CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 98 หยวนซื่อ

  1. Home
  2. ยามดอกวสันต์ผลิบาน
  3. ตอนที่ 98 หยวนซื่อ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

เฉิงเก้าได้ยินแล้วก็จมอยู่ในความคิดไปครู่ใหญ่ กล่าวขึ้นอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ก็คงจะต้องเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านอาไป่เสียชีวิตไปนานแล้ว ฮูหยินใหญ่ไป่ก็เป็นคนที่ไม่สนใจอะไรผู้หนึ่ง เรื่องภายในบ้านล้วนได้เซียงชิงเป็นผู้ตัดสินใจ ตอนนี้เขามีตำแหน่งแล้ว เป็นถึงซิ่วไฉ อยู่ข้างนอกก็ถูกผู้คนเรียกขานกันว่า นายท่าน แล้ว หากพวกเราไปหาเขาเพื่อเจรจา ประการที่หนึ่งไม่มีหลักฐาน ประการที่สองก็ไม่แน่ว่าจะเกิดประโยชน์อะไรหรือไม่ หากขอให้ผู้อาวุโสในบ้านช่วยออกหน้าให้ พวกเราเป็นสายหลัก ส่วนพวกเขาเป็นสายรอง หากเรื่องแพร่ออกไป ก็จะมีข้อครหาว่ารังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือขอให้จวนหลักช่วยออกหน้าให้ แต่ว่า การที่พวกเราไปบอกฮูหยินหยวนนั้น จะดีหรือ รู้สึกเหมือนกับว่าไปฟ้องอย่างไรอย่างนั้น!”

เฉิงเก้าถูกย่ากับบิดาอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ว่าเรื่องของตัวเองก็ต้องหาทางแก้ไขด้วยตัวเอง

“มีอะไรไม่ดีเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นกัดฟัน “เรื่องที่พวกเขาก่อขึ้นมา ยังต้องให้พวกเราช่วยเก็บกวาดให้เรียบร้อยให้พวกเขาด้วยอย่างนั้นหรือ อย่างไรก็ตาม” นางกระซิบย้ำกับเฉิงเก้าซ้ำ ๆ ว่า “ท่านลองไปคุยกับพี่ชายสวี่อีกสักครั้ง เล่าความร้ายแรงของเรื่องนี้ทั้งหมดให้เขาฟัง หากเขายังไม่ยอมทำอะไร ท่านก็มาบอกข้า ข้าจำต้องขอฮูหยินหยวนช่วยออกหน้าให้”

เฉิงเก้าพยักหน้า จากนั้นก็ไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษา

โจวเสาจิ่นกลับมาถึงเรือนเจียซู่

เฉิงเจียกำลังกอดแขนของฮูหยินผู้เฒ่ากวนเอาไว้และออดอ้อน “…เสาจิ่นเป็นหลานสาวของท่าน แล้วข้าไม่ใช่หลานสาวของท่านหรือเจ้าคะ ท่านไปคุยกับท่านแม่ของข้าสักหน่อยเถิดนะเจ้าคะ! ท่านแม่ของข้าเคารพท่านมากที่สุด ขอเพียงเป็นคำพูดของท่าน นางจะต้องเก็บเอาไปคิดดูอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากแต่งไปเป็นอนุให้กับซื่อจื่อของเหลียงกั๋วกงอะไรนั่นจริง ๆ เจ้าค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังปฏิบัติต่อบุตรสะใภ้อย่างไร้หัวใจเช่นนั้นอีก”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนถูกนางส่ายศีรษะจนเวียนหัวไปหมด ในใจก็เกิดความเห็นใจเฉิงเจียขึ้นมา จึงกล่าวขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เปิดดวงชะตากันเลยมิใช่หรือ รอให้ถึงตอนที่แม่ของเจ้าตัดสินใจแน่แล้วว่าจะให้เจ้าแต่งออกไป ข้าค่อยช่วยเจ้าพูดก็ยังไม่สาย”

“รอให้ท่านแม่ของข้าตัดสินใจแล้ว” น้ำตาของเฉิงเจียใกล้จะไหลออกมาเต็มที “เกรงว่าถึงตอนนั้นคงจะสายไปเสียแล้วเจ้าค่ะ!”

“ไม่สาย ๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยิ้มพลางกล่าว “ยังมีนายท่านสี่ของจวนหลัก! เนื่องจากจวนเหลียงกั๋วกงต้องการแต่งงานเกี่ยวดองกับตระกูลเฉิง หากไม่บอกกล่าวกับนายท่านสี่สักหน่อยย่อมไม่อาจเจรจาต่อไปได้”

ลูกตาของเฉิงเจียกลอกไปมา กล่าวขึ้นอย่างเหม่อลอยเล็กน้อยว่า “จริงหรือเจ้าคะ มีนายท่านสี่ก็พอแล้วหรือเจ้าคะ”

“ข้าจะโกหกเจ้าไปทำไม” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกล่าวยิ้ม ๆ “แต่งงาน ก็เป็นการแต่งเพื่อการดีของทั้งสองตระกูล เจ้าวางใจเถอะ”

เฉิงเจียยิ้มหวาน ยกถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้าง ๆ มือของฮูหยินผู้เฒ่ากวนขึ้น “ท่านย่า หลายเจียขอยกน้ำชาให้ท่านเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนบ่นขึ้นว่า “ก็แค่ลมปากหนึ่งเท่านั้น!” แต่ก็ยังรับถ้วยชามาอย่างเบิกบานใจ

เฉิงเจียจึงวิ่งไปที่ด้านหลังของฮูหยินผู้เฒ่ากวนช่วยบีบนวดไหล่ให้กับฮูหยินผู้เฒ่ากวน

ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะ พลางกล่าว “เอาล่ะ ๆ ไปเล่นกับเสาจิ่นเถอะ! หากยังนวดให้ข้าอีกสักพัก กระดูกแก่ ๆ ของข้าคงได้แตกเป็นชิ้น ๆ กันพอดี”

เฉิงเจียหัวเราะร่า ย่อตัวทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากวน จากนั้นออกไปจากเรือนหลักพร้อมกันกับโจวเสาจิ่นและโจวชูจิ่นสองพี่น้อง

โจวชูจิ่นกำชับพวกนางสองสามประโยคว่าทำนองว่า อย่าเล่นจนลืมตัว ให้ระวังความปลอดภัย จากนั้นก็ไปที่เรือนหานชิว ส่วนโจวเสาจิ่นและเฉิงเจียกลับมาที่เรือนหว่านเซียง

เฉิงเจียเอนตัวนอนอ่านหนังสือและทานผลไม้อยู่บนเตียง ส่วนโจวเสาจิ่นกับซือเซียงและคนอื่นอีกหลายคนเร่งรีดเสื้อผ้าให้โจวเจิ้นสองสามีภรรยา

มีคนจากจวนสามเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินใหญ่ให้คุณหนูใหญ่รีบกลับไปเจ้าค่ะ กูกูยังรอสอนมารยาทให้คุณหนูใหญ่อยู่เจ้าค่ะ!”

เฉิงเจียโยนแกนลูกผิงกั่วทิ้งไป เอ่ยขึ้นว่า “เจ้ากลับไปบอกฮูหยินใหญ่ว่า คุณหนูรองรั้งให้ข้าอยู่ทานมื้อเที่ยงที่นี่ ข้าทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วค่อยกลับไป”

ป้าแม่บ้านผู้นั้นไม่กล้ายืนกรานอีก จึงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวอำลา

โจวเสาจิ่นใช้โอกาสตอนที่รอเตารีดร้อนนั้นกล่าวกับนางว่า “เจ้าอาจจะหลบได้ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ไม่อาจจะหลบได้ทั้งชีวิต กลับไปคุยกับท่านป้าใหญ่หลูให้เข้าใจเสียจะดีกว่า”

เฉิงเจียไม่เห็นด้วย กล่าวขึ้นว่า “อย่างไรก็คงจะคุยกันไม่เข้าใจแล้ว ข้าเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยนางก็ต้องรู้การตัดสินใจของข้าแล้ว”

โจวเสาจิ่นมีชีวิตมาสองชาติภพก็ยังไม่เคยมีช่วงเวลาที่ดื้อรั้น นางจึงปล่อยให้เฉิงเจียดื้อดึงต่อไป ส่วนตัวเองก็ไปทำธุระของตัวเองต่อ

พอใกล้ถึงเวลาทานมื้อเที่ยง เจียงซื่อก็มา ‘รับ’ เฉิงเจียกลับไปด้วยตัวเอง

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางส่งเฉิงเจียออกไป หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้วก็ไปคัดพระธรรมที่เรือนหานปี้ซาน

ผ่านไปสองวัน เฉิงเก้ามาพบโจวเสาจิ่นด้วยสีหน้าดำคร่ำเครียด บอกนางว่า “เจ้าคิดหาวิธีไปบอกฮูหยินหยวนเถอะ!” ข้าพูดจนปากแห้งแล้ว เขากลับคิดว่าข้าปั้นเรื่องขึ้นมา…ช่างเป็น…”

เขาโกรธจนเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องสองรอบอารมณ์ถึงเย็นลง

โจวเสาจิ่นฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่ง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปที่เรือนอวิ้นเจิน

ทว่านางไม่ได้เข้าไป กลับเดินไปเดินมาอยู่ใกล้ ๆ ครู่ใหญ่ จากนั้นหมุนกายกลับเรือนหว่านเซียง กระทั่งช่วงบ่าย ก็ไปคัดพระธรรมที่เรือนหานปี้ซานเช่นเดิม แต่เมื่อนางคัดพระธรรมไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็มีความเคลื่อนไหวขึ้นภายในลาน

เสี่ยวถานบอกนางว่า “ฮูหยินมาเยี่ยมเยียนฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า คัดพระธรรมต่อไปอย่างสงบเช่นเดิม

ไม่นานหลังจากนั้น หยวนซื่อนำเพียงสาวใช้ที่ถือของอยู่ผู้หนึ่งเดินเข้ามา

“เสาจิ่น กำลังคัดพระธรรมอยู่หรือ!” นางทักทายโจวเสาจิ่นอย่างกระตือรือร้น

โจวเสาจิ่นลุกขึ้นมาอย่างนอบน้อม เอ่ยออกไปเสียงหนึ่งว่า “ฮูหยิน” จากนั้นสั่งให้ซือเซียงรินน้ำชา

หยวนซื่อเองก็ปฏิบัติกับนางอย่างเป็นกันเอง นั่งลงมา

สาวใช้ที่ติดตามนางเข้ามานั้นนำกล่องกระดาษเล็ก ๆ ที่ผูกเอาไว้ด้วยผ้าไหมสีแดงสองกล่องในมือวางลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ข้าง ๆ

หยวนซื่อชี้ไปที่กล่องกระดาษ กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เมื่อสองวันก่อนข้าไปงานเลี้ยงที่จวนตระกูลหลิวมา ระหว่างทางผ่านร้านฉีฟางไจพอดี เห็นขนมทานเล่นออกใหม่ของพวกเขาทำออกมาได้ไม่เลว จึงนำกลับมาด้วยหลายกล่อง นี่ให้เจ้ากับพี่สาวของเจ้า พวกเจ้าลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางกล่าวขอบคุณ

สาวใช้ที่หยวนซื่อพามาด้วยนั้นหันไปส่งสายตาให้เสี่ยวถานกับซือเซียงครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ถอยออกไป

เสี่ยวถานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตามออกไปด้วย

ทว่าซือเซียงกลับทำเป็นมองไม่เห็น ยังคงคอยรับใช้อยู่ในห้องต่อ

หยวนซื่อมองแล้ว ในตาฉายความชื่นชมอยู่สายหนึ่ง กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “เสาจิ่น ข้าได้ยินป้าแม่บ้านกล่าวว่า เมื่อเช้าเจ้าไปที่เรือนอวิ้นเจิน มีเรื่องอะไรหรือ เหตุใดถึงไม่เข้าไป”

โจวเสาจิ่นบีบถ้วยชาเอาไว้แน่น ด้วยท่าทางสับสนเป็นอย่างมาก คล้ายจะพูดแต่ก็ไม่พูด

ท่าทีของหยวนซื่อจึงยิ่งอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น

นางกล่าวยิ้ม ๆ “มีเรื่องอะไรที่แม้แต่ป้าก็ไม่อยากเล่าให้ฟังอย่างนั้นหรือ หรือไม่ ข้าไปถามพี่สาวของเจ้าดีหรือไม่”

“อย่าเจ้าค่ะ ท่านอย่าไปถามพี่สาวของข้าเลยนะเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นบีบถ้วยชาจนเล็บมือซีดขาว สีหน้าดูสับสนมากยิ่งขึ้น

“เสาจิ่น” หยวนซื่อจึงจับมือของโจวเสาจิ่นเอาไว้ กล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “ในนี้ก็ไม่มีผู้อื่น เจ้ามีเรื่องอะไรก็เพียงบอกข้ามาตามตรงก็พอ”

ขอบตาของโจวเสาจิ่นแดง ราวกับว่าได้รับความทุกข์ใหญ่หลวงมาและสุดท้ายก็มีคนผู้หนึ่งที่สามารถพูดด้วยได้ก็ไม่ปาน สะอึกสะอื้นจนทำให้ซือเซียงถอยออกไป น้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย พลางกล่าว “ข้า…ข้าเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีเจ้าค่ะ”

สีหน้าของหยวนซื่อเย็นชาขึ้น แล้วก็เปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ยิ้มพลางกล่าวว่า “หรือเป็นเพราะว่าพี่ชายสวี่ของเจ้า…”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ๆ” โจวเสาจิ่นรีบส่าวศีรษะ พลางกล่าว “เป็น…เป็นพี่ชายลู่เจ้าค่ะ”

“เฉิงเซียงชิงหรือ” หยวนซื่อประหลาดใจ

แล้วนี่เกี่ยวอะไรกับนางด้วย

นางยังคิดว่าเป็นเพราะเฉิงสวี่คิดหาวิธีไปวอแวโจวเสาจิ่น โจวเสาจิ่นไม่มีทางเลือก จึงมาหานางให้ช่วยเหลือ ทั้งยังไม่กล้าเปิดเผย ไม่กล้ากล่าวออกมาอย่างชัดเจน ถึงได้หาข้ออ้างมาสนทนาเป็นการส่วนตัวกับโจวเสาจิ่น

หยวนซื่อกล่าว “เขาทำไมหรือ” ในน้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยความสนใจที่ลดลงไปแล้วเล็กน้อย

โจวเสาจิ่นทำเสมือนกับว่าไม่รับรู้ พึมพำกล่าวว่า “เขา…เขากล่าวว่าเพื่อข้าแล้ว พี่ชายสวี่จึงกลั่นแกล้งเขาเจ้าค่ะ…”

หยวนซื่อแค่ได้ยิน ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แม้แต่เส้นผมก็ราวกับจะตั้งชันขึ้นมา “เขากล่าวเช่นนั้นจริง ๆ หรือ แล้วใครเป็นคนบอกเจ้า”

โจวเสาจิ่นกล่าว “เป็น…เป็นพี่ชายเก้าบอกข้ามาเจ้าค่ะ เขาให้ข้าไม่ต้องไปสนใจพี่ชายสวี่กับพี่ชายลู่อีก…ยังกล่าวอีกว่า ทั้ง ๆ ที่พี่ชายสวี่ก็ทราบเรื่องดี แต่ก็ไม่ห้าม…ข้าอยากให้ท่านช่วยพูดกับพี่ชายสวี่สักหน่อย…พี่ชายสวี่เป็นถึงอั้นโส่วผู้สอบได้ลำดับที่หนึ่ง คำพูดของเขา พี่ชายลู่ต้องรับฟังอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ…”

หยวนซื่อรู้สึกว่าแม้แต่ตับของตนเองก็รู้สึกเจ็บไปหมดแล้ว

แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เวลาที่จะโมโหโกรธา

โจวเสาจิ่นเหมือนกับเครื่องแก้วชิ้นหนึ่ง หากไม่ระวังก็อาจจะแตกได้

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง พยายามปรับให้น้ำเสียงของตนเองอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “เรื่องนี้เจ้าทำได้ถูกต้องแล้ว พี่ชายสวี่ของเจ้าทำผิด เจ้าจึงควรมาบอกข้า ข้าจะต่อว่าพี่ชายสวี่ของเจ้าเอง เจ้าไม่ต้องกลัว ต่อไปเฉิงเซียงชิงจะไม่สามารถกล่าวเช่นนี้ได้อีกอย่างแน่นอน”

โจวเสาจิ่นพยักหน้า ด้วยท่าทางราวกับได้ปลดปล่อยจากภาระอันหนักอึ้ง น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นยินดีขึ้นมา กล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่กล้าบอกผู้ใด กลัวว่าผู้อื่นจะเชื่อตามสิ่งที่พี่ชายลู่กล่าว บอกว่าพี่ชายสวี่รังแกเขา…การศึกษาของพี่ชายสวี่ดีขนาดนั้น จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ไม่ผิด” หยวนซื่อยิ้มพลางพยักหน้า กล่าวขึ้นว่า “การศึกษาของพี่ชายสวี่ของเจ้าดีขนาดนั้น ย่อมไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้นได้”

โจวเสาจิ่นได้ยินแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา

หยวนซื่อเห็นแล้วก็ใจเต้น

โจวเสาจิ่นผู้นี้ ช่างมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับจวงซื่อจริง ๆ ล้วนงดงามจนราวกับไม่ใช่คนอย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตของนางจะเหมือนกับจวงซื่อหรือไม่ ที่ป่วยและเสียชีวิตจากไปตั้งแต่ยังสาว…

นางพลันเกิดความเห็นใจขึ้นมาในใจ น้ำเสียงจึงเปลี่ยนเป็นยิ่งอ่อนโยนลง กล่าวขึ้นว่า “เจ้าคัดพระธรรมให้สบายใจเถอะ ต่อไปมีเรื่องยากอะไรที่ไม่อาจพูดกับท่านยายและพี่สาวของเจ้า ก็มาหาป้าใหญ่ได้ ป้าใหญ่จะเป็นผู้ตัดสินใจแทนเจ้าเอง”

โจวเสาจิ่นยิ้มอย่างขัดเขิน และกล่าวขอบคุณนาง

หยวนซื่อคุยกับนางอีกสองสามประโยคแล้วค่อยออกจากห้องพระไป

โจวเสาจิ่นถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้มีเท้าแขนอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง

ซือเซียงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “ฮูหยินหยวนคุยอะไรกับท่านหรือเจ้าคะ”

“ไม่มีอะไร ๆ” โจวเสาจิ่นกลับเลี่ยงจะที่ตอบ พึมพำกล่าวอย่างเหนื่อยอ่อนราวกับผู้ที่เพิ่งรอดชีวิตมาจากเหตุร้าย “ความจริงฮูหยินหยวนก็ไม่ใช่เพชรที่สั่นคลอนไม่ได้ เพียงแต่ต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม ก็สามารถพูดคุยด้วยได้เหมือนกัน”

ซือเซียงได้ยินไม่ชัดเจนนัก

โจวเสาจิ่นยิ้มพลางนั่งตัวตรงขึ้นมา กล่าวเสียงดังว่า “เอาล่ะ พวกเรารีบคัดพระธรรมให้เสร็จ ข้าจะได้คัด ‘อมิตาพุทธสูตร’ ของตัวเอง จากนั้นก็ติดตามฮูหยินผู้เฒ่าไปที่เขาผู่ถัว”

ซือเซียงหัวเราะร่า

ตอนนี้โจวเสาจิ่นถึงได้สังเกตเห็นว่าแขนเสื้อของตัวเองเปียกชื้น

นางรีบเรียกให้ซือเซียงตักน้ำเข้ามาช่วยตนเองเปลี่ยนเสื้อผ้า

ทว่าหยวนซื่อนั้นกลับมาถึงเรือนอวิ้นเจินด้วยร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อ คนยังไม่ทันได้ยืนอย่างมั่นคง ก็ตะโกนเรียกป้าแม่บ้านที่อยู่ข้าง ๆ อย่างควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ได้ “ไป ไปเรียกเจ้าตัววายร้ายผู้นั้นมาให้ข้า! คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาช่างเรียนได้เสียเปล่าจริง ๆ! ข้าเลี้ยงดูเขามาดังแก้วตา แต่เขาก็ดี กลับยินดีให้ผู้อื่นมาดูถูก เขาเป็นเช่นนี้ ยังอยากจะมีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์อยู่อีกหรือ ข้าว่า เขาสามารถออกมาจากสำนักฮั่นหลินได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว…”

สาวรับใช้และป้าแม่บ้านต่างก็มองหน้ากันไปมา ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใด

ถ้วยชาของหยวนซื่อตกลงไปบนพื้นหิน “ทำไม แม้แต่คำพูดของข้าพวกเจ้าก็ฟังไม่เข้าใจแล้วหรือ”

พวกสาวใช้ต่างก็ตัวสั่นเทา

ลี่ซื่อผู้เป็นแม่นมของหยวนซื่อก้าวออกมาอย่างระมัดระวัง กล่าวเสียงนุ่มเบาประโยคหนึ่งว่า “ข้าจะไปเรียกคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ” แล้วถอยออกไปอย่างเบามือเบาเท้า

สาวใช้ข้างกายของหยวนซื่อถึงได้กล้ารินน้ำชาใหม่อีกถ้วยหนึ่งแล้วยกขึ้นโต๊ะ

หยวนซื่อจิบชา อารมณ์จึงค่อย ๆ สงบลงมา

ต้นไม้ที่ไม่ได้ตัดแต่งกิ่งไม้ย่อมเจริญเติบโตได้ไม่ตรง

ดูท่าทางแล้ว นางต้องยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเสียแล้ว

……………………………………………………………………………

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 98 หยวนซื่อ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์