ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น - ตอนที่ 28
ตอนที่ 28 ไม่สนใจกฎหมาย ไม่สนใจฟ้าดิน
เจารวีนั่งพิงโคนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ให้กำลังใจตัวเองสัก ครึ่งวัน สุดท้ายก็รวบรวมความกล้าเดินตรงไปที่ห้องรักษา ความปลอดภัย
ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย ก็แค่ไปถามเขาว่าประธาน บริษัทอยู่รึเปล่าก็แค่นั้น แล้วค่อยถามเรื่อยเปื่อยว่าท่าน ประธานพักอยู่ที่ไหน ง่ายๆแค่นี้เอง
ตอนที่จารวีอยู่ห่างกับห้องรักษาความปลอดภัยแค่สอง ก้าว ทันใดนั้นประตูกระจกหมุนก็ถูกเปิดออกจนเห็นเงาของ ผู้ชายที่หล่อเหลารู้จักกาลเทศะ
มนต์ตรีจริง ๆด้วย หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างไม่เป็น
จังหวะ
พี่มนต์ตรี…
ในใจของเธอตะโกนออกมา เตรียมที่จะวิ่งไปหา แต่ชั่ว พริบตาเดียวก็มีเงาของคนชั้นสูงที่ดูละเอียดอ่อน ยศพล หยุดอยู่ที่ประตูใหญ่สักพัก รอผู้หญิงที่ตามมาข้างหลังเดิน ออกมา ทั้งสองคนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันออกมาจาก ประตูใหญ่
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดเดรสคอวีสีม่วงที่ทำจากผ้าชีฟอง ผมที่ย้อมกลายเป็นสีเลือดหมูถูกมัดไว้ที่ท้ายทอยเป็นมวย ผมแบบเจ้าหญิง ด้านบนประดับลูกปัดดอกไม้ แบบโบราณสวยงามมาก ๆ ดู ๆแล้วน่าจะมีนิสัยเฉพาะตัวที่เหมือนกับเป็น คนที่มาจากตระกูลที่สูงส่ง
ทั้งสองคนเดินมาด้วยกัน เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบ
หยก
จารวีตื่นตระหนกจนก้มหัวลง ไปหลบที่มุมข้างหลัง
กำแพง
ในใจของเธอโศกเศร้ามาก พี่มนต์ พี่มีแฟนตั้งนานแล้ว
เหรอ?
ความกล้าทั้งหมด สูญเสียไปหมดแล้ว
เธอทำไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้น ทำไมถึงดูเพอร์เฟคและสูงส่งขนาดนั้น แต่เธอไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง…
ก่อนหน้านี้ เธอเคยมีความบริสุทธิ์ที่สวยงาน แต่ตอนี้ เธอเป็นเพียงแค่หญิงชู้ที่สกปรกคนหนึ่งเท่านั้น เธอคือเป็น ชู้กับแฟนหนุ่มของพี่สาว เป็นมือที่สามที่น่าอับอายขายหน้า
จารวีสูญเสียความกล้าที่จะเข้าไปคุยกับมนต์ตรี
สุรีวัลย์จูงมือของมนต์ตรี เดินไปข้างๆรถเชฟโรเลตสี ขาวด้วยกัน หลังจากมนต์ตรีเข้าไปในห้องคนขับ สุรีย์วัลย์ ร้องเสียงหลงออกมาอย่างฉับพลัน “อุ้ยว้าย ต่างหูของฉันตกพื้นไปข้างหนึ่ง
“มนต์ ต่างหูฉันคงหล่นในตีกอะ มันไปหาก่อนเป๊บหนึ่ง
“ฉันไปช่วยเธอหานะ ! “มนต์ตรียิ้มพลางมองไปที่ที่
โล่งๆของเธอ
“ไม่ ไม่ต้องหรอก เหมือนกับว่าฉันเพิ่งทำตกที่ห้องน้ำ เธอ จะมาช่วยฉันได้ยังไง? เธอรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับ มา”
สุรีย์วัลย์เดินจากข้างรถไปที่ดีก เกือบจะเดินไปถึงข้าง หลังของจารวี
แม้ว่าไฟบนหลังคาจะไม่ค่อยสว่างแต่สุรีย์วัลย์ก็ยังคง มองเห็นจารลางๆ
ตอนที่เพิ่งออกมาจากด้านในเด็ก เธอก็เห็นเงาคนแอบ มองอยู่แล้ว ตามสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอรู้สึกได้ว่าผู้ หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
เพียงแต่ในตอนนั้นเธอนึกไม่ถึงว่าจะเป็นจารวิ คิดว่าเป็น แค่พนักงานผู้หญิงในบริษัท บิซ มนต์ตรี
นึกไม่ถึงเลยว่าจารยังไม่ตาย แบบนี้ก็เท่ากับว่าเธอถูก
ทรศนะ
ยังเหลืออีกตั้งสามวันกว่าจะถึงวันหมั้น เธอไม่ยอมให้ ใครหน้าไหนมาพังงานหมั้นของเธอเด็ดขาด
ตอนนี้จารวียังคงตกตะลึง ที่อยู่ดีๆก็มีคนมาชนเข้าจาก ทางด้านหลัง เธอหันหลังไปมอง ก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสุรีย์ วัลย์
สุรีย์วัลย์กวาดตามองเธอทั้งตัว แล้วคุยโวโอ้อวดเดิน ตรงไปข้างหน้า
จารวีคิดว่าสุรีย์วัลย์คงมองไม่ออกว่าเธอคือใครในความ ตึงเครียดนั้น เธอนึกไม่ถึงเลยว่าสุรีย์วัลย์จองจ้องมองเธอ แค่ชั่วครู่ก็เดินจากไป
ดีล่ะ ดูท่าวันนี้ฉันจะโชคดีจารวิเครียมจะจับตัวเดินลับ หายไป
ทันใดนั้นมียามสองคนบุกเข้ามาจากทางด้านหน้ายัง ไม่ทันได้อธิบายอะไรก็รวบตัวโจรวิชาแล้ว
“ขโมย ขโมย เธอเป็นขโมย …”
จารวิ่งงงัน ทันใดนั้นก็พูดแก้ต่างให้ตัวเองนั้นไม่ได้
ขโมยของ..
ในขณะนั้น สุรีย์วัลย์กลับไปนั่งบนรถของมมตัตร์ เรียบร้อยแล้ว มนต์ตรีได้ยินเสียงของยามก็ตกใจเล็กน้อย “ตรงนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นนะ?
สุรีย์วัลย์ปิดกระจกรถสนิท หัวเราะพลางพูดว่า”ไม่มีอะไร หรอก เหมือนว่ายามจะเจอว่ามีชาวบ้านบุกรุกเข้ามาขโมย ของใน บริษัทน่ะ ช่างเหอะ เวลาเหลือไม่มาแล้ว พวกเรารีบ ไปกันเถอะ ! ”
มนต์ตรีชำเลืองมองออกไปนอกหน้าต่าง พยักหน้า พร้อมรอยยิ้ม”โอเค ! ”
รถถึงถนนใหญ่อย่างรวดเร็ว แล้วค่อยๆเลี้ยวเข้าไปใน ความมืด
จารวีดิ้นอย่างสุดชีวิตแล้วโต้กลับไปเสียงดัง “ฉันไม่ได้ ขโมยอะไรนะ พวกคุณสบประมาทฉัน”
“ไม่ได้ขโมยของงั้นเหรอ แล้วนี่คืออะไรล่ะ?”
ยามเก็บสร้อยข้อมือทองคำเส้นหนึ่งจากข้างๆเท้าของ จารวีขึ้นมา แล้วโยนสร้อยไปมาอยู่ตรงหน้าของจารวี”นี่คือ สร้อยคอมือ ทองคำของท่านหญิงเหลียง เธอจะอธิบายยัง ไง?”
ท่านหญิงเหลียง? ก็คือสุรีย์วัลย์คนเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เหรอ? สร้อยข้อมือนี้เธอทำตกเองละมั้ง
“ฉันไม่ได้ขโมย หล่อนเพิ่งจะทำตกเมื่อกี้นี้ต่างหาก”
“ก็ได้ คุณผู้หญิง พวกคุณจะขโมยหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของ พวกเราหรอก คุณไปอธิบายเรื่องนี้กับตำรวจเองละกัน ! ”
ยามทั้งสองคนรวบตัวจารวีโดยที่ไม่อธิบายอะไรใด ๆ แล้วก็พาเธอไปที่สถานีตำรวจภูธร
จารวีไม่รู้จะทำยังไงดี
รวดเร็วมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชื่อปอที่เป็นกะในตอนนั้น ก็เริ่มสอบสวน/ไต่สวนเธอในทันที
“ชื่ออะไร?”
“จารวี ! ”
“อายุกี่ปีแล้ว?”
“สิบแปดปี…”
ปอจ้องเธอสักสองสามนาที แล้วพูดกับเธออย่าง ดูถูก “ตัวแค่นี้ก็ขโมยของเป็นแล้วเหรอ พ่อแม่เธอสอนมายัง ไงหะ ! ”
“ฉันไม่ได้ขโมยของนะ…”
ปอก็ยังคงไม่สนใจเอาแต่หมกมุ่นกับการจดอะไรบาง อย่างอยู่ “ทำงานอะไรล่ะ?”
“ฉันเรียนหนังสืออยู่ ที่มหาวิทยาลัยXX..”
ปอเงยหน้ามาจ้องเธอสักพักอีกครั้ง แล้วยังดูถูกเธอมากกว่าเดิม”โอ้โห ตอนนี้เรียนมหาลัยแต่ไม่มีความรู้สึกผิด ชอบชั่วดีสักนิดเลยเหรอ ไม่ใช่แค่ขโมยของ แถมยังเถียง ข้างๆ คๆ พรุ่งนี้จะต้องไปป่าวประกาศความผิดนี้ของเธอให้ มหาวิทยาลัยเธอรับรู้สักหน่อยแล้วล่ะ
จารวีตะลึงงัน นายตำรวจคนนี้เหมือนกันคิดแต่จะทำให้ เรื่องมันใหญ่ขึ้น
“ไหนอธิบายมา ทำไมคุณถึงต้องขโมยสร้อยเส้นนี้ด้วย มี เหตุจูงใจอะไร..”
“คุณหูตึงไง? ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ขโมยไง ไม่ได้ขโมย ไม่ได้ขโมย ไม่ได้ขโมย..”จารวีร้อนใจจะแย่แล้ว เจ้าหน้าที่ คนนี้สมองกลับรึไง เธอดูเหมือนโจรมากงั้นเหรอ
ปอทุบโต๊ะอย่างแรงไปทีหนึ่ง ตะโกนขึ้นมาว่า คุณจะส่ง เสียงเอะอะโวยวายอะไรฮะ ตอนนี้คนเลวมีอยู่ทุกที เธอยัง คิดจะปฏิเสธอีกเหรอ คนแบบคุณผมเจอมาเยอะแล้ว น่าจะ ให้คุณอดข้าวสามวันนะ ดูสิว่าคุณแสร้งบอกว่าไม่ได้ขโมย อีกมั้ย..”
“หัวหน้า ต้องทำยังไงครับ เธอไม่ยอมรับผิด
ปอหันไปมองสารวัตรต้มแก่ สารวัตรต้มแก่เอานิ้วมือลาก เป็นกากบาท มีคนสองคนเดินออกมาจากที่ซ่อน
สารวัตรดัมแก่พูดเสียงต่ำ”นี่คือคนที่ท่านหญิงเหลียงส่ง มา เธอคิดดูนะ ถ้าทำให้ท่านหญิงเหลียงไม่พอใจจะดีเหรอรีบทำให้ เธอสารภาพซะ ! ”
เปอรู้สึกสับสนทำตัวไม่ถูก”ให้ตาย เธอก็ไม่ยอมรับ
ครับ ! ”
“ไปตายเถอะ ฉันไม่เชื่อหรอก ผู้หญิงคนนี้จะปากแข็งได้ สักเท่าไหร่กันเชียว”สายตาของสารวัตรต้มแก่เผยให้เห็นถึง รังสีที่ดุร้ายราวกับหมาป่า
ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสประจบสอพลอนายกเทศมนตรี ชยิน ยังไม่รีบเลื่อนขั้นอีก
ปอกระพริบตาปริบๆพลางพยักหน้า
ณ ห้องสอบปากคำ จารวีถูกใส่กุญแจมือ ถูกรัดกุมไว้ ข้างโต๊ะ ปอกกำลังถือกระบองตำรวจ มีแววตาที่ดูโหดเหี้ยม
“พูดเร็วสิ เธอเป็นขโมยใช่มั้ย?”
จารวียืนยันว่าไม่ได้ขโมย ปอง้างกระบองตำรวจขึ้นแล้ว
ดีไปที่จารวี
จารวีไม่มีวิธีที่จะหลบได้เลย แผ่นหลังเธอโดนแท่งหนัก ฟาด ทำให้เธอเจ็บมาก
“พวกคุณ บ้ารึเปล่า ฉันไม่ได้ขโมยจริง ๆ..”
จารวีทั้งโมโหโกรธทั้งรีบร้อน พวกนี้เป็นผู้รักษากฎหมายประสาอะไร ทำไมถึงได้โง่เขลาเบาปัญญาขนาดนี้
ในความสับสน เธอเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ! ที่แท้นี่คืออุบายที่สุรีย์วัลย์ทำขึ้น
เธอเริ่มมีความทรงจำเลอะเลือน เพราะว่าโดนฟาดไป สองที เธอเจ็บจนถึนไปหมด
ณ บ้านพูลสวัสดิ์ อังคณาโทรศัพท์หายุพิน จารวีไม่ได้ กลับบ้านมา 3 วันแล้ว เธอก็ลนลานมากเช่นกัน
“พี่ยุพินใช่มั้ย? ฉันอังคณาเองค่ะ…”
“อ๋อ อังคณาจารวีอยู่ที่บ้านเธอยังโอเคใช่มั้ย?”
“เอ่อ ไม่ค่อยดีค่ะ คือว่า ฉันอยากจะถามสักหน่อยว่าช่วง 2-3 วันมานี้จารวีได้กลับบ้านบ้างมั้ยคะ?”
“ยังไม่กลับบ้านเหรอ เธอเกิดเรื่องอะไรรึเปล่า?”
ยศพลยื่นมือออกไปคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของยุพิ น”ฉันคุยต่อเอง เธอไปพักเถอะ”
เสียงในโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นเสียงของผู้ชาย”เกิดเรื่อง อะไรกับจารวีเหรอ?”
ตั้งแต่หลังจากวันนั้นที่โทรเข้ามือถือของจารวี มือถือ ของจารวีก็อยู่ในสถานะปิดเครื่องมาโดยตลอด
ยัยตัวร้ายนี้ ไม่นึกว่าจะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำใช้กลอุบาย หลอกให้ตายใจก่อนแล้วค่อยจัดการทีหลังแบบนี้ ก็ดี เธอก็ เงียบไปหลายวันให้รู้แล้วรู้รอดไป ดูสิว่าเธอจะเป็นยังไง
“ไม่ทราบว่าคุณคือ?”อังคณาถามอย่างรอบคอบระมัดระวัง
“เธอไม่ต้องสนหรอกว่าฉันคือใคร แค่ตอบมาก็พอ จารวี เป็นยังไงเกิดอะไรขึ้นกับจารวี?”
“คืออย่างงี้นะคะ สามวันก่อนจารวีบอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้นนิด หน่อย จากนั้นเธอก็ไม่ได้กลับมาเลย ฉันคิดว่าที่บ้านเธอคง เกิดเรื่อง เลยต้องรีบร้อนกลับไป ก็เลยไม่ได้ใส่ใจ/สนใจ แต่ นึกไม่ถึงเลยว่าสามวันมานี้เธอไม่ได้มาเรียนเลย แถมยังไม่ เปิดเครื่องด้วย ฉันคิดว่ามันแปลกๆ ก็เลยโทรมาถามนะค่ะ”
อังคณายังพูดไม่ทันจบ ยศพลก็ถามด้วยน้ำเสียงที่กังวล และรีบร้อน”ตอนที่หล่อนจากไปนะ ได้พูดมั้ยว่าจะไปไหน?”
“อ่า พูดค่ะ เหมือนกับว่าจะไปที่อาคารซีหัว…
“อังคณาเธอฟังให้ดีนะ ฉันไม่อนุญาตให้เธอปิดเครื่อง ถ้า เกิดจารวีเกิดเรื่องขึ้นมาฉันจะติดต่อเธอไม่ได้”
เสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่ข่มขู่ อังคณาที่อยู่ปลาย สายกลัวจนเหงื่อไหลท่วมไปทั้งตัว
จารวี คงไม่เกิดเรื่องกับเธอจริงๆใช่มั้ย
ยศพลวางหูโทรศัพท์ แล้วมองไปที่ยุพิน ตอนนี้ยุพิน ตกใจจนไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ…”
ยศพลใช้โทรศัพท์ของตนโทรออกหาใครบางคน
“ใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตไม่ว่าของค่ายไหนก็ตาม ไปตาม หาเดี๋ยวนี้ ในระยะพื้นที่สามเมตรรอบเมืองเอส แล้วก็หาตัว จารวีมาให้ฉัน”
“รับทราบค่ะ ประธานยศพล ! “ปลายสายเป็นเสียงตอบรับ ของผู้หญิงที่มีประสบการณ์และความสามารถในการทำงาน
ยศพลวางสาย หันไปมองยุพิน จากนั้นก็หันหลังกลับ แล้วเดินจากไป
ณ สถานีตำรวจท้องที่แห่งหนึ่งในเมืองเอส สารวัตร ต้ม แก่กับปอกกำลังเล่นหมากรุกกันอยู่
พอสารวัตรต้มแก่นึกถึงการเลื่อนตำแหน่งของตนเอง ก็ มีความสุขเป็นอันมาก นั่งไขว่ห้างเขย่าขา ดื่มชา ฮัมเพลง มี ความสุข
“หัวหน้า ผู้หญิงคนนี้ไม่กินอะไรมาสามวันแล้วจริง ๆ แต่ ก็ยังไม่ตายนะครับ”ปอพูดอย่างเป็นกังวล อย่างไรเสียก็ ละอายใจกับสิ่งผิดๆที่ทำลงไป
แม้ว่าตอนที่ยามมาจะเน้นยาหลายครั้งว่าผู้หญิงคนนี้ เป็นขโมย แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีท่าทางที่เหมือนขโมย เลย
“ไอ้ปอ ชีวิตคนเรามีโอกาสแคครั้งเดียว ถ้าแก้ไม่คว้ามัน ไว้ให้ดี ก็จะเป็นเหมือนกับฉันอายุจะห้าสิบแล้วแต่ก็ยังเป็น ตำรวจยศ เล็ก ๆ อยู่เลย เข้าใจรึเปล่า..ปอทำหน้าทำตา เหมือนได้รับการสั่งสอน “เข้าใจครับ เข้าใจ”
เสียง”ปัง ! “ดังขึ้น ประตูใหญ่ถูกคนถีบเข้ามา
ร่างที่ดุดันราวกับสัตว์ร้ายของยศพล มาพร้อมกับบอดี้ การ์ดสวมชุดสูทสีดำสวมแว่นกันแดดสีดำสิบกว่าคนบุกเข้า มาในสถานีตำรวจภูธร
“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?”สารวัตรดัมแก่ยันตัวขึ้นจับปืนที่ ข้างเอวพลางซักถามยศพล
ถึงจะเป็นที่มีความกล้า แต่คงไม่กล้ามาทะเลาะหาเรื่องกัน ในสถานีตำรวจภูธร
นอกเสียจากว่าคนคนนั้นจะเบื่อชีวิตแล้วจริงๆ
ยศพลหรี่ตา โบกมือไปตบหน้าสารวัตรต้มแก่หนึ่งฉาด
ใหญ่
สารวัตรต้มแก่ถูกตบจนมีเลือดไหลออกจากจมูก เขาหนี ไปหลบที่มุมกำแพง ตะโกนออกมาอย่างลุกลี้ลุกลนว่า”เร็วเข้า รีบแจ้งความเร็ว….”
ณ วินาทีนั้นเพิ่งฉุกคิดได้ว่าตนเองเป็นตำรวจ จึงรีบกวัก มือเรียกปอ “ไป ไป ไปเรียกคนอื่นมา ขอกำลังเสริมจากส่วน กลาง”
ยศพลกระทืบไปที่หน้าอกของเขา ทึบไปบนหน้าอกของ เขาด้วยแรงอย่างกับสัตว์ป่า สารวัตรต้มแก่ร้องตะโกนออก มาด้วยความเจ็บปวด”พวกแกกล้าดียังไงห้ะ นึกไม่ถึงเลยว่า จะกล้าทำร้ายเจ้าหน้าที่..”
“บอกมา จารวีถูกขังอยู่ที่ไหน?”บอกมา จารวีถูกขังอยู่ ที่ไหน?”
ต้มแก่สารวัตรต้มแก่สายหัว”พวกแกคือพวกฝ่าฝืน กฎหมาย..”
ยศพลหยิบกริชสั้นออกมาจากบอดี้การ์ดคนหนึ่ง แล้วจ่อที่ คอของสารวัตรต้มแก่ “เออ กูเป็นพวกฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้ายัง ไม่บอกอีกกูจะส่งถึงไปนรก”