าเก่า กูจะทำให้มึงรู้สึกว่าตายไปยังดีซะกว่า…
ชายคนนั้นเผชิญหน้ากับยศพลด้วยความเงียบ ไม่พูด อะไรออกมาสักคา
เสียงปืนหนึ่งนัดที่ยิงออกไป ทำให้ชายคนนั้นร้อง โหยหวนราวกับหมาป่า ทั้งร่างสั่นไม่หยุด
กระสุนนัดนี้ทำให้กระดูกขาของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ แม้ว่า กระดูกจะแตกแล้ว แต่กล้ามเนื้อยังคงติดกันอยู่ แต่เพราะ ร่างกายของเขาหนัก เนื้อจึงเริ่มฉีกขาด กล้ามเนื้อส่วนที่ติด กับกระดูกก็ค่อยๆฉีกและเปิดกว้างออกทีละน้อย ความเจ็บ ปวดแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้ การยิงปืนนัดนี้ก็ เพื่อจะให้เขาทรมาน ความทรมานนี้ไม่ได้เป็นความทรมาน แบบเจ็บแปล๊บๆเพียงชั่วขณะ และความทรมานจะไม่สิ้นสุด จนกว่าซี่โครงทั้งหมดจะถูกดึงออกมาในขณะที่ยังมีชีวิต
“อ๊ะ…อ๊าาาาา… เสียงร้องโหยหวนของผู้ชายคนนั้นดังลั่น ออกมาอย่างเจ็บปวด
ราวกับเสียงกรีดร้องของสัตว์ร้ายจากนรก และในตอน ที่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดจากการที่กล้ามเนื้อฉีกขาดก็ คํารามออกมากอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
เลือดสดๆไหลลงมาจนถึงคาง และไหลยาวมาจนถึง ใบหน้า ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยขึ้นเนื้อและเลือด
“เอาล่ะ กูว่ามาตัดขาอีกข้างของมึงออกดีกว่า มึงเตรียมใจ ไว้รึยัง”
ดวงตาที่หล่อเหลาของยศพลมีแววตาที่เปล่งรังสีความชั่ว ร้ายออกมาอย่างโหดร้ายและน่ากลัว
ใบหน้าของเขาโหดร้ายและน่ากลัวมาก
“ผม ผมบอกก็ได้ ถ้าผมพูดแล้ว พวกคุณต้องไว้ชีวิตผมนะ”
ยศพลมองไปที่นิรัน นิรันก็ให้บอดี้การ์ดสองคนลงมือตัด
เชือกแล้วนําผู้ชายคนนั้นลงมา
“ดูๆแล้วแกก็อยู่เป็นนี่…ยศพลยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ในโลกนี้ยังไม่มีคนที่สามารถทนต่อความทุกข์ทรมานได้
หลังจากวางเขาลงแล้ว ชายคนนั้นก็อาเจียนออกมาเป็น เลือดไม่หยุด ผ่านไปนานจึงจะค่อยๆทุเลาลง
“คือ คือ ก็คือเขา…
ชายคนนั้นพูดคำสามคำออกมทีละคำ แม้ว่าเสียงของเขา จะเบามาก แต่คนในห้องทำงานทั้งหมดได้ยินมันอย่างชัดเจน
ทุกคนในห้องตกตะลึงไปตามๆกัน “ปัง! ” เสียงปืนนัด หนึ่งดังข้น ชายคนนั้นถูกยิงเข้ากลางทรวงอกและเสียชีวิตใน
ทันที
เสียงปืนนัดนี้ จส ทุกคนกลับมาจากความตื่นตระหนก
ใจอย่างรวดเร็ว
“เรื่องในวันนี้ พวกนายต้องทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น เหมือนว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เข้าใจมั้ย
คําสาหล่านั้นถือเป็นข้อห้ามสําหรับทุกคนไม่ให้พูดออกมา ใครก็ตามที่พูดชื่อนั้นก็แสดงว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
“ครับผม! ” ทุกคนเปล่งเสียงน้อมรับคำสั่งด้วยความพร้อม
เพรียง
ศพของชายคนนั้นถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว ห้อง ทํางานก็ถูกทําให้สะอาดหมดจดโดยนิรันและพนักงาน ทําความสะอาดคนอื่นๆ
ยศพลทิ้งตัวลงบนกลางโซฟาอย่างแรง นิ้วของเขานวด ไปที่ขมับและพาดขาทั้งสองไว้บนโต๊ะทํางาน
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะถึงจุดที่แก้ไขไม่ได้แล้ว เขานึกไม่ เคยถึงเลยว่าพ่อของเขาจะเข้ามาก้าวก่าย แทรกแซงเรื่อง ของเขา
เขาเดินทางหมื่นลี้มาถึงไทย พ่อของเขาก็ยังมีอำนาจ มหาศาลปกครองในบริเวณกว้าง
“คุณชายครับ ต้องการให้พาคุณจารวีไปในที่ที่ปลอดภัย มัยครับ” นิรันถามออกมาอย่างหยั่งเชิง
ยศพลโบกปัดปฏิเสธ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน ไม่ ต้อง ฉันไม่เชื่อหรอก นายไปเตรียมกำลังพลไว้ด้วย
“ครับ คุณชาย” นิรันตอบกลับด้วยความเคารพ
จาก กำลังรอให้ศพลกลับมา ที่บ้าน หลังจากนั้นเธอก็ ช่วงจนทนไม่ไหว จึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
พอเธอตื่นขึ้นมา เธอไว้อย่างแน่นหนา ก็รู้สึกได้ว่ามีแขนคู่หนึ่งโอบเอาเธอ กอด
พอได้ยินเสียงลมหายใจที่คุ้นเคยของยศพล ในใจของ
จารวีก็รู้สึกได้ถึงความปลอดภัย
ฟ้าสว่างแล้ว จารวีค่อยๆ พลิกตัว พยายามจะข้นตัวลุก
ขึ้นมา
ยศพลยีนแขนขาวๆออกมาแล้วใช้แรงดึงตัวเธอไว้ จาก นั้นก็ดึงเธอเข้ามา ล็อคตัวเธอไว้ในอ้อมอกของเขาดังเดิม
ราวกับปลาหมึกยักษ์ที่เกาะติดหนึบ ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
จาร จึงทําได้แต่เพียงหดตัวกลับมาหันหลังกลับดังเดิม และนอนหันหน้าเข้าหาเขา
งดงามและละเอียดอ่อน
ตอนที่เขาหลับ ดวงตาที่หล่อเหลาของเขาปิดสนิท ขนตา ยาวก็ถูกแสงส่องจนเกิดเงา ใบหน้าของเขาเหมือนกับภาพส เก็ต ที่งดงามและละเอียดอ่อน
มีแค่ขนตาที่กระพริบถี่ๆ แล้วคิ้วที่ขมวดแน่น
จารวีรู้สึกกังวลเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้กำลังกังวลอะไรอยู่ในฝันกันนะ อะไรที่ทำให้เขาขมวดคิ้วได้ขนาดนี้
จาร ตกตะลึงทันทีเมื่ออยู่ดีๆยศพล ลืมตาขึ้น แล้วใช้ ดวงตาที่ส่องประกายราวกับดวงดาวจ้องมองมาที่เธอ
จารวีนิ่งไปเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มออกมา
“นี่เธอแอบมองฉัน หรือกำลังจะฉวยโอกาสท่าอะไรฉันน่ะ”
ตอน ยศพล ม มุมปากของเขาถูกยกสูงขึ้น รอยยิ้มของ เขาดูชั่วร้ายและอบอุ่น ในขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์ที่ประกาย เปล่งออกมาอย่างสว่างไสว
“เปล่า ฉันไม่ได้จะฉวยโอกาสทําอะไรนายสักหน่อย เห็น ชัดอยู่นิ่ว่านายดึงฉันเข้ามากอดน่ะ”
ยศพลยิ้มอย่างชั่วร้าย “ไม่มีอะไรเหรอ ฉันเพิ่งตื่นก็เห็น เธอมดมาในอ้อมอกฉันน่ะ…ว้าว แขนของเธอยื่นมาถึงตรงนี้ แล้วนี่ อยากจะทําอะไรที่มากกว่านี้เหรอ
เขาเคยชินกับการไม่ใส่อะไรในท่อนบนก่อนจะนอน จึง เผยให้เห็นแผ่นอกอันแข็งแกร่งและกล้ามเนื้ออย่างชัดเจน กล้ามเนื้อทุกมัดแน่นตึง เต็มไปด้วยพละกำลังทุกส่วน แต่ก็ไม่ ได้เป็นสัดส่วนที่เหมือนกับนักเล่นกล้าม
แต่ว่ามือเล็กๆของจารวีวางอยู่ที่เอวของเขา มือของเขา กลับจับมือของเธอไว้ แล้วโน้มตัวไปยังส่วนที่อยู่ใต้เอวของ เธอ
มือเล็กๆที่อ่อนนุ่มรับรู้สัมผัสกับกลิ่นที่เร่าร้อนของชาย หนุ่ม เธอตกใจไปยกใหญ่และพยายามจะหลบหนี
แต่กลับถูกเขาจับไว้แน่น
“แอบฉวยโอกาสแล้วนี่ ทําไมถึงรีบหนีไปซะล่ะ” ยศพลไม่ พอใจเป็นอย่างมาก
จารวีตอบกลับเสียงเบาๆ “งั้นนายอยากจะทําอะไรล่ะ”
ทันใดนั้นยศพลก็ขึ้นคร่อมบนร่างของจารวี “จะอะไรล่ะ ฉันก็ต้องทํากลับสิถึงจะยุติธรรม