CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 129 โล่กำบัง

  1. Home
  2. ยามดอกวสันต์ผลิบาน
  3. ตอนที่ 129 โล่กำบัง
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ครั้งนี้อย่างนั้นหรือ

แสดงว่ายังมี ครั้งก่อน ด้วยใช่หรือไม่

โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นว่า “เจ้าเดินออกมาเช่นนี้ ทางด้านท่านน้าฉือจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ”

“มีอะไรให้ต้องกังวลด้วยหรือ” จี๋อิ๋งไม่ค่อยยินดีนัก กล่าวขึ้นว่า “เขาเป็นถึงเฉิงจื่อชวนมิใช่หรือ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำให้เขาลำบากได้อย่างไร” จากนั้นไปดึงโจวเสาจิ่นเอาไว้ “ไปกันเถอะๆ! จะมัวยืนอยู่ที่นี่ไปทำไมกัน”

โจวเสาจิ่นลังเลเล็กน้อย

จี๋อิ๋งกล่าว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจู่ๆ ก็เกิดอยากไปร่วมงานแต่งที่บ้านของสหายเก่าร่วมสำนักผู้หนึ่งที่อาศัยอยู่เมืองไหลอันของนายท่านผู้เฒ่าที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ยังบอกด้วยว่าเป็นการเดินทางไกล ไม่สะดวกสบายนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ท่านน้าฉือของเจ้าไปส่งนางให้ได้ ท่านน้าฉือของเจ้าเองก็รับปาก แต่ก่อนออกเดินทางเพียงไม่นานก็บอกว่าต้องการพาข้าไปด้วยอย่างกะทันหัน ในตอนนั้นข้ายังไม่รู้จักท่านน้าฉือของเจ้าดีเท่าตอนนี้ ยังคิดไปว่าท่านน้าฉือของเจ้าคงจะเปลี่ยนใจ ด้วยเห็นว่าข้าถูกขังอยู่ในบ้านจนตะไคร่ขึ้นหมดแล้ว ก็เลยใจอ่อน จึงตัดสินใจพาข้าออกไปข้างนอกบ้าง ตอนนั้นข้าดีใจเป็นอย่างมาก ยังทำชุดใหม่เสียหลายชุด และติดตามเขาไปที่ไหลอันด้วยอย่างดีอกดีใจ…”

นางกล่าวถึงตรงนี้ ก็โมโหจนหน้าอกหอบหายใจขึ้นๆ ลงๆ

โจวเสาจิ่นรีบถามขึ้นว่า “แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง มีใครรังแกเจ้าหรือไม่”

“ใครจะกล้ารังแกข้า!” จี๋อิ๋งสบถออกมาเสียงหนึ่ง พร้อมพ่นคำผรุสวาทออกมาด้วยอีกชุดหนึ่ง กล่าวเสียงรอดไรฟันว่า “ผู้คนต่างคิดว่าข้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านน้าฉือของเจ้า!”

แล้วเจ้าไม่ใช่หรือ

โจวเสาจิ่นเกือบจะโพล่งออกไป

นางรีบระงับปากเอาไว้

นึกถึงที่เคยเคลือบแคลงสงสัยในตัวจี๋อิ๋งเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ก็อดละอายใจขึ้นมาไม่ได้

จี๋อิ๋งเข้าใจไปว่าโจวเสาจิ่นคงจะตกใจมากเกินไป ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร กล่าวต่อไปว่า “เจ้าว่าที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวต้องการให้ท่านน้าฉือของเจ้าเดินทางไปไหลอันให้ได้นั้นเพื่ออะไรหรือ ก็เพื่อไปดูตัวอย่างไรเล่า ท่านน้าฉือของเจ้ารู้แจ้งอยู่แก่ใจ กลับปิดบังข้าไว้แต่เพียงผู้เดียว ข้าเปรียบดังคนโง่ผู้หนึ่งก็ไม่ปาน ถูกเขาปั่นจนหัวหมุน รู้ว่าผู้อื่นเข้าใจข้าผิดก็ไม่ช่วยอธิบายแก้ไขให้กระจ่าง ข้าช่างโชคร้ายไม่มีที่สิ้นสุดเสียจริงๆ ที่ต้องมาเป็นสาวใช้ของเฉิงจื่อชวน…”

โจวเสาจิ่นไม่สบายใจนัก

จี๋อิ๋งเห็นแล้วรู้สึกขอลุแก่โทษเล็กน้อย

การที่ตนมาต่อว่าน้าของนางต่อหน้าโจวเสาจิ่นเช่นนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก

นางรีบตัดจบหัวข้อสนทนา กล่าวขึ้นว่า “พวกเราไปที่ห้องน้ำชากันเถิด”

โจวเสาจิ่นเองก็ไม่อยากรั้งอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าจะไปบอกสหายของข้าสักหน่อย พวกนางจะได้ไม่ต้องไปตามหาข้าเสียทั่วตอนที่ไม่พบข้า”

จี๋อิ๋งพยักหน้า

ทางด้านเวทีแสดงงิ้วก็มีเสียงดังเกรียวกราว การแสดงงิ้วเริ่มขึ้นอีกครั้งแล้ว

โชคดีที่ช่วงนี้โจวเสาจิ่นได้คลุกคลีกับบ่าวรับใช้ของเรือนหานปี้ซานจนคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี เพียงนางหมุนกายไปก็หาคนให้ช่วยนำความไปแจ้งแก่เฉิงเจียและกูที่สิบเจ็ดของตระกูลกู้ได้แล้ว จากนั้นก็ไปที่ห้องน้ำชาพร้อมกับจี๋อิ๋ง

ในห้องน้ำชามีป้ารับใช้สองคนกำลังดูแลไฟบนเตา ถึงแม้ว่าป้ารับใช้สองคนนี้จะไม่รู้จักจี๋อิ๋งแต่ก็รู้จักโจวเสาจิ่นดี จึงพากันก้าวออกมาทำความเคารพโจวเสาจิ่นอย่างกระตือรือร้น

โจวเสาจิ่นตกรางวัลให้ทั้งสองเป็นเงินหลายร้อยเหรียญทองแดง ให้พวกนางช่วยต้มชามาให้ตนกับจี๋อิ๋งสักถ้วยหนึ่ง

ป้ารับใช้ทั้งสองคนคุ้นเคยกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสถานการณ์เป็นอย่างดี ทราบว่าวันนี้มีคุณหนูมาที่จวนมากมาย อีกทั้งยังเห็นว่าการแต่งตัวของจี๋อิ๋งนั้นไม่ธรรมดาสามัญ ยังเข้าใจไปว่าโจวเสาจิ่นกับจี๋อิ๋งต้องการหาสถานที่หนึ่งสำหรับหลบผู้คนเพื่อมาพูดคุยกัน จึงกล่าวขอบคุณพลางยิ้มตาหยี หลังจากที่ชงชาสองถ้วยและนำของทานเล่นสองจานมาขึ้นโต๊ะให้แล้ว ก็เอ่ยขอตัวไปดูว่าทางด้านเวทีแสดงงิ้วมีผู้ใดต้องการเติมน้ำร้อนบ้างหรือไม่ แล้วก็เดินออกไปพร้อมถือกาน้ำขนาดใหญ่ไปด้วยสองกา

พอเข้ามาในห้องน้ำชา เสียงฆ้องและกลองพลันเปลี่ยนเป็นเบาลงมาก แก้วหูของโจวเสาจิ่นพลันเงียบสงบลง รู้สึกสบายใจขึ้นมาหลายส่วน

นางนั่งลงและดื่มชา

จี๋อิ๋งกลับนั่งไม่ติดที่เล็กน้อย เดินไปเดินมาอยู่ในห้องน้ำชา มองสำรวจไปทั่วทั้งสี่ด้าน แล้วดึงถั่วปากอ้าถ้วยเล็กๆ ออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ไหน

นางกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คุณหนูรอง พวกเรามาอบถั่วปากอ้ากินกันดีหรือไม่”

โจวเสาจิ่นเห็นว่าถั่วปากอ้านั้นจะต้มด้วยเครื่องเทศห้าชนิด จึงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ถั่วปากอ้านี้นำไปอบได้ด้วยหรือ”

“ทำไมจะไม่ได้” จี๋อิ๋งกล่าวยิ้มๆ “ตอนที่พวกข้าเป็นเด็ก ท่านพ่อมักจะนำถั่วปากอ้าพร้อมด้วยเครื่องเทศห้าชนิดไปอบในเตาไฟให้พวกข้ากิน รสชาติดีกว่าถั่วปากอ้าทั่วไปมากนัก เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ถั่วปากอ้าอยู่ในเตาไฟ พอมันสุกได้ที่ก็มักจะแตกเสียงดังเป๊าะแป๊ะอยู่ในเตาและกระเด็นกระดอนออกมาจนทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยขี้เถ้า ต้องใช้เวลาและแรงไปมากกับการทำความสะอาด ทำให้ท่านแม่ของข้าโกรธเป็นอย่างมาก ไม่อนุญาตให้พวกข้าอบอะไรในเตาไฟกินอีก ทุกครั้งพ่อของข้าต้องแอบทำลับหลังแม่ของข้าถึงจะทำได้”

นางคงอยากจะหวนกลับไปหาความรู้สึกในตอนนั้นมากกว่าเพียงแค่จะอบถั่วปากอ้าเครื่องเทศห้าชนิดกินกระมัง

โจวเสาจิ่นยิ้ม

จี๋อิ๋งยกหม้อทองแดงที่อยู่บนเตาลงมา ใช้ที่คีบคีบถ่านออกมาเล็กน้อย จากนั้นนำถั่วปากอ้าไปฝังเอาไว้ในขี้เถ้า ปัดขี้เถ้าในมือไปด้วยพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “เสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกครู่เดียวพวกเราก็จะมีถั่วปากอ้ากินกันแล้ว”

โจวเสาจิ่นนึกถึงคำพูดของจี๋อิ๋งเมื่อครู่นี้ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวตั้งใจพาท่านน้าฉือไปดูตัวเป็นการเฉพาะ แล้วเหตุใดถึงไม่สำเร็จหรือ”

จากมุมมองของนางแล้ว เฉิงฉือรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา นิสัยอบอุ่น อีกทั้งยังมียศถาบรรดาศักดิ์อยู่กับตัว หากคิดจะแต่งงาน ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

จี๋อิ๋งบุ้ยปาก กล่าวขึ้นอย่างดูแคลนว่า “ในเวลานั้นท่านน้าฉือของเจ้าอายุขนาดนั้นแล้วแต่ยังเป็นเพียงซิ่วไฉผู้หนึ่งเท่านั้น อีกทั้งผู้อื่นเห็นว่าข้างกายเขายังมี สาวใช้อุ่นเตียง เช่นข้าอยู่อีกผู้หนึ่ง บิดามารดาที่รักบุตรสาวเหล่านั้นยังจะให้บุตรสาวของพวกเขาแต่งกับท่านน้าของเจ้าอยู่อีกหรือ”

โจวเสาจิ่นยิ้มแห้งไปสองครั้ง

“ถึงได้บอกว่าท่านน้าฉือของเจ้าผู้นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก” ขณะที่จี๋อิ๋งกล่าว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเหม่อลอยขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวขึ้นมาอย่างหัวเสียว่า “และในครั้งนั้น ข้ายังได้พบกับเจียวจื่อหยางโดยบังเอิญอีกด้วย…”

เจียวจื่อหยาง…แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นชื่อของบุรุษ

โจวเสาจิ่นบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา รีบกล่าวขึ้นว่า “เจียวจื่อหยางคือผู้ใดหรือ เป็นผู้ที่เจ้ารู้จักตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้านหรือ”

จี๋อิ๋งเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วค่อยๆ พยักหน้าเบาๆ

น่าสนใจยิ่งนัก!

โจวเสาจิ่นลองหยั่งเชิงถามขึ้นว่า “หรือว่าจะเป็นว่าที่สามีที่เจ้าไม่ได้แต่งงานด้วยผู้นั้น?”

จี๋อิ๋งไม่กล่าวอะไร

โจวเสาจิ่นพลันร้อนรนขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไม่ได้อธิบายให้เขาฟังเลยหรือ”

“จะอธิบายได้อย่างไร” ขณะที่จี๋อิ๋งกล่าว ขอบตาพลันแดงขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า “ในตอนนั้นแค่เขาเห็นข้าก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว ข้าไล่ตามไปหาทั้งสองฝั่งถนนแต่ก็ตามหาเขาไม่เจอ” ขณะที่นางกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็ปล่อยโฮออกมา “ไอ้สารเลวเฉิงจื่อชวน ข้าให้เขาช่วยอธิบายให้ข้า แต่เขากลับไม่เอ่ยอะไรเลยสักคำ…ชาตินี้ทั้งชาติข้าจะจำเอาไว้ว่าเขา ดี กับข้าอย่างไรบ้าง…”

โจวเสาจิ่นไม่เชื่อว่าท่านน้าฉือจะเป็นคนเช่นนั้น

แม้แต่คนแปลกหน้าอย่างนางเขาก็ยังให้ความช่วยเหลือเลย แล้วจะตั้งใจทำร้ายจิตใจของจี๋อิ๋งได้อย่างไร

โจวเสาจิ่นนึกถึงเฉิงลู่

หากว่าชาติก่อนมีคนมาบอกนางว่าเฉิงลู่กำลังหลอกลวงนางอยู่ เกรงว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็คงไม่มีทางเชื่อเช่นเดียวกัน

นางถามจี๋อิ๋งว่า “หลังจากนั้นเจ้าก็ไม่ได้เจอหน้าเจียวจื่อหยางผู้นั้นอีกเลยหรือ”

“ไม่เลย” อาจจะเป็นเพราะรู้สึกว่าการปล่อยโฮต่อหน้าเด็กสาวอายุสิบสองปีผู้หนึ่งนั้นออกจะเสียอาการเกินไป จี๋อิ๋งจึงรีบควบคุมอารมณ์อย่างรวดเร็ว เช็ดน้ำตา และพึมพำกล่าวขึ้นว่า “ท่านน้าฉือของเจ้าไม่อนุญาต ข้าจึงออกจากเมืองจินหลิงไม่ได้ นอกจากนี้ข้าก็ออกไปเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกทุกวันไม่ได้…” พอนางกล่าวถึงตรงนี้ ก็หยุดไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงยิ่งเบาลง “ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เจียวจื่อหยางควรจะต้องรู้ว่าข้าอยู่ที่เมืองจินหลิง…หากเขามีความตั้งใจ ก็คงจะตามมาหาตั้งนานแล้ว ยังจะต้องให้ข้าไปอธิบายให้เขาอีกหรือ”

นี่ก็ถูกอีก!

โจวเสาจิ่นอดกล่าวไม่ได้ว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจียวจื่อหยางผู้นั้นจะมีปัญหา ท่านน้าฉือถึงได้ทำเช่นนี้”

จี๋อิ๋งได้ยินแล้วก็เบิกตามองนางอย่างกรุ่นโกรธครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เจียวจื่อหยางมีปัญหา? เจียวจื่อหยางจะมีปัญหาอะไรได้! ข้าว่าคนที่มีปัญหาคือท่านน้าฉือของเจ้าต่างหาก! อายุก็ปูนนี้แล้วแต่ยังไม่แต่งงาน ทำให้มารดาต้องเป็นกังวลใจ ผู้อื่นยังออกไปหาความสำราญที่หอนางโลมบ้าง แต่เขาก็ดีแต่ขังตัวอยู่แต่ในบ้านทุกวันไม่ยอมออกไปไหน มีคนมาเยี่ยมเขา เขายังแสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่อยู่บ้านอีก…”

โจวเสาจิ่นรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กำลังจะกล่าวเกลี้ยกล่อมนาง

ทว่าสีหน้าของจี๋อิ๋งกลับซีดเผือดลง มองไปที่ปากประตูของห้องน้ำชาแล้วเสียงพูดก็สะดุดลง

“เป็นอะไรไป” ขณะที่โจวเสาจิ่นเอ่ยถาม ก็หมุนกายมองตามสายตาของจี๋อิ๋งไปที่ปากประตู

เฉิงฉือยืนตัวตรงอยู่ตรงปากประตูของห้องน้ำชาโดยมือข้างหนึ่งไขว้อยู่ด้านหลังและอีกข้างก็ปล่อยแนบลำตัว

แสงแดดของช่วงบ่ายตกกระทบลงด้านหลังของเขา ทำให้เงาร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองชั้นหนึ่ง เป็นเหตุให้คนอื่นเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยชัดเจนนัก

“ท่านน้าฉือ!” โจวเสาจิ่นรีบยืนขึ้น อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวของเวทีแสดงงิ้วที่อยู่ทางด้านโน้น

เสียงกังวานใสของเกาฮุ่ยจูและเสียงโห่ร้องของบรรดาสตรีทั้งหลายยังคงดังเข้ามาอย่างดังบ้างเบาบ้าง

การแสดงงิ้วทางด้านโน้นยังไม่จบลง แล้วเหตุใดท่านน้าฉือถึงมาที่นี่ได้

ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรั้งเขาเอาไว้ไม่อยู่อย่างนั้นหรือ หรือเป็นเขาที่หาข้ออ้างออกมาเพื่อรับลมสักหน่อย

โจวเสาจิ่นครุ่นคิดพลางยอบตัวลงทำความเคารพเฉิงฉือ

เฉิงฉือเดินเข้ามา

ลำแสงสีทองด้านหลังของเขาจางลงแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาและไม่ขาดความสุภาพเรียบร้อยก็ปรากฏแก่สายตาของโจวเสาจิ่น

จี๋อิ๋งลุกพรวดขึ้นมาแล้วเดินถอยหลังไม่หยุดจนไปยืนพิงอยู่กับผนังห้อง

ท่าทางระแวดระวังภัยนั้น ทำราวกับว่าเฉิงฉือเป็นตัวอันตรายก็ไม่ปาน

โจวเสาจิ่นมองไปที่เฉิงฉือทีแล้วก็มองไปที่จี๋อิ๋งทีอย่างสับสนงงงวย

เฉิงฉือยิ้มน้อยๆ พลางกล่าวขึ้นว่า “เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ไปดูงิ้วหรือ”

ขณะที่โจวเสาจิ่นกำลังคิดหาเรื่องอะไรสักอย่างมาเป็นคำแก้ตัวอยู่นั้น ในเตาก็มีเสียง เป๊าะแป๊ะ ดังขึ้น มีถั่วปากอ้าเม็ดหนึ่งกระเด็นออกมา ตกลงไปที่เท้าของเฉิงฉือ

“ที่แท้พวกเจ้าอยู่ที่นี่เพื่ออบถั่วปากอ้ากินกันนี่เอง!” เฉิงฉือมองถั่วปากอ้าที่ปะทุออกมาตกอยู่บริเวณเท้า แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

ใบหน้าของโจวเสาจิ่นกระตุกและแดงเรื่อขึ้น

ท่านน้าฉือคงจะมองนางเป็นเสมือนกับเด็กที่แอบมาลักลอบกินของไปเสียแล้ว

“ข้า…” นางอึกอักไม่รู้จะกล่าวอะไรดี

เสียงเป๊าะแป๊ะของถั่วปากอ้าที่อยู่ในเตาดังขึ้นมาอีกเรื่อยๆ

ใบหน้าของโจวเสาจิ่นก็ยิ่งแดงเรื่อขึ้น

เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวขึ้นว่า “รีบตักถั่วออกมาเถิด ระวังจะไหม้เอาได้”

“อ้อ!” โจวเสาจิ่นรีบหยิบที่คีบถ่านไปคีบถั่วออกมามือเป็นระวิง

ในตอนนี้เองที่จี๋อิ๋งดูเหมือนจะได้สติกลับมาแล้ว และรีบเข้าไปช่วยด้วย

ไม่นานนัก ก็คีบถั่วปากอ้าออกมาได้ทั้งหมด

เฉิงฉือกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ด้านนอกกำลังแสดงงิ้วตอน ‘ชมสวน’ กันอยู่ เจ้าไม่ไปดูหรือ”

โจวเสาจิ่นรู้สึกได้ว่าเหมือนจี๋อิ๋งจะสะกิดตัวนางเบาๆ

นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าไม่ชอบดูงิ้วเจ้าค่ะ แล้วท่านน้าฉือมาได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านไม่ชอบดูงิ้วตอน ‘ชมสวน’ หรือเจ้าคะ”

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ากำลังจะกลับแล้ว ไม่เห็นจี๋อิ๋ง ก็เลยออกมาตามหา”

จี๋อิ๋งร้อง “อ้อ” ออกมาเสียงหนึ่ง จากนั้นกล่าวล่ำลาโจวเสาจิ่น

โจวเสาจิ่นจำต้องมองจี๋อิ๋งที่ตามเฉิงฉือออกจากห้องน้ำชาไปอย่างช่วยอะไรไม่ได้

นางนั่งอยู่ในห้องน้ำชาเพียงคนเดียวกว่าครู่ใหญ่

ฟังจากน้ำเสียงของจี๋อิ๋ง นางน่าจะเข้ากับท่านน้าฉือได้ไม่เลวนักถึงจะถูก แต่เหตุใดพอเจอท่านน้าฉือกลับหวาดกลัวจนมีท่าทางเช่นนั้นได้

เวลาท่านน้าฉือโกรธขึ้นมาน่ากลัวมากเลยหรืออย่างไร

โจวเสาจิ่นครุ่นคิด จากนั้นเดินไปยังเวทีแสดงงิ้ว

บนเวทีกำลังแสดงได้อย่างตื่นตาตื่นใจ ผู้ชมด้านล่างเวทีก็กำลังดื่มด่ำไปกับการแสดง ไม่ต่างไปจากตอนที่นางออกไปเลยสักนิด

โจวเสาจิ่นถามเฉิงเจียว่า “เหตุใดท่านน้าฉือถึงกลับออกไปหรือ”

“ไม่รู้เหมือนกัน” เฉิงเจียมองไปที่เกาฮุ่ยจูตาไม่กะพริบ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “เหมือนกับว่าจะมีธุระอะไรบางอย่าง ก็เลยกลับออกไปแล้ว”

โจวเสาจิ่นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

นางเรียกซือเซียงมาแล้วกระซิบเสียงเบาว่า “เจ้าไปเรือนเสี่ยวซานฉงกุ้ยเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

ซือเซียงมองไปที่เวทีแสดงงิ้วครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นอย่างงุนงงว่า “ตอนนี้หรือเจ้าคะ”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 129 โล่กำบัง"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์