ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น - ตอนที่ 161
พลพลิกแผ่นดินเมือง เพื่อตามหา แต่ก็ไม่เจอ
แต่เงา
“คุณครับ รถสปอร์ตคันนั้นมาจอดที่สนามบิน ถ้า ดูจากกล้องวงจรปิดแล้ว คุณจารวีเข้าไปที่ที่สนามบิน ตอน9โมง10นาที
แล้วก็ไม่ออกมาอีกเลยครับ”
“นายสิบเกี่ยวกับเที่ยวบินรึยัง”
“สืบหมดทุกสายการบินแล้วครับ แต่ก็ไม่มีชื่อของคุณจาร วิเลย” นิรันตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ยศพลโมโหจนวางที่เขี่ยบุรีคริสตัลราคาแพงลงพื้นอย่าง
แรง เสียงดังลั่น
จารวี เธอหนีไปไหนกันแน่!!!
การจากไปของจารวี ทำให้ยศพลรู้สึกกลัวอย่างที่ไม่เคย เป็นมาก่อน
เธอไม่พูดอะไรซักคำ อยู่ดีๆก็จากไปอย่างกะทันหัน
ยัยผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมา ไม่มีคนคอยดูแล อยู่ข้างๆ แล้วจะทํายังไงล่ะ
“ยศพล น้าขอโทษจริงๆ น้าผิดเอง ตอนนั้นน้าควรจะ เกลี้ยกล่อมเธอไว้ ไม่คิดจริงๆว่าอยู่ๆเธอจะจากไปแบบนี้….น้าอาม ขอโทษอย่างกระสับกระส่าย
“ออกไป.. ยศพลตะคอกออกมาด้วยความร่าคาญ
น้าอามตกใจอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นยศพ โมโหขนาด นี้มาก่อนเลย เธอไม่กล้าแม้แต่เปล่งเสียงออกมาจากล่าคอ ค่อยๆเดิน ถอยออกมา ได้แต่พูดกับตัวเองในใจว่า จารวีต้อง ไม่เป็นอะไร! จารวีต้องปลอดภัย!
ยศพลปลดเน็คไทไททคอออกอย่างรุนแรง ตอนนี้เขา เหมือนสิงโตที่บ้าคลั่ง เดินวนไปวนมาที่ห้องรับแขกแบบกระ สับกระส่าย
หัวเขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ถึงจะพลิกหาทั้งสนามบิน และลานจอดรถ ยังไม่ได้ข่าวของจารวีเลยแม้แต่นิดเดียว
ราวกับว่าเธอหายไปในอากาศ
“รีบไปพานิชาภามาที่นี่ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” ยศพลพูดด้วย น้าเสียงโกรธเคือง
นิรันรีบพยักหน้าตอบรับทันที “ได้ครับ!”
ยศพลทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรง ในมือถือโทรศัพท์ เอาแต่โทรหาจาร ครั้งแล้วครั้งเล่า
หมายเลขที่คุณเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ไม่ว่าจะโทรไปกี่สิบครั้ง ก็ได้รับคําตอบแบบเดิม ยศพล หายใจอย่างรุนแรงจนปอดแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
ผู้หญิงคนนี้ มีอะไรก็คุยกันดีๆไม่ได้เหรอ จำเป็นต้องขาด การติดต่อแล้วหายไปแบบนี้ ถ้าเกิดว่า…
ท้องฟ้าค่อยๆ ดลงแล้ว ยศพลยังไม่ได้ข่าวคราวของตา
รวีเลยแม้แต่น้อย เค้าเริ่มที่จะรู้สึกหมดหวังแล้ว
นิชาภาเดินตามหลังนิรันเข้ามา ที่พันมีแต่เศษแก้ว แล้วก็ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปหมด นิชากาคลี มออกมา เธอพอจะ เดาออกว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
ยศพล ฉันกลับมาแล้ว !
เธอเสแสร้งทําเป็นตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า มองไป
รอบๆห้องรับแขก “ยศพล เกิดอะไรขึ้นน่ะ”, ยศพลลุกขึ้นจากโซฟา กระชากเสื้อผ้าของนิชาภา พร้อม
ผลักเธอเข้าก่าแพงอย่างแรง
หลังศีรษะของนิชาภาชนกับกำแพงอย่างรุนแรง เธอเจ็บ จนน่าตาแทบจะไหลออกมา
แต่เธอยังคงมองหน้ายศพลด้วยสายตาราวกับว่าเป็นผู้ บริสุทธิ์
“ยศพล เกิดอะไรขึ้นเหรอ คุณเป็นอะไรน่ะ”
ยศพลถูกความโมโหครอบงำา มีอของเขาที่แข่งราวกับ เหล็กกล้าบีบคอเธอเอาไว้
ใบหน้าหล่อเหล่านั้น ตอนนี้เต็มไปด้วยความมืดมน ดวงตาแดงกล่ดูราวกับสัตว์ร้าย
ตอบมา เธอพาจารวีไปที่ไหน
นิชาภามองเค้าด้วยสายตาบริสุทธิ์ ยื่นมือเล็กๆออกไป ผลักเศพลออก แล้วตอบอย่างยากลำบาก
ปล่อยมือนะ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้…ฉันหายใจไม่ออก… ”
พอมองใบหน้าเล็กๆของนิชาภาแล้ว จากใบหน้าขาวๆ กลายเป็นสีแดง ยศพลเลยปล่อยมือออก
แต่ยังคงสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ใดๆ และมองหน้าเธอ ด้วยสายตาดุร้าย
“รับบอกมา ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”,
“เฮ้อ….” นิชาภาหายใจเข้าออกพร้อมกับไออย่างรุนแรง เป็นอย่างนั้นซักพักหนึ่ง เธอจับคอของตัวเอง พึ่งโดนบีบ อย่าง รุนแรง พร้อมกับมองหน้ายศพล
“ยศพล คุณพูดอะไรของคุณน่ะ จารวีไม่ได้อยู่ในบ้าน หรอกเหรอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ
“อย่ามาพูดจาไร้สาระ ฉันเช็คประวัติการโทรเข้าออกของ จารวีหมดแล้ว เมื่อวานเธอโทรหาจารวี เธอทําอะไรกับเขากัน
ยศพลพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แววตามีแต่ความโหด เหี้ยม
เสียงต่ำๆของฟังแล้วชวนขนหัวลุกอย่างมาก “เธอก็รู้นะ ว่าคนอย่างฉัน ไร้ซึ่งเมตตา แม้แต่ผู้หญิงก็ไม่เกรงใจหรอกนะ”
ยศพล คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับจาร มาโดยตลอด ฉันก็แค่โทรไปทักทาย ฉันจะเอาเธอไปซ่อน ไว้ได้ยังไง ล่ะ!” นิชาภาตอบอย่างกระวนกระวาย “ฉันพักอยู่ ที่ไหน คุณก็รู้ ก็ลองไปค้นดูสิ ถ้าเจอเงื่อนงำอะไรเกี่ยวกับ จารวีแม้แต่นิดเดียว ฉันจะลงโทษตัวฉันเอง”
ดูท่าทางเธอมั่นใจขนาดนั้น ยศพลมองเธอด้วยความ
สงสัย
“เข้ามา!” ยศพลตะโกน หลังจากนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองคน
เดินเข้ามา
“เอาเธอไปขังไว้ห้องใต้ดิน”
ยศพลสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
นิชากาตะโกนออกมาด้วยความไม่เต็มใจ ยศพล คุณจะ ทําแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันไม่ได้ทําร้ายจารวีเลยแม้แต่น้อย อย่าช้งฉันเลย”
ยศพลมองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น “ฉันมีอีกหลายวิธีที่ จะทําให้เธอเปิดปาก
ในขณะนั้น ในเมืองเล็กๆที่ไม่มีคนรู้จัก รสบัสคันใหญ่ก็ ค่อยๆจอด
ผู้โดยสายคนอื่นๆได้ลงจากรถกันหมด เหลือก็แต่จารวีที่ ยังนั่งอยู่ เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะไปที่ไหน
“คุณผู้หญิงครับ พวกเรามาถึงสถานีปลายทางแล้ว ลงรถ เถอะครับ พวกเราต้องทําความสะอาดแล้ว
พอผู้โดยสาบลงรถจนหมดแล้ว คนเก็บตัวก็จะเริ่ม ทําความสะอาด จึงเตือนให้จารวีลงรถ
จารวีค่อยๆลุกขึ้นและลงจากรถ
เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ งามแบบโบราณ แสงไฟสลัว พอเงย หน้าขึ้นไปก็มองเห็นดวงดาวส่องสว่างเต็มท้องฟ้าไปหมด
ความเศร้าหมองในใจของเธอก็ดีได้ผ่อนคลายลงบ้าง
เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หวังจะหยืมเงินออกมาเปิด โรงแรมนอน แต่ปรากฏว่าในกระเป๋าเสื้อนั้นว่างเปล่า
ขายแล้ว!
เงินและโทรศัพท์ได้ถูกขโมยไปแล้ว จารวีมึนงงไปพักนึง เธอไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียวว่ามีคนขโมยไปตั้งแต่ตอน ไหน
โทรศัพท์ก็ไม่มี เงินก็ไม่มี ทีนี้ก็ไปไหนไม่ได้แล้ว เธอจะ ทําไงต่อดีล่ะเนี่ย
แล้วอีกอย่าง เธอก็ท้องอยู่ด้วย ก็ต้องหิวบ่อยกว่าตอนยัง ไม่ท้อง แถมยังนั่งรถมาทั้งวัน หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว ทํายัง
ไงดี
จารวิจับแหวนที่อยู่บนนิ้ว แหวนั่นมีเพชรเม็ดโตอยู่ เป็น แหวน ยศพลให้เธอมานั่นเอง
มันเป็นของมีเพียงอย่างเดียวที่เธอมีในตอนนี้
คุณคะ แถวมีโรงรับจํานําไหมคะ
จารวีคนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนท้องถนน คนนั้นสาย หัว “ไม่มีหรอก ที่นี่เป็นเมืองเล็กไม่ใช่เมืองใหญ่ จะไปมีโรงรับ ได้ยังไง!
“คุณป้าคะ แถวนี้มีโรงรับจํานําไหมคะ
ไม่มีหรอกสาวน้อย ถ้าหนูอยากจะของ พรุ่งนี้ต้อง ไปโรงรับจำนำในเมืองนู้นนะ
ไม่ว่าจะถามซักกี่คน คําตอบก็เหมือนเดิมคือไม่มี
ท้องของจารวีร้องไม่หยุดเลย หิวมาก!
ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอได้กลิ่นอาหารลอยมา ตามลม
กลิ่นมันลอยมาเตะจมูกของจารวี เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า เธอจะรู้สึกว่าอาหารสําคัญขนาดนี้
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเจอเธอที่นี่….
เสียงแข็งๆลอยมาจากด้านหลังของเธอ หันกลับไป มองทันที
ในยามกลางคืน เธอมองเห็นเงารูปร่างสูง
“คุณคือ” ตอนนั้นจารวีนึกไม่ออกว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน
เขาใส่เสื้อคลุมสบายๆ ด้านล่างเป็นกางเกงหนังและรอง เท้าบู๊ท แต่งตัวมีสไตล์จริงๆ
ด้านหลังของเค้าก็มีบอดี้การ์ดตามมาคนนึง
ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ เธอคงจะคิดว่าเป็นยศพลตาม
มาแน่ๆ
“ฉันนามสกุลโฉมเฉิด ดูเหมือนว่าเธอจะความจําสั้นจริงๆ ลืมฉันลงได้ยังไง”
ดนวัตตอบอย่างไม่เกรงใจ
นามสกุลโฉมเฉิดเหรอ จารวีพยายามคิดแล้วคิดอีก แต่ คิดไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอใช้เวลาคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า คุณดนวัตคะ ไหนๆเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว งั้นขอฉัน ยืมเงินหน่อยนะ”
ดนวัดขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารักจริงๆ กล้า ขอยืมเงินผู้ชายตามทางแบบนี้ได้ยังไง
“ได้สิ แต่ว่าฉันเก็บเงินไว้ที่บ้าน เธอต้องไปกับฉัน”
“ไปบ้านคุณเหรอ บ้านคุณไกลไหมล่ะ คุณช่วยซื้อเค้กให้ ฉันกินซักชิ้นนึงได้ไหมคะ ตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว…
ความหิวคือเรื่องที่น่ากลัวที่สุด จารวีหิวจนตาลาย ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด
นวัตเ ก ว นพร้อมกับหันหน้าไปมองหน้าบอดี้การ์ต
ของเขา
บอดี้การ์ดรีบเข้าไปในร้านค้ก และออกมาพร้อมกับเค้ก ก้อนโต
จารวีดีใจเป็นอย่างมาก กอดเค้กไว้อย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณมากนะคะ คุณดนวัติ…
“อ่า รถฉันอยู่ทางนี้”
จารวีกอดเค้กไว้ พร้อมกับขึ้นไปนั่งบนรถของตนวัต เธอ รู้สึกว่าเธอโชคดีมาก
ในเมืองเล็กๆที่ห่างไกลความเจริญแบบนี้ กลับได้เจอคน รู้จัก แต่ประเด็นก็คือ คนรู้จักคนนี้ เธอนึกยังไงก็นึกไม่ออกว่า
เคยเจอ เขาที่ไหน
รถได้ขับออกห่างจากเมืองเล็กๆนี้ ฟ้ามืดไปหมด มีเพียง แต่แสงสว่างจากไฟหน้ารถเท่านั้น
ด้านหน้าสองข้างทาง มีแต่ป่า ดา ด
คุณไม่ได้อยู่ที่เมืองเมื่อกี้เหรอคะ”
“ใครบอกว่าฉันอยู่ที่นั่นกันล่ะ ”
“แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนกันล่ะ”
พอคุยไปคุยมา เธอก็รู้สึกว่านามสกุลนี้ดูคุ้นๆนะ เธอ กใจพร้อมกับถามขึ้นมาว่า “คุณรู้สึกตน อยศพล โฉมเน็ต มั้ยคะ”
ดนวัตมองเธออย่างไม่แยแส “คนนามสกุลนี้มีตั้งเยอะ แยะฉันจะไปรู้จักทุกคนได้ยังไง”
งั้นก็ดี คนนามสกุลโฉมเฉิดคนเดียวที่เธอรู้จัก ก็คือยศพล โฉมเฉด
รถได้แล่นมาจนถึงชายหาดแห่งนึง จึงได้จอดลง
จารวีลงรถ ลมทะเลได้พัดผมที่ยาวสลายของเธอ เธอกิน เยอะเข้าไปเยอะมาก เลยไม่รู้สึกหิวแล้ว
หลังจากลงจากรถแล้ว ถึงได้รู้สึกถึงทรายที่อยู่ตรงฝ่าเท้า ด้านหน้าเป็นทะเลสีคราม พระจันทร์ดวงกลมโตอยู่ด้านบน ของทะเล คลื่นลูกใหญ่พัดมาพร้อมกับลมยามค่ำคืน….
บนทะเล มีเรือสําราญที่ใหญ่โตและหรูหราจอดอยู่ บน เรือมีแสงไฟมากมาย ดูสวยงามมาก
“นี่มัน นี่มันบ้านของคุณเหรอ ล้อกันเล่นรึเปล่าเนี่ย
คุณจารวีครับ จําผมไม่ได้จริงๆเหรอ” ดนวัตจับมือเธอไว้ พร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย
อยู่ดีๆจารวีก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี เธอเหม่ออยู่นาน ถึงจะค่อยได้สติ
“นะ…นะ…นายนี่เอง ดนวัต…นายเป็นมาเฟีย”
ดนวัดไม่ปฏิเสธพร้อมกับมองไปยังทะเลกว้าง
“ไหนๆเธอก็มาที่นี่แล้ว ไปเข้าร่วมซะหน่อย ”
จาร รู้สึกกลัวขึ้นมา เธอรีบถอยหลัง
“ไม่ดีมั้ง ตอนนี้ฉันคงไม่ค่อยสะดวก วันอื่นค่อยมาดีกว่า
คนวัตใช้มือที่แข็งเหมือนเหล็กจับเธอไว้ คุณจารวี ครั้งที่ แล้วเธอช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนซักที ถ้า ยังงั้น ตอนนี้ ให้ฉันตอบแทนหน่อยเถอะ!”
จารวีขัดขืนแล้วเดินถอยออกมา จากนั้นก็มีบอดี้การ์ด สองคนอุ้มเธอขึ้นเรือไป
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือของจารวีถูกเสียงคลื่นใน ทะเลกลบไปหมดแล้ว