ยั่วสวาทนายปีศาจจอมหิ่น - ตอนที่ 73
อังคณา กลัวหลิ่วดา เสียงประตูดังปิง พร้อมกับเสียงทุ้ม ดึงมาจากด้านหลัง “ฉันเอง”
“เอ่อ ยัยวี งั้นก้าแกไม่เป็นไรแล้ว ฉันไปเรียนแล้วนะ คืนนี้ฉันคอย มาหาแกใหม่แล้วกัน”
อังคณาหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ยศพลยังคงยืนตระหง่านอยู่ ตรงประตู พร้อมมองไปที่จารวีด้วยสายตาเศร้าสร้อย
จาร ค่อยๆปิดตาลง
เธอคิดว่าต่อจากนี้ไปคงไม่ต้องเผชิญหน้ากับยศพลอีกแล้ว แต่ นึกไม่ถึงว่า โชคชะตาจะผลักเธอให้มาอยู่ตรงหน้าของเขาอีก
ยศพลนั่งลงข้างๆเตียงคนไข้ เขาพ่นลมหายใจออกมาจนปะทะ เข้ากับโพรงจมูกของเธอ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
น้ำตาค่อยๆไหลลงมาจากขอบตา
นิ้วมือใหญ่เช็ดปาดไปที่น้ำตาเบาๆ
“จารวี ฟังให้ดีนะ ต่อไปเธอห้ามทำอะไรโง่ๆแบบนี้อีก”
เสียงทุ้มตาของยศพล เหมือนกับแม่เหล็กที่ดึงดูด
จารวีไม่ได้พูดอะไร มีเพียงแต่น้ำตาที่ไหลออกมา เธอผิดเอง ที่ ไม่ยอมฆ่าเขาให้ตาย
แต่ว่า เธอตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ไปจะไม่อยู่กับเขาอีกแล้ว
“จารวี ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉัน แต่ให้โอกาสฉันอธิบายหน่อยได้
ไหม”
โอกาสอธิบาย? เขาเป็นเจ้าชีวิตเธอ เป็นราคาที่สูงส่งขนาดนั้นเขาจําเป็นจะต้องลดตัวลงมาขอร้องคนอย่างเธอด้วยหรอ หรือว่านี่ เป็นแผนใหม่ที่เราสร้างขึ้นมา
“ใช่ คนที่ฆ่าเฉลิมชัยคือฉัน และการตายของยุพิน เกี่ยวข้อง กับฉันด้วย แต่ฉันสาบานได้ว่า ฉันไม่เคยแตะต้องพ่อและแม่ของเธอ แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกเขาเป็นใคร ฉันฆ่าเฉลิมชัยก็เพราะว่า…
หยุดพูด ฉันไม่อยากฟัง!
จารีวิพูดขัดยศาลทันที เธอลืมตามองยศพลด้วยความโกรธ
“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ฆ่าพ่อแม่ของฉัน แล้วมันยังไงล่ะ ตลอด เวลา คุณควบคุมฉันเล่น มันก็ทำให้ฉันเกลียดคุณอยู่ดี เกลียดคุณ เกลียด เกลีบด!! =
แววตาที่มึนงงของยศพลค่อยๆเบิกกว้างขึ้น
“ยศพล คุณไม่ต้องอธิบายเหตุผลอะไรให้ฉันฟังหรอก ฉันไม่ อยากอยู่กับคุณอีกแล้ว ไม่อยาก ไม่อยากแล้วจริงๆ ฉันยอมตายแต่ จะไม่ยอมอยู่กับคุณอีก ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น คุณออกไปสะ ออกไปสิ!!
จารวีค่อยๆแผดเสียงดังขึ้น และจู่ๆเสียงสัญญาณของเครื่อง ไฟฟ้าก็ดังขึ้นมา พยาบาลจึงรีบกรูกันเข้ามาทันที
พวกเขาพยายามโน้มน้าวยศพล “คุณผู้ชายคะ เชิญคุณออก ไปด้านนอกก่อนค่ะ ตอนนี้คนไข้อารมณ์ตื่นตัวมากเกินไป
เหนือความคาดหมาย พอยศพลได้ยินที่พยาบาลพูดก็เดินออก ไปทันที
ไม่นาน เงาสูงใหญ่ก็หายออกไปจากประตูห้องผู้ป่วย
ตกบ่าย น้าอามก็เข้ามาหา นำของใช้ที่จําเป็นของจารวีมาให้ โรงพยาบาล
“คุณจารโระ ขอบคุณสวรรค์จริงๆ คุณยังมีชีวิตอยู่! “น้าอาม ใจจนร้องไห้ออกมา
จารวีปุ่มเล็กน้อย น้ายามคะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้องได้นะ
“คุณจารวีรู้ไหมคะ พวกเราคิดว่าคุณจารวีเป็นอะไรไปแล้ว ทุก คนร้อนรนกันไปหมดเลยค่ะ เห็นกันอยู่ดีๆ แต่จู่ๆ…จู่ๆ ….กลับหาย ไปซะอย่างงั้น คนที่ทุกข์ใจที่สุดก็คือคุณชายนั่นล่ะค่ะ หลังจากคุณ จารหายตัวไป เขาก็ไม่กินไม่นอนมาสามวันสามคืนเต็มๆ บันดาล โทสะ งานเหมือนกับคนบ้าเลยค่ะ
สารวยมผิดๆ เราเป็นห่วงเธอขนาดนั้นเลยหรอ?
หรือเป็นเพราะความพ่ายแพ้ของตัวเองก็เลยทำให้เขาเป็นทุกข์
น้อมคะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้วล่ะค่ะ”
จารวิพูดพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอด เธอยังคงรู้สึกรักและ
เคารพน้าอามอยู่เสมอ
“โอเคคะ คุณจารวีรักษาตัวให้สบายใจเถอะ คุณชายให้น้ามา ดูแลคุณ โรงพยาบาล ถ้าหากว่าคุณอยากได้อะไรล่ะก็ สั่งน้ามาได้ เลยนะคะ
น้าอามหยิบกระติกเก็บความร้อนที่ใส่ยาบำรุงที่ตุ๋นเอาไว้ออก มา “คุณจารวี หิวแล้วหรือยังคะ กินอะไรสักหน่อยไหม
จาร ส่ายหน้ายิ้มๆ “ฉันยังไม่ค่อยอยากกินอะไรเลยค่ะ ยังรู้สึก
เวียนหัวอยู่ตลอดเลย
น้อมถามขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณจารวี อย่าหาว่าน้าถามมาก เลยนะคะ แต่น่าแปลกใจจริงๆ คุณรอดชีวิตมาได้ยังไงกัน คุณชาย พยายามตามหาตัวคุณในทะเลอยู่ตั้งสามวันสามคืน แต่กลับไม่พบร่องรอยอะไรเลย
อ๋อ เป็นเพราะว่าหลังจากที่ฉันโดดลงทะเลไปก็มีคนมาช่วยชีวิต เอาไว้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใคร เขาพาฉันออกทะเลไปด้วย น่ะค่ะ แล้วหลังจากนั้นยศพลูกหาฉันจนเจอ
“จริงด้วย น้ำได้ยินพวกนิรันพูดกันว่าคนที่พาคุณไปเขาเป็น หัวหน้ากลุ่มมาเฟีย น้าก็เป็นห่วงว่าคุณจารวีจะปลอดภัยหรือเปล่า คุณลองคิดดูสิคะวายุคนี้ ทำไมถึงยังมีพวกมาเฟียไล่ฆ่าคนเป็นผัก เป็นปลาอยู่อีก ได้ยินมาว่าคนที่อยู่บนเรือก็ตายกันหมดเลยนี่คะ”
เปลี่ยนเล็กน้อย ใช่แล้วค่ะ ฉันก็ถือว่าโชคดีที่ สีหน้าจร รอดตายมาได้ตั้งหลายครั้ง จริงๆแล้วคนๆนั้นเขาก็เป็นคนที่โหด เหี้ยมอำมหิตมากจริงๆ อีกแค่นิดเดียวฉันก็เกือบจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว เหมือนกันค่ะ
ยศพลนั่งฟังผู้หญิงสองคนคุยกันในห้องคนไข้อยู่ตรงหน้า
ประตู
หลังจากที่จารวิพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่หลายวัน ร่างกาย ของเธอก็ค่อยๆฟื้นตัวดีแล้ว แต่หลายวันมานี้เธอไม่ได้เห็นหน้ายศ พลเลย เพราะตอนที่เขาเข้ามาเธอก็เอาแต่หลับตาอยู่ตลอด เขาพูด อะไรมาเธอก็ทําเป็นไม่สนใจ
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆห่างเหินมากขึ้น
ต่อมา น้าอามจึงมาโน้มน้าวเธอ จารวีจึงตัดสินใจไม่พูดไม่จาไป
เสียเลย
หลังจากผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง ร่างกายของจารวีก็ฟื้นตัวจนหาย เป็นปกติแล้ว เมื่อทำการตรวจร่างกายครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น จึงเตรียม คําออกจากโรงพยาบาล
จารีวิหันกลับไปมอง ก็เห็นยศพลยืนอยู่เงียบๆด้านหลังเธอ
จารวิไม่ได้พูดอะไรกับเขา เดินออกจากโรงพยาบาลไปเลยทันที ยศพล เดินตามไปไม่ใกล้ไม่ไกล
พอใกล้จะถึงประตู ยศพลก็เดินเข้ามาขวางเธอเอาไว้
“เธอจะไปไหน
จารวีก้มหน้าตอบ “กลับบ้านพูลสวัสดิ์! ”
ยศพลไม่ได้ห้ามอะไร “ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง
ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปมาก ทําให้จารวีนั้นตามไม่ทัน นี่ใช พลที่อารมณ์ฉุนเฉียวบ้าอำนาจคนนั้นหรือเปล่า?
“ฉันเรียกรถเองดีกว่า” จารวีปฏิเสธน้ำใจของเขา หลังจากผ่าน ความตายมาแล้ว เธอก็ไม่อยากจะพัวพันอะไรกับเขาอีก
ยศพลหัวเสียทันที เขาคิดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มาเป็นสิบๆวัน
เขายอมแลกได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อเธอ
แต่เธอกลับปฏิเสธเขาสะอย่างงั้น สรุปแล้วเธอต้องการอะไร
กันแน่?
จู่ๆจารวีก็ถูกยศพลกดลงบนตัวรถ แววตาของเขาเต็มไปด้วย
เปลวไฟ
เขาเค้นเสียงเอ่ยขึ้น “เธอจะเอายังไง
จารวีตอบกลับงุนงง “เอายังไงก็ได้ แค่ไม่ต้องอยู่กับคุณ”
ยศพลไม่พูดอะไรต่อ จับเธอโยนเข้าไปในรถแล้วขับออกไป
“เธอจะไปบ้านพูลสวัสดิ์ใช่ไหม ไปคนเดียว? แล้วจะใช้ชีวิตยัง ไง” ยศพลถามขึ้นในขณะ ที่ขับรถอยู่
จาร ตอบกลับอย่างเย็นชา “มันไม่เกี่ยวกับคุณ ตอนที่ฉันยังไม่เจอคุณ ฉันก็ใช้ชีวิตของฉันได้”
“ก็ได้ เธอนี่มันเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักถึงความหวังดีของคนอื่นเอาสะ
เลยนะ”
ยศพลพาเธอมาส่งถึงหน้าประตูบ้านของพูลสวัสดิ์ หลังจากนั้น โยนเธอออกจากรถและขับออกไปด้วยความรวดเร็ว
จารวีได้กลับมายืนอยู่ที่หน้าประตูนี้อีกครั้ง ที่นี่เป็นที่ที่เธอเคย
ใช้ชีวิตอยู่มาหลายสิบปี ตอนที่คุณลุงกับพี่ยังอยู่ ที่นี่เต็มไปด้วย
ความทรงจําที่หอมหวาน ทุกอย่างดูอบอุ่นและมีความสุขมาก
แต่น่าเสียดาย ที่ทุกอย่างมันไม่เหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว
เหลือไว้เพียงแต่บ้านหลังเก่าที่ว่างเปล่า เงียบเชียบอย่างกับ
บ้านร้าง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะยศพล จารวีกลอกตาไปมาเพื่อ ไล่น้ำตา ตอนนี้เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ
“เอ๊ะ หนูใช่คุณหนูคนที่สองของบ้านพูลสวัสดิ์หรือเปล่าจ๊ะ”
จารวีหันหลังกลับไปมอง ก็เจอกับคุณน้าคนหนึ่งกำลังมองมาที่ เธออย่างแปลกใจ เธอเช็ดน้ำตาออก รวบรวมรอยยิ้มตอบกลับ
“ใช่ค่ะ หนูชื่อจารวีค่ะ คุณคือน้าเหมียวใช่ไหมคะ”
“ใช่จ้ะ ฉันคือน้าเหมียวที่อยู่บ้านข้างๆ จริงสิ บ้านพูลสวัสดิ์ของ พวกหนูเกิดอะไรขึ้นล่ะจ้ะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”
จารวียิ้มฝืดๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม น้าเหมียวจึงไม่กล้าถามต่อ “สาวน้อย อย่าร้องไห้เลยจ้ะ อ้อ เกือบลืมไปเลย น้าเก็บจดหมาย หนูไว้ให้ด้วยนะ เห็นมันวางไว้อยู่หน้าประตูบ้านหลายวันแล้วแต่ไม่มี คนเก็บเข้าไป น้ากลัวว่ามันจะโดนฝนจนเปียกหรือว่าโดนคนเก็บขยะ เก็บทิ้งไป หนูรอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวน้าไปหยิบมาให้
“อ๋อ โอเคคะ ขอบคุณน้าเหมียวมากเลยนะคะ”
น้าเหมียวหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน หยิบซองเอกสารของหนึ่ง ออกมา วางใส่มือจาร
“สาวน้อย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูต้องกล้าหาญเข้าไว้นะ ชีวิต ก็แบบนี้ต้องล้มลุกคลุกคลานกันบ้าง คงจะราบรื่นไปตลอดไม่ได้ ถ้า เกิดว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรล่ะก็ รีบบอกน้าเลยนะจ้ะ”
คําพูดของน้าเหมียวทำให้จารวีมีกำลังใจขึ้นเยอะ เธอสูดลม หายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับยิ้ม “ขอบคุณน้าเหมียวมากเลยนะคะ
จารวีผลักประตูเดินเข้าไป ในมือก็หยิบซองเอกสารขึ้นมาดู
ที่อยู่ด้านบนคือสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต คนส่งคือคุณหมอ
วันที่ส่งจดหมายคือเมื่อครึ่งเดือนก่อน
จารวีนั่งลงบนบันไดบ้าน ค่อยๆฉีดซองจดหมายออก กระดาษ
ด้านในร่วงลงมา
จารวี..นี่คือจดหมายที่พยาบาลคนหนึ่งเก็บได้จากใต้เตียงของ พี่สาวคุณ หวังว่ามันจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง
ชื่อผู้ส่งมอบให้คือชื่อคุณหมอมนัส
จารวีใจเต้นแรง นี่เป็นสิ่งที่พี่ทิ้งไว้ให้เธออย่างนั้นหรอ? เธอทน รอไม่ไหวรีบดึงกระดาษด้านในที่ถูกพับไว้ออกมา
มันคือกระดาษสีขาวธรรมดาใบหนึ่ง ด้านบนมีลายมือของ
เขียนอยู่
วี: ตอนทีวีได้เห็นจดหมายฉบับนี้ พี่ก็คงจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้ แล้ว พี่ไม่ได้บอกวีมาโดยตลอด พี่เหนื่อยกับการมีชีวิตอยู่มากเลย พี่แบกโทษที่หนักอึ้งเอาไว้ เพื่อจะขอต่อเวลาชีวิตตัวเอง พี่เป็นโรคหัวใจ ไม่ใช่ว่าพี่ไป โดย ณ จากสวรรค์ องเสมชมน่ะ เขาเป็นพ่อตนแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ทําหน้าที่พ่อที่ดีเลย เขามีชีวิตอยู่เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่สกปรก……..
อาหาอ่านถึงตรงนี้ รู้สึก ตอิตในใจ ทําไมถึงไม่เคารพคุณ : เลย นึกไม่ถึงว่าจะเอ่ยเรียกชื่อตรงๆแบบนี้ แถมยังใช้ บ่งบอกความ สัมพันธ์ที่ทำให้รู้สึกแย่เอามากๆ
จาร สูดหายใจเข้าลึกๆ และอ่านต่อไป
…ตอนนั้นฟอของราผิดกฎหมายเอาไว้ จังหนิออกจากเมือง S ไป เฉลิม บฉวยโอกาสตอนที่พ่อไม่อยู่ ใชธีข้า ข่มขืนแม่ของ 5
แม่ของ ไม่สามารถทนรับสภาพที่โสมม ได้ จึงตัดสินจบชีวิต ด้วยการกินยาฆ่าตัวตาย ขอโทษนะ พี่ไม่ควรจะปิดเรื่องนี้กับ นาน ขนาดนี้ แต่พี่ไม่กล้าที่จะบอกวีจริงๆ ไม่อยากให้ต้องมาเห็นคนเลว ทรามคนนั้นอยู่บนโลกใบนี้….
จารวี ริมหายใจหนักอึ้ง มือทั้งสองข้างของเธอสันไม่หยุด แม่
แม่ แม่…..
ทําไมความจริงถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ทําไม!!!
กระดาษในมือปลิวลงบนพื้น จารวีหายใจ อด้วยความทรมาน เธอเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ รู้สึกเหมือนร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ จารวีถึงจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน
ยังจําที่พี่เคยพูดกับไว้ได้ไหม ว่าอย่าเกลียด สพล พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่ารักเขามาก แต่ทุกสิ่งที่เขาทํา เมื่อเทียบกับสิ่ง ที่เฉลิมชัย เเอาไว้ มันเทียบกันไม่ติดเลย หลายสิบปีก่อน ยศพลที่ อยู่ในเมือง S เป็นแค่วัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง แม่ของเขาเป็นแม่หม้าย และเป็นเพราะต้องเลี้ยงยศพล ทําให้ต้องมีชีวิตอยู่อย่างล่ามาก เฉลิมชัยหลงใหลในความสวยของแม่เขา จนสุดท้ายก็ได้มาครอบครอง แต่เฉลิมชัย ปัจกระทำการรุมโทรมน้องสาวฝาแฝดของเขา อย่างน่าเถื่อน เรื่องพวกนี้มันโหดร้ายมากจริงๆ