ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 316
ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 316
เหตุการณ์ใหญ่
โดย
หุ่นไล่กา
จิวโมไป๋พยักหน้าตอบรับคำพูดของเจ้าอาวาสหงหมิงอย่างสุภาพ ก่อนจะมองไปยังพันเอกนาคามูระ เคนชิดะและคนอื่นๆที่เดินออกไปอย่างไม่แปลกใจนัก ที่พวกเขาต้องทำภารกิจด้วยกัน ที่นี่ไม่ได้เป็นประเทศมังกร พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวทำภารกิจได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจะต้องถูกจับตามองอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้พวกเขาสร้างความเสียหายภายในประเทศ
โดยเฉพาะเจ้าอาวาสหง เขาเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆของประเทศมังกร เขาจะต้องมีผู้ที่แข็งแกร่งใกล้เคียงกันทำภารกิจด้วยกัน
การที่พันเอกนาคามูระ เคนชิดะสามารถติดตามภารกิจพร้อมกับเจ้าอาวาสหงหมิงได้ มันแสดงให้เห็นว่าเขามีระดับความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน ในการทำภารกิจพวกเขาไม่สามารถประมาท เปิดช่องว่างได้
จิวโมไป๋ลอบสำรวจพันเอกนาคามูระ เคนชิดะ แต่เขาไม่พบอะไรเลย บรรยากาศจากร่างของอีกฝ่ายเหมือนดาบที่อยู่ในฝัก ที่ไม่มีทางรู้ได้ว่าคมดาบนั้นแหลมคมมากเพียงใด
พวกเขาไม่ได้พูดรายละเอียด จิวโมไป๋เดินตามเจ้าอาวาสหงหมิงไปยังรถตู้สีดำที่จอดรออยู่ด้านหน้า เมื่อขึ้นไป ก็พบว่ามันไม่ได้เป็นรถตู้ที่พาพวกเขามา แต่เป็นรถตู้ที่ถูกดัดแปรงเพื่อใช้ในการทำภารกิจ เหมือนกับรถของหน่วยมังกรซ่อน
ตรงกลางรถมีชั้นวางอาวุธหลากชนิดตั้งอยู่
พวกเขาขึ้นไปนั่งแยกกันคนละฝั่ง เมื่อพวกเขาขึ้นไปจนหมดประตูก็ปิดลง รถก็ขับออกไป
บรรยากาศภายในรถกลายเป็นเงียบงันไม่มีใครพูดอะไรสักคำ พ่อลูกนาคามูระหลับตาพักผ่อน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจ
“พวกคุณสามารถเลือกอาวุธจากที่นี่ได้เลย”อิวะ โซตะชี้ไปที่ชั้นวางอาวุธ ก่อนที่เขาพิ่งพนังรถและหลับตาพักผ่อน
เจ้าอาวาสหงหมิงและศิษย์ของเขาไม่เลือกอาวุธ
จิวโมไป๋จึงเอือมไปหยิบพลองเหล็กที่มีน้ำหนักไม่มากนักขึ้นมา มันเป็นพลองเหล็กที่หนักที่สุดบนชั้นวาง เขาไม่พอใจกับน้ำหนักของมันมากนักแต่ก็ต้องจำใจใช้
ทุกๆประเทศมีกฎการควบคุมอาวุธที่เข้มงวด ถ้าไม่ใช่เหตุการณ์พิเศษ เมื่อผู้บ่มเพาะพลังต่างแดนเข้าไปยังประเทศอื่นจะไม่สามารถนำอาวุธของตัวเองไปได้ แม้จะเป็นการปฏิบัติก็ตาม
นี่จึงเป็นเหตุผลที่จิวโมไป๋ไม่นำพลองผ่านฟ้าออกมา
เมื่อเห็นว่าจิวโมไป๋เลือกอาวุธ เจ้าอาวาสหงหมิงก็หันมากระซิบแผ่วเบา เพื่ออธิบายเกี่ยวกับการประชุมให้จิวโมไป๋ฟัง
ในการประชุมครั้งนี้ไม่มีอะไรมากนัก เพราะเมื่อคืนมีการค้นพบสถานที่ซ่อนของเหตุการลักพาตัว หน่วยเงาของประเทศเกาะได้เข้าไปตรวจสอบและได้เบาะแสสถานที่ซ่อนอื่นๆ พวกเขาใช้เวลาทั้งคืนทำลายสถานที่ซ่อนไปกว่า 20 แห่ง
ในระหว่างการทำลายที่ซ่อนพวกเขาได้ค้นพบเบาะแสมากมาย
“จากที่ได้รายงานมา มีกลุ่มนิกาย 4 แห่งที่มีส่วนร่วมในการเหตุการณ์ลักพาตัว พวกเขาได้ร่วมมือกับบางสิ่งบางอย่างที่น่าจะเป็นวิญญาณร้าย เพื่อลักพาตัวผู้คนไปสังเวยให้กับศาสดาหรือเทพเจ้าที่พวกเขานับถือ”เจ้าอาวาสหงหมิงถอนหายใจ
“นิกาย 3 แห่งเป็นนิกายเล็กๆที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่นาน จุดประสงค์ของพวกเขาคือการหลอกล่อเหยื่อ เพื่อลักพาตัวโดยเฉพาะ ตอนนี้คนของหน่วยเงาได้ถูกส่งไปจัดการเรียบร้อยแล้ว ส่วนนิกายสุดท้าย…”เจ้าอาวาสหงหมิงเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ”นิกายฝันนิรันดร์ เป็นนิกายที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงสู่ยุครุ่งอรุณ แม้จะไม่ได้เป็นนิกายเก่าแก่ แต่ด้วยการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 8 ปี พวกเขาได้กลายเป็นนิกายใหญ่ที่ผู้คนในประเทศเกาะนับถือ ปัจจุบันพวกเขามีผู้ศรัทธากว่า 10 ล้านคน”
จิวโมไป๋ได้ฟังถึงตรงนี้ เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ประเทศเกาะเป็นประเทศที่มีนิกายความเชื่อมากมาย พวกเขามักจะนับถือความเชื่อเรื่อง เทพ ภูติ หรือความเชื่อที่แปลกประหลาดที่คนภายนอกไม่สามารถเข้าใจได้
แม้ความเชื่อของนิกายจะแปลกไปซักหน่อย แต่ก็มีผู้คนเชื่อและนับถือจริงๆ นิกายเล็กๆขั้นต่ำก็มีผู้เชื่อมากกว่าร้อยคนขึ้นไป เหนือกว่าสำนักฝึกฝนการต่อสู้ด้วยซ้ำ
ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับสูงอันดับต้นๆของประเทศเกาะ จะมีชื่ออยู่ในนิกายที่พวกเขานับถือ
ในตอนนี้เมื่อมีผลการสืบสวนออกมาพบว่ามี กลุ่มนิกาย เข้ามามีส่วนร่วม ทางรัฐบาลของประเทศเกาะจะต้องพบความยุ่งยากมหาศาล
สำหรับ 3 นิกายที่ก่อตั้งใหม่ พวกเขาสามารถกำจัดได้ไม่ยากนัก แต่นิกายฝันนิรันดร์ที่มีสมาชิกกว่า 10 ล้านคน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถสั่นคอนได้ง่ายๆ!
ในอดีตเมื่อกำจัดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ’หมู่บ้านซ่อนหา’ไปได้แล้ว ข่าวในเหตุการณ์ก็ถูกปิดกั้นแทบจะไม่เล็ดลอดข้อมูลอะไรออกไปเลย มีแค่การสรุปภารกิจง่ายๆเท่านั้น
ถ้าไม่เพราะมันเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติครั้งแรกที่ถูกกำจัด ข่าวเกี่ยวกับมันคงเงียบหายไป
จิวโมไป๋ลอบถอนหายใจ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีการเกี่ยวพันกับนิกายใหญ่ ดูแล้วเหตุการณ์จะใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มาก
ถ้ามันเกี่ยวข้องกับเหล่าผู้บ่มเพาะพลังชั้นสูงของประเทศเกาะจริงๆ การที่เขามามีส่วนรวมกับภารกิจด้วยดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด…
เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ ใบหน้าของจิวโมไป๋ก็เปลี่ยนไปทันที
“พวกเรากำลังจะไปไหน?”จิวโมไป๋ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ในใจเริ่มกังวลอะไรบางอย่าง
ถ้าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกี่ยวพันกับนิกายใหญ่จริงๆ รัฐบาลประเทศเกาะจะไม่ให้พวกเขามีส่วนร่วมกับภารกิจอย่างแน่นอน เพราะถ้าพวกเขาเลือกที่จะกำจัดนิกายฝันนิรันดร์ ชนชั้นสูงของประเทศจำนวนมากจะต้องถูกกำจัดไปด้วย ทำให้รัฐบาลจะต้องมีการจัดระเบียบใหม่อย่างรุนแรง พวกเขาที่เป็นคนนอกไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เลย
แล้วพวกเขากำลังถูกพาไปไหน?
—-