ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 313
ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 313
วิกฤต
โดย
หุ่นไล่กา
ปรากายร้อยเหลี่ยมสลับซับซ้อนปรากฏขึ้นขัดขวางสายฟ้านับสิบ
“ชนชั้นขยะ”ชายผิวแดงใบหน้าบิดเบี้ยวเขาโบกมืออีกครั้งข่ายอาคมเปลวเพลิงพุ่งตามสายฟ้าทำลายปราการที่ขัดขวาง
ใบหน้าของจิวโมไป๋ซีดอย่างน่ากลัว ก่อนที่ข่ายอาคมปราการร้อยลักษณ์จะแตกเป็นเสี่ยงๆ สายฟ้าที่เหลือและเปลวเพลิงพุ่งไปที่อาณาเขตหัวใจพฤกษาบรรพกาล
จิวโมไป๋กัดฟันด้วยความโกรธ เขารู้ว่าอาณาเขตหัวใจพฤกษาบรรพกาลไม่สามารถป้องกันการโจมตีระลอกนี้ได้
เขาจะตายที่นี่ไม่ได้!
จิวโมไป๋ท่องเคล็ดบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ ดึงพลังวิญญาณที่สามารถใช้ได้ทั้งหมดมาป้องกันครั้งสุดท้าย ร่างของเขาปรากฏดอกบัวสีขาวสะอาด เขาใส่ไปที่ข่ายอาคมสีทองตรงหน้าขนาดของมันใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมฆสีทองหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พวกมันพยายามต่อสู้พยายามดูดซับพลังวิญญาณเพื่อสนับสนุนจิวโมไป๋
ในตอนนั้นเอง เมฆสีทองก็มีสีดำผสมเล็กน้อย
ทะเลสติพลันสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง รอยร้าวบนอณาเขตทะเลสติสมานตัวอย่างรวดเร็ว
“เป็นไปไม่ได้”ชายผิวแดงรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของร่างเลื่อนระดับเป็นประมาจารทองดำต้นแล้ว!
ในเวลาเดียวกันข่ายอาคมของเขาเองก็ตกลงไปอยู่ที่ปรมาจารทองดำต้นเช่นกัน
“ตาย!!!”จิวโมไป๋ตะโกนก้องข่ายอาคมกลายเป็นสีทองดำอ่อน จากนั้นมันก็ระเบิดการโจมตีออกมา
“ข่ายอาคมพยัคฆ์คำราม!“
โฮก!!! เสียงคำรามเป็นคลื่นพลังปะทะกับสายฟ้าและเปลวเพลิง พลังทั้งสามปะทะกันอย่างรุนแรงก่อนที่พลังทั้งสามจะกระจายหายไปจากการปะทะ
นี่คือความต้องการดั้งเดิมของเขาอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่โชคดีเลื่อนระดับ ข่ายอาคมพยัคฆ์คำรามอาจจะสามารถเบี่ยงลดความรุนแรงของสายฟ้าและเปลวเพลิง
จิวโมไป๋ตั้งสติเขาไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดไป ข่ายอาคมสีทองดำอ่อนนับสิบกลายเป็นแส้หนามฟาดไปที่ร่างวิญญาณของชาวผิวแดง
“อ๊ากกก!”ชายผิวแดงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ ไม่ ไม่!!! ฉันไม่เชื่อ!!!”ชายผิวแดงพยายามตอบโต้ แต่ในตอนนี้พลังวิญญาณของเขาลดลงอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงระดับทองคำกลาง
ฉึก!
“อ๊าาากก!”ชายผิวแดงกรีดร้องแส้หนามรัดทั่วร่างวิญญาณของเขาจนไม่สามารถขยับได้
ชายผิวแดงจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างในตอนนั้นเอง ตรารับส่งก็หมดพลัง สัญลักษณ์เผ่าบนตราหายไปอย่างสมบูรณ์
ร่างวิญญาณของชายผิวแดงแตกเป็นชิ้นๆโดยที่เขาไม่แม้แต่จะกรีดร้อง
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็โบกมือข่ายอาคมล้อมเศษเสี่ยววิญญาณเอาไว้ จิวโมไป๋มองเศษเสี่ยววิญญาณด้วยความเสียดาย ถ้าวิญญาณสมบูรณ์มากกว่านี้เขาจะสามารถสืบค้นวิญญาณเพื่อดูความทรงจำได้ แต่ด้วยเศษเสี่ยววิญญาณ มันยากที่จะดูความทรงจำได้
เขาจึงเก็บเศษเสี่ยววิญญาณลงในขวดหยก และปิดผนึกมัน
ในตอนนั้นเอง ตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้นก็สั้นสะเทือนอย่างรวดเร็ว กรรมชั่วในตำหนักอัดแน่นอย่างน่ากลัว
จิวโมไป๋ที่ได้สติก็ตกตะลึง
เขาไม่คิดเลยว่าจะโชคดีในคราวเคราะห์อย่างนี้
จิวโมไป๋ข่มใจไม่รีบใช้กรรมชั่วพวกนี้ เขาจะใช้ในตอนเลื่อนขั้นที่ 5 กระดูกสุดยอด
จิวโมไป๋ดึงสติกลับร่างก่อนจะกระอักเลือดอีกครั้ง เขาหยิบโอสถฟื้นฟูทั้งหมดมากินทันที
จากนั้นเขาก็นั่งฟื้นฟูพลังครู่หนึ่งเมื่อพลังกลับมาแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมองไปที่กองเลือดและตรารับส่ง เขาโบกมือทำความสะอาดเลือดและเก็บตรารับส่งเข้าวงแหวนมิติเก็บของ จากนั้นเขาก็ทำลายหลักฐานจนหมด ก่อนที่เขาจะขึ้นไปชั้นบน มองไปยังอาคารอีกครั้งเขาก็โบกมือเปลวไฟเผาไหม้บ้านอย่างรวดเร็ว เขาก็ทะยานร่างหายไปทันที
ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เบื้องหลัง
เปลวไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วชาวบ้านในหมู่บ้านเห็นเปลวไฟ พวกเขาก็วิ่งไปที่บ้านจอมมารพร้อมกับน้ำ เพื่อช่วยดับไฟ
10 นาทีต่อมาจอมมารในชุดสีดำออกมาจากป่าในมือถือถุงใส่สมุนไพร เขามองไปที่บ้านที่ไหม้เป็นขี้เถ้าด้วยความงุนงงก่อนที่เขาจะร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวพลังกดดันอันรุนแรงแผ่กระจายออกจากร่างของเขา
“เกิดอะไรขึ้น! ใครเผาบ้านของฉัน!!!”
ชายชุดดำ 2 คนที่ลอบติดตามจอมมารเห็นบ้านที่ถูกเผาไหม้ เขารีบรายงานไปที่คุณหนูของพวกเขาทันที
แต่ก่อนที่เขาจะได้ส่งข้อความ
จอมมารก็โผล่ที่ด้านหน้าของพวกเดา ดวงตาสองข้างแดงก่ำเหมือนปีศาจ
“พวกแกเป็นใคร ทำไมถึงอยู่ที่นี่?”
ชายชุดดำทั้งสองอ้าปากข้างด้วยความตกใจ
โดยที่ไม่รอให้พวกเขาได้ตอบ การโจมตีอันโหดร้ายก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา…
จิวโมไปกลับไปที่ตัวเมือง เขาเปลี่ยนชุดปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคนร่างผอม ในรูปลักษณ์นี้แม้แต่ญาติก็จำไม่ได้
จิวโมไป๋เดินชมตลาดกลางคืนย่านวัยรุ่นด้วยความสนใจ เขาเคยมาประเทศเกาะนับครั้งได้และทุกครั้งมาเพราะภารกิจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสได้เดินดูอะไรแบบนี้เลย
พรุ่งนี่เขาต้องทำภารกิจ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกไหม ดังนั้นเขาไม่พลาดที่จะเดินดู เขาคิดที่จะซื้อของฝากให้จิวเสวี่ยเหม่ย พ่อ แม่และคนอื่นๆ
ในระหว่างที่เขากำลังเลือกซื้อของฝาก อยู่ๆก็มีกลุ่มหญิงสาววัยรุ่นในชุดเปิดเผยเห็นผิวขาวเหมือนหยกเดินเข้ามาหาเขา
“คุณลุงสนใจไปกับพวกเราไหม”สาวสวยคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงหวานใส ท่าทางล่อลวงผู้คน
—