ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 323
ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 323
ผู้ต้องสาป
โดย
หุ่นไล่กา
จิวโมไป๋ลงไปที่คานอาคารที่ไม่ถล่มลงไป และเรียกพลังมังกรกลับ เพื่อไม่ให้พลังงานมากเกินไป เขามองไปยังปีศาจแมงมุมที่หายไปอยู่อาคารอีกด้านด้วยความเสียดาย
ถ้าอีกฝ่ายช้าไปเล็กน้อย เขาจะสามารถฆ่ามันได้ทันที
เขาสังเกตเห็นว่าปีศาจแมงมุมอยู่ขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้น และลักษณะการต่อสู้ของมันเป็นการต่อสู้ยืดเยื้อ ถ้าต่อสู้ยืดเยื้อไปเรื่อยๆเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะที่นี่เป็นพื้นที่ของพวกมัน มันจะมีกำลังเสริมมาช่วยได้ตลอดเวลา
จิวโมไป๋กระโดดกลับไปที่ชั้นร้านอาหาร เขาไปยืนอยู่ข้างๆสองพี่น้องนาคามูระ
“ระวังด้วย พวกมันเป็นพวกต้องสาป”นาคามูระ อิโทซะเตือนขึ้นแต่ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม
จิวโมไป๋นิ่งไปเล็กน้อย ความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมา
ในตอนแรกเขาคิดว่าพวกมันเป็นผู้ปลุกสายเลือด เหมือนคนของทวีปตะวันตก เพราะเป็นการเปลี่ยนร่างโดยไม่มีพลังวิญญาณชั่วร้าย แต่เมื่อเขาได้ตรวจสอบเขาก็พบว่า พวกมันไม่ได้เป็นผู้ปลุกสายเลือดจริงๆ มันเป็นการปลุกอีกรูปแบบที่คล้ายการปลุกพลังวิญญาณ แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด
การปลุกพลังวิญญาณจะไม่ส่งผลกับร่างกายโดยตรง แต่จะส่งผลกับประสาทสัมผัสการรับรู้
เขาใช้เวลาคิดอยู่นานก็ไม่สามารถหาคำตอบได้
แต่เมื่อได้ยินที่นาคามูระ อิโทซะบอก เขาก็นึกออกได้ทันที
ประเทศเกาะตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีความเชื่อแปลกประหลาดอยู่มากมาย ทำให้เกิดนิกายหรือลัทธิความเชื่อต่างๆกระจายอยู่ตามหมู่บ้านหรือเมืองต่างๆ
เมื่อเวลาผ่านไปความเชื่อเหล่านี้ก็ได้หลอมรวมเข้ากับผู้คน จากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงกลายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แม้ไม่มีจริงผู้คนก็อาจคิดว่ามีจริง ความเชื่อเหล่านั้นฝังลึกจนแยกไม่ออก
เมื่อเข้าสู่ช่วงการปฏิวัติเทคโนโลยี่ ทฤษฎีวิทยาศาสตร์สามารถตอบคำถามสิ่งที่เป็นไปไม่ ให้ปรากฎคำอธิบายออกมา ทำให้ความเชื่องมงายไร้เหตุผลหลายๆอย่างก็ค่อยๆลดลงและจางหายไป
จนกระทั้งเข้าสู่ยุครุ่งอรุณ พลังธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความเชื่อแปลกประหลาดที่แฝงอยู่ในคนของประเทศเกาะได้ถูกปลุกขึ้น อย่างน่าพิศวง
ความเชื่อเหล่านั้น ทำให้ผู้คนของประเทศเกาะบางส่วนได้รับพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งเหมือนการปลุกสายเลือด
แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่า แต่ก็ไม่ด้อยกว่ามากนัก
แต่การปลุกเหล่านี้ไม่ใช้เรื่องดี เพราะความเชื่อของคนประเทศเกาะ เป็นความเชื่อเรื่องภูท ผี ปีศาจ ซะส่วนใหญ่ ทำให้สิ่งที่ปลุกขึ้นมาส่วนมากจะอยู่ฝั่งชั่วร้าย
คนที่ได้รับการปลุก จะมีความบ้าคลั่งชั่วร้าย จิตใจไม่ปกติ ทำให้พวกเขาทำร้ายเข่นฆ่าคนอื่นโดยไร้ความรู้สึกผิด
ยิ่งเวลาผ่านไป เมื่อผู้ปลุกเหล่านี้มีมากขึ้น ความเสียหายที่ส่งผลกระทบกับประเทศก็มากขึ้นตามไปด้วย
ทำให้ประเทศเกาะได้ออกกฎทันที พวกเขาระบุว่าผู้ปลุกเหล่านี้คือ ผู้ต้องสาป ใครที่เป็นผู้ต้องสาปจะต้องถูกกำจัด หรือถูกคุมขังเพื่อตรวจสอบ
ทำให้ในช่วง ปีที่ 2 และ 3 ของยุครุ่งอรุณ ประเทศเกาะได้กำจัดผู้ต้องสาปไปจำนวนมาก
ไม่มีข่าวระบุจำนวนอย่างเจาะจง แต่จากที่คนภายนอกคาดเดาอาจมีมากกว่า 1 แสนคนที่ถูกสังหาร ซึ่งเป็นการฆ่าล้างคนในชาติจำนวนมหาศาลครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีบันทึกไว้
รัฐบาลประเทศเกาะถือว่าการสังหารผู้ต้องสาปครั้งนั้น เป็นบาปที่พวกเขาจะต้องปกปิด
สำหรับผู้ต้องสาปที่ถูกปลุกด้วยความเชื่อที่ดี พวกเขาจะได้รับการฝึกอย่างดีจากรัฐบาลให้เป็นผู้บ่มเพาะองเมียวจิ พวกเขาได้รับการปฏิบัติที่ดีมาก พวกเขาถือว่าเป็นชนชั้นสูงของประทศเกาะเลยก็ว่าได้
เขาเคยพบผู้บ่มเพาะองเมียวจิหลายคน แต่ละคนจะมีผู้เชื่อติดตามจำนวนมาก ผู้บ่มเพาะองเมียวจิส่วนมากจะก่อตั้งสำนัก หรือนิกายของตัวเองขึ้นมา เพื่อหาผู้เชื่อเข้ามานับถือความเชื่อของตัวเอง
นิกายของประเทศเกาะเกือบครึ่งจะต้องมีผู้บ่มเพาะองเมียวจิเป็นศาสดา
ผู้บ่มเพาะองเมียวจิและผู้ต้องศาป แม้ว่าทั้งสองจะปลุกความเชื่อเหมือนกัน แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฝ่ายหนึ่งได้รับการเชิดชู อีกฝ่ายถูกตามล่าสังหารไม่มีที่จะอยู่
เวลาผ่านไปหลายปีจำนวนผู้ต้องสาปลดลงหรือหายไปจนหมด ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสาปมีน้อยมาก ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่รู้ว่าพวกมันคืออะไร
จิวโมไป๋คิดถึงตรงนี้เขาก็เข้าใจบางอย่าง การปกปิดข้อมูลภารกิจไม่ใช้เพราะเกี่ยวข้องกับนิกายฝันนิรันดร์เพียงอย่างเดียว พวกมันเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสาปด้วย
ผู้ต้องสาปถือว่าเป็นบาปของประเทศเกาะ ที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนนอกรู้ได้…
“คนหล่อ ไม่เห็นต้องโหดร้ายอย่างนั้นเลย”ปีศาจแมงมุมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสน่ห์ ลิ้นยาวแลบไปตามริมฝีปาก แต่ดวงตาทั้ง 6 มองตรงไปยังจิวโมไป๋ทำให้ผู้คนขนลุกชัน
จิวโมไป๋ขยับพลองเหล็กจะรีบจัดการปีศาจแมงมุม แต่ก่อนที่เขาจะขยับ
“อย่าเสียเวลา ท่านเทพได้บอกให้พวกเขาฆ่าพวกมันให้หมด ก่อนที่จะมีกำลังเสริมมาที่นี่”เสียงโหดเหี้ยมดังขึ้น พร้อมกับร่างของเทนงูร่างกำยำเต็มไปด้วยพลัง สูง 3 เมตรปรากฎขึ้นจากความว่างเปล่า ในมือของมันถือคฑาขักขระสีทองยาว 4 เมตร ห่วงทองบนคฑาส่งเสียงกระทบกันแผ่วเบา คล้ายบทสวด พลังกดดันที่แผ่ออกจากร่างของมันทำให้ใบหน้าของ จิวโมไป๋และพี่น้องนาคามูระเปลี่ยนไป
ขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลาย!
โดยไม่ต้องพูดอะไรกัน พวกเขาทั้งสามเร่งเร้าพลังทั้งหมดออกมาพร้อมกัน
พลังกดดันอันมหาศาลของพวกเขาพุ่งปะทะกับพลังกดดันของเทนงูจนเกิดสายลมกรรโชกอย่างรุนแรงพันผ่านอาคารสูง จนเกิดการสั่นสะเทือน
เทนงูกระพือปีกสีขาวกว้างกว่า 6 เมตร ลงมาอย่างช้าๆ ท่าทางของมันราวกับเทพที่มาเยือนมนุษย์ ก่อนที่มันจะโบกคฑาขักขระสีทองในมือ สายลมก็หยุดกรรโชกก็ลงก่อนที่มันจะม้วนตัวรวมเข้าหาหันกลายเป็นเคียวสายลมนับร้อบฟาดฟันลงมาอย่างดุร้าย!
—
อีก 1 ตอน
มีอะไรก็สามารถติชม แสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ
1 ความคิดเห็นเท่ากับ 1 กำลังใจ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ^ ^