CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 370 จุดพักม้า

  1. Home
  2. ยามดอกวสันต์ผลิบาน
  3. ตอนที่ 370 จุดพักม้า
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

แม้นโจวเสาจิ่นจะเป็นคนมาสองชาติภพ แต่ไหนเลยจะเคยเจอคนอันธพาลที่สามหาวเช่นนี้มาก่อน

นางจับแขนเสื้อของซางมามาเอาไว้แน่นไม่เอ่ยอะไร

เซียวเจิ้นไห่ยิ่งคึกคะนอง กล่าวยิ้มๆ ว่า “คนงาม หากท่านเสียดายเงินเก็บส่วนตัวเหล่านั้น ไม่สู้ให้ข้าซ่อนตัวอยู่ในหีบสัมภาระของเจ้าดังเดิม และพาข้าไปจิงเฉิงด้วยเป็นอย่างไร เมื่อไปถึงจิงเฉิง ข้าจะมอบบ้านหลังใหญ่ให้เจ้าหนึ่งหลังทันที เจ้าจะขายก็ดีจะแลกเป็นเงินเก็บส่วนตัวก็ดี หรือจะเก็บเอาไว้เป็นสินติดตัวก็ดี…”

โจวเสาจิ่นฟังไม่เข้าหูเลยแม้แต่ประโยคเดียว มองเขาอย่างตื่นตระหนก กลัวว่าเขาจะวิ่งเข้ามาจับตัวนางเอาไว้

เซียวเจิ้นไห่มองแล้วยิ่งรู้สึกสนุก ยังคิดจะแกล้งนางอีกสักหน่อย ทว่าภายในห้องกลับมีเสียงเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งดังขึ้นเสียงหนึ่งว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีบ้านหลังใหญ่ในนามของเจ้าอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดหรือ ข้ากำลังอยากหาบ้านสักหลังให้คนของข้าพอดี เจ้ามิสู้มอบให้ข้าดีกว่ากระมัง”

คนในห้องต่างหันไปมองตามเสียง

ไม่รู้ว่าเฉิงฉือเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร

เขาสวมชุดจิ้นจวงที่เน้นความคล่องตัว รูปร่างผอมเพรียว สูงโปร่งดุจต้นสน ทว่าในมือถือคันศรยาวสามฉื่อ บริเวณเอวเหน็บแล่งเก็บลูกศรที่บรรจุลูกศรขนสีขาวเอาไว้ สีหน้าเคร่งขรึมดุดัน ไอเย็นแผ่ซ่านทั่วบริเวณ

ห่างออกไปสองสามก้าว มีไหวซานที่หรี่ตาลงเล็กน้อย มือทั้งสองข้างประสานกันเอาไว้ติดตามเข้ามาด้วย

โจวเสาจิ่นตกตะลึง

นี่ท่านน้าฉือแต่งกายอะไรกัน?

ซางมามาเผยสีหน้ายินดีออกมา

ถ้าหากนายท่านสี่มาไม่ทัน แล้วเซียวเจิ้นไห่ก็ไม่ยอมปล่อยคุณหนูรองด้วย นางคงได้แต่ต้องประมือกับเซียวเจิ้นไห่จนกว่าปลาจะตายหรือไม่ก็ตาข่ายขาดกันไปข้างหนึ่งเสียแล้ว

เพียงแต่ว่าหากเป็นเช่นนั้นเกรงว่าคงจะทำให้คนตระกูลโจวตกใจเป็นแน่ ซึ่งจะนำความวุ่นวายใหญ่หลวงมาให้นายท่านสี่ได้

ตอนนี้นายท่านสี่มาถึงแล้ว คนแซ่เซียวก็เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ ไม่ควรค่าให้ต้องหวาดกลัวอีกแล้ว

นางถอยไปยังด้านหลังของโจวเสาจิ่น

ทว่าเซียวเจิ้นไห่นั้นลูกตาแทบจะถลนตกลงมา ประหนึ่งแมวเจอนักล่า ขนตั้งขึ้นขณะมองเฉิงฉือ กล่าวตะกุกตะกักว่า “จะ…เจ้าตามมาหาถึงที่นี่ได้อย่างไร”

เฉิงฉือไม่ตอบ หันไปมองทางโจวเสาจิ่น

นัยน์ตานั่นว่างเปล่าและเยือกเย็น มองไม่เห็นความรู้สึกใดๆ

เหตุใดท่านน้าฉือต้องมองนางเช่นนี้ด้วย

ขอบตาของโจวเสาจิ่นพลันรื้นชื้นขึ้นมา เปล่งเสียงอาดูรออกมาเสียงหนึ่งว่า “ท่านน้าฉือ”

“อะไรนะ” ดวงตาของเซียวเจิ้นไห่เบิกกว้าง มองเฉิงฉือด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจครั้งหนึ่ง แล้วก็มองโจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ทะ…ท่านน้าฉือ? เฉิงสี่เป็นน้าของเจ้า? นั่นก็หมายความว่า เขาเป็นน้องภรรยาของเจ้าเมืองเป่าติ้งโจวต้าเฉิงอย่างนั้นหรือ นี่…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…”

เฉิงฉือแสยะยิ้มเย็น

เซียวเจิ้นไห่กระโดดพรวดขึ้นมา “ข้ารู้แล้วๆ เฉิงสี่ เจ้าเป็นบุตรหลานของตระกูลเฉิงแห่งซอยจิ่วหรูที่จินหลิงนี่เอง! มิน่าๆ! ข้าเคยบังเอิญเจอเจ้าบริเวณใกล้ๆ กับเมืองจินหลิงถึงสี่ครั้ง! บรรพบุรุษของเจ้าคือคนก่อตั้งพรรคเจ็ดดารานั่น เพราะเหตุนั้นทั้งที่เจ้าอายุยังน้อย ทว่าจอมยุทธ์ในยุทธภพทั่วทั้งทางใต้ต่างเรียกขานเจ้าอย่างให้ความเคารพว่า ‘นายท่านสี่’…เหตุเพราะพรรคเจ็ดดารามีพื้นเพมาจากตระกูลขุนนาง…เพราะฉะนั้นหลายต่อหลายปีที่ผ่านมาตระกูลจอมยุทธ์เหล่านั้นจึงล้วนไม่กล้าทำให้เจ้าขุ่นเคืองและยอมให้เจ้ากระทำการตามอำเภอใจ…” ขณะที่เขากล่าว ก็หมุนร่างหมายจะกระโดดออกไปทางหน้าต่าง

โจวเสาจิ่นรู้สึกเพียงว่าตาลาย มีเสียงผ้าฉีกขาดดังมาให้ได้ยินที่ข้างหู เซียวเจิ้นไห่ดูประหนึ่งผีเสื้อตัวหนึ่งก็ไม่ปาน ถูกยิงด้วยลูกศรขนสีขาวหนึ่งดอกตรงไหล่ซ้าย แน่นิ่งอยู่บนขอบหน้าต่าง

“ลูกศรดาวตกของนายท่านสี่เฉิงแห่งพรรคเจ็ดดารา มิใช่แค่ข่าวโคมลอยจริงๆ!” หลังจากที่เซียวเจิ้นไห่มองลูกศรขนสีขาวบนหัวไหล่ครั้งหนึ่งแล้ว ก็ทิ้งสายตาไว้บนดวงหน้าของเฉิงฉือโดยตลอด สีหน้าโหดเหี้ยม ดูเสมือนกับต้องการจะสลักภาพท่าทางของเฉิงฉือเอาไว้ในไขกระดูก ต้องการแก้แค้นเขาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่มีท่าทีขี้เล่นหรือบ้าบิ่นของเมื่อครู่อีกเลยแม้แต่ครึ่งเดียว ประหนึ่งเสือร้ายในหุบเขา ที่จู่ๆ ก็เผยด้านดุร้ายอำมหิตของมันออกมาอย่างกะทันหัน

โจวเสาจิ่นตกใจจนหน้าซีดเผือด

“ท่านน้าฉือ!” นางพุ่งตัวเข้าหาเฉิงฉือ

ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้ว จะช่วยปกป้องเขาจากความอาฆาตมาดร้ายของเซียวเจิ้นไห่ได้

เฉิงฉือใช้มืออีกข้างที่มิได้ถือคันธนูนั้นกอดโจวเสาจิ่นเอาไว้อย่างไม่ลังเล

“ไม่ต้องกลัว!” เขามองเซียวเจิ้นไห่ด้วยสีหน้าเยือกเย็น ราวกับว่าไม่มีอะไรมาสั่นคลอนการตัดสินใจของเขาได้ ทว่ากล่าวอย่างอบอุ่นที่ข้างหูของโจวเสาจิ่นว่า “มีข้าอยู่ตรงนี้ เขาทำร้ายเจ้าไม่ได้ เด็กดี จงเชื่อฟัง ไปอยู่กับไหวซาน”

คำพูดหลอกล่อเพียงไม่กี่ประโยค ทว่าโจวเสาจิ่นกลับสัมผัสได้ถึงไอสังหารของเขา

นางสั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ขณะเอ่ยขึ้นว่า “ท่านน้าฉือ เขา เมื่อครู่เขาไม่ได้ทำร้ายข้าเจ้าค่ะ…”

ถ้าหากปล่อยเซียวเจิ้นไห่ไปได้ก็ปล่อยเขาไปเถิด

แต่ถ้าหากไม่อาจปล่อยเขาไปได้ เช่นนั้นนางจะทำเป็นไม่เห็นอะไรเลยก็แล้วกัน

ขณะที่โจวเสาจิ่นกล่าวนั้นก็หลับตาลง

เฉิงฉือเข้าใจขึ้นมา

นัยน์ตาของเขามีความลังเลสายหนึ่งวาบผ่าน

เสาจิ่นเชื่อและศรัทธาในศาสนาพุทธ แม้แต่มดหนึ่งตัวยังไม่เหยียบ แล้วเขาจะสังหารคนต่อหน้านางได้อย่างไร!

เซียวเจิ้นไห่นั้นมาถึงทางตันแล้ว จะสังหารเขาเมื่อใดก็ย่อมได้ แล้วเหตุใดต้องทำให้เสาจิ่นหวาดกลัวด้วยเล่า

เฉิงฉือตบหลังของโจวเสาจิ่นเบาๆ

ทว่าในใจของเซียวเจิ้นไห่กลับเต็มล้นไปด้วยความตกตะลึงอย่างมหาศาล

เด็กสาวผู้นั้นขอความเมตตาจากเฉิงจื่อชวนให้เขา และเฉิงจื่อชวนก็มีอาการลังเลด้วย

เฉิงจื่อชวนที่จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ดั่งหินผา ไม่น่าเชื่อว่าจะลังเลแล้ว!

ต้องรู้ว่า เขากับเฉิงจื่อชวนมิใช่ต่อสู้เพื่อประชันความแข็งแกร่งหรือชัยชนะ แต่เป็นอริที่ต้องการแก้แค้นอีกฝ่าย อยู่ในขั้นที่หากไม่ตายก็ไม่เลิกรา

ไม่ง่ายเลยกว่าเฉิงจื่อชวนจะจับตัวเขาได้ ทว่าตอนนี้เพราะเด็กสาวผู้นั้นแล้วกลับคิดจะเปลี่ยนใจ!

ประดุจสัญชาตญาณของสัตว์ร้าย เซียวเจิ้นไห่รีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้ เมื่อก่อนมิใช่ว่าเขาไม่เคยประมือกับเฉิงจื่อชวนมาก่อน ทว่าที่ผ่านมาไม่เคยเหมือนครั้งนี้มาก่อน เขาสัมผัสได้ถึงไอสังหารของเฉิงจื่อชวน หากมิใช่เพราะเขาใช้แรงกายที่มีทั้งหมดหลบลูกศรดอกนั้นของเขาล่ะก็ ลูกศรดอกนั้นคงจะยิงทะลุหน้าอกของเขาไปแล้ว

“เฉิงจื่อชวน ถือว่าเจ้าชนะ” เขากล่าวอย่างเกลียดชัง ทว่าในใจกลับตัดสินใจยอมแพ้แล้ว “ข้าเซียวเจิ้นไห่ผู้ไม่ครั่นคร้ามต่อสิ่งใด ไม่เคยติดหนี้บุญคุณผู้ใดมาก่อน ทว่าครั้งนี้กลับเป็นหนี้บุญคุณแม่นางน้อยผู้นี้ที่ช่วยชีวิตเอาไว้ มิใช่ว่าเจ้าอยากให้ข้าเป็นแพะรับบาปให้เจ้าหรอกหรือ ตอนนี้ข้าเซียวเจิ้นไห่ตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีอะไรตอบแทนแม่นางน้อยผู้นี้ได้ เพื่อเห็นแก่แม่นางน้อยผู้นี้ ครั้งนี้ข้าจะช่วยเหลือเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจของแม่นางน้อย…”

เปลี่ยนอาวุธให้กลายเป็นหยกและผ้าไหม[1] ช่างดียิ่ง!

โจวเสาจิ่นเงยหน้าขึ้น มองเฉิงฉืออย่างกระตือรือร้น

เฉิงฉือย่นคิ้วขึ้น แสยะยิ้มอยู่ในใจ

ก็แค่ตัดสินใจยอมแพ้เพราะไร้ทางเลือกแล้วก็เท่านั้น ทว่ากลับถือดีมาต่อรองเงื่อนไขกับตน ยังดึงเสาจิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก

คนในยุทธภพนั้นหากถามถึงผู้นำตระกูลเซียวที่มีชื่อเสียงแล้วจะยอมจำนนต่อตัวเองอย่างกะทันหันได้อย่างไร ‘บุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่มีอะไรตอบแทน’ ช่างเป็นข้ออ้างที่ดีจริงๆ!

เฉิงฉือเหลือบมองเซียวเจิ้นไห่อย่างดูแคลนครั้งหนึ่ง

คนหน้าหนาอย่างเซียวเจิ้นไห่หน้าแดง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

แต่ตอนที่เฉิงฉือก้มหน้าลงไปมองโจวเสาจิ่นนั้น คนกลับไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้นแล้ว

ดวงตาของนางแดงก่ำ บนแผงขนตายาวนั้นมีหยดน้ำตาประดับอยู่อย่างจะร่วงมิร่วงแหล่ ดูระยิบระยับดั่งน้ำค้างยามอรุณรุ่ง มองเขาอย่างเศร้าสร้อย…หน้าอกของเขาประหนึ่งถูกอุดเอาไว้จนแน่นก็ไม่ปาน…จะเอ่ยคำปฏิเสธออกมาได้อย่างไร…

หัวสมองของเฉิงฉือขบคิดตลบแล้วตลบเล่า…แต่ก็เป็นเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น

เช่นนั้นก็ค่อยจัดการเซียวเจิ้นไห่วันหลังก็แล้วกัน

เฉิงฉือยื่นคันธนูส่งให้ไหวซาน สั่งการไหวซานว่า “พานายท่านเซียวไปรักษาบาดแผล!”

ไหวซานเดินเข้าไปช้าๆ ประคองเซียวเจิ้นไห่เอาไว้ ดึงลูกศรบนร่างเซียวเจิ้นไห่ออกมา

เลือดสีแดงสดไหลออกมาเป็นวงกว้าง

ไหวซานแตะบาดแผลของเซียวเจิ้นไห่

เซียวเจิ้นไห่กดปากแผลเอาไว้เป็นพัลวัน มองโจวเสาจิ่นที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงฉือครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา น้ำเสียงกลับมาขี้เล่นเหมือนก่อนหน้านี้ กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “บ้านที่ข้าสัญญาเอาไว้หลังนั้นยังมีผลอยู่ วันใดเจ้าให้คนไปเอาโฉนดที่ข้าก็แล้วกัน หากเจ้าหาตัวข้าไม่เจอ ก็ไปหาน้าฉือของเจ้า เขาย่อมรู้ว่าข้าอยู่ที่ใด”

โจวเสาจิ่นสัมผัสได้ว่าแขนของเฉิงฉือที่กอดตนเอาไว้นั้นเกร็งขึ้นเล็กน้อย

นางรีบเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่อยากได้ ข้าไม่อยากได้บ้านของเจ้า!”

เซียวเจิ้นไห่หัวเราะร่า เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าจะอยากได้หรือไม่อยากได้ก็เป็นเรื่องของเจ้า ข้าจะมอบให้หรือไม่มอบให้ก็เป็นเรื่องของข้า เจ้าวางใจเถิด น้าฉือของเจ้ามิใช่คนจิตใจคับแคบขนาดนั้น!” เขากล่าว พร้อมกับผิวปาก เดินผ่านเฉิงฉือกับโจวเสาจิ่นไป

ไหวซานแอบมองเฉิงฉือเงียบๆ ครั้งหนึ่ง

สีหน้าของเฉิงฉือเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ

ไหวซานเร่งฝีเท้าออกจากห้องพักแขกไป

ภายในห้องจึงเหลือเพียงโจวเสาจิ่น เฉิงฉือและซางมามา

ห้องเงียบเชียบ ไม่มีสรรพเสียงใดๆ

โจวเสาจิ่นถึงได้ค้นพบว่าตัวเองยังซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงฉืออยู่

กระแสความร้อนทะยานตรงขึ้นไปบนใบหน้าของนาง

นางรีบผละตัวออกจากเฉิงฉือ ยืนหลุบตาอยู่ข้างๆ

ซางมามารู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง รีบกล่าวขึ้นว่า “ข้าจะไปหาคนมาจัดการเก็บกวาดห้องสักหน่อยนะเจ้าคะ” แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งควัน

เฉิงฉือเองก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ตอนนั้นเขาคิดแค่ว่าอยากปกป้องโจวเสาจิ่นเอาไว้ใต้วงแขนของตัวเอง ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น ทว่าดูจากตอนนี้แล้วกลับเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมอย่างที่สุด

เฉิงฉือพลันกระแอมออกมาเบาๆ เสียงหนึ่ง กล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนที่พวกเจ้าออกจากเมืองข้าไม่ได้ตรวจสอบให้ดี คิดไม่ถึงว่าเขาจะแอบอยู่ในหีบสัมภาระของเจ้า ต่อมาเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมาก็เร่งเดินทางตามมา…ทำให้เจ้าตกใจหรือไม่”

โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะ

การแสดงออกที่เย็นชาของท่านน้าฉือเมื่อครู่ต่างหากที่ทำให้นางตกใจ…

เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นก็ดีแล้ว!”

โจวเสาจิ่นยิ้มแล้วก้มหน้าลง

ยามสามของกลางดึก นางควรจะเชิญท่านน้าฉือออกไปถึงจะถูก แต่คำพูดประเภทนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็เอ่ยปากพูดกับท่านน้าฉือไม่ได้

บรรยากาศพลันเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง

เฉิงฉือคิดว่าให้เสาจิ่นเด็กน้อยผู้นี้เป็นคนกู้สถานการณ์คงเป็นไปไม่ได้ แต่จะให้เดินจากไปเช่นนี้เลยก็ไม่ค่อยดีนัก…เขาทอดถอนหายใจอยู่ในใจครั้งหนึ่งอย่างอดไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “ข้าก็จะเดินทางไปจิงเฉิงเช่นกัน อยากเดินทางไปพร้อมกันหรือไม่”

“ดีเจ้าค่ะๆ!” โจวเสาจิ่นเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสว่างสุกใสประหนึ่งดาวประกายพรึกระยิบระยับ อิ่มเอิบไปด้วยความยินดีอย่างไม่รู้ตัว “มีท่านน้าฉือไปด้วย พวกข้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลใจเรื่องจะหยุดพักเหนื่อยระหว่างเดินทางที่ไหนและจะเข้าพักที่ใดแล้วเจ้าค่ะ!”

นอกจากนี้ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเริงร่าขึ้นมาอีกครั้ง

เฉิงฉือรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองก็เปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมาด้วยเช่นกัน

เขากล่าวยิ้มๆ ว่า “เรื่องภายในห้องนี้ซางมามาย่อมจะจัดการเก็บกวาดเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น รีบไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ยังต้องเร่งออกเดินทางอีก”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า เดินไปส่งเฉิงฉือที่ประตู ทว่าสายตาของนางกลับเคลื่อนไปตกอยู่บนร่างของเฉิงฉืออย่างห้ามไม่อยู่

นางสังเกตเห็นว่าบนนิ้วโป้งข้างขวาของเฉิงฉือสวมแหวนหยกมรกตทรงปลอกมีดเอาไว้วงหนึ่ง

เมื่อครู่ท่านน้าฉือคงใช้สิ่งนี้ดึงคันศรกระมัง!

แต่เหตุใดท่านน้าฉือถึงได้เก่งกาจถึงเพียงนั้น

นอกจากนี้ เซียวเจิ้นไห่ยังพูดว่าท่านน้าฉือเป็นนายท่านสี่ของพรรคเจ็ดดาราอะไรนั่นอีก…ชื่อพรรคเจ็ดดารานี้ฟังดูแล้วไม่เห็นเหมือนชื่อร้านค้าสักร้านเลยนี่นา

โจวเสาจิ่นได้สติคืนกลับมา ในหัวสมองตีกันวุ่นวายไปหมด

เฉิงฉือมองพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เอ่ยเย้านางว่า “ชอบสิ่งนี้มากหรือ”

“หา!” โจวเสาจิ่นเงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ หน้าตาดูเหลอหลา

เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ ถอดแหวนหยกมรกตบนมือออกมา “มิใช่ว่าจ้องสิ่งนี้ตาไม่กะพริบหรอกหรือ คงจะชอบมากกระมัง มอบให้เจ้าก็แล้วกัน!”

“เปล่าเจ้าค่ะๆ” โจวเสาจิ่นหน้าแดงจนเหมือนกับเมฆสีชมพูในยามเช้า

รอยยิ้มของเฉิงฉือยิ่งเด่นชัดขึ้น

ยัดแหวนมรกตเข้าไปในอุ้งมือของโจวเสาจิ่น กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “อีกหน่อยมีเวลาว่างแล้วข้าค่อยเล่ารายละเอียดให้เจ้าฟัง!”

“เอ๋!” โจวเสาจิ่นยิ่งเหลอหลาหนักมากยิ่งขึ้น

เฉิงฉือหัวเราะร่าพร้อมกับเดินจากไป

ท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน ท่วงท่าของเขาสง่างาม ย่างก้าวรวดเร็วดุจโบยบิน

โจวเสาจิ่นลูบไล้แหวนหยกมรกตในมือ กว่าครู่ใหญ่ถึงจะเข้าใจความหมายของเฉิงฉือ

เขาคงจะหมายความว่าหากมีโอกาสจะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพรรคเจ็ดดาราให้นางฟังกระมัง

มุมปากของโจวเสาจิ่นยกยิ้มกว้างขึ้นมา ในใจรู้สึกหอมหวานประหนึ่งได้กินน้ำผึ้งเข้าไปก็ไม่ปาน

…………………………………………………………..

[1] เปลี่ยนอาวุธให้กลายเป็นหยกและผ้าไหม หมายถึงเปลี่ยนความเกลียดชังเป็นไมตรีจิต

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 370 จุดพักม้า"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์