ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 339
ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 339
ศาลาเทพเจ้า
โดย
หุ่นไล่กา
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ที่สามารถจัดการคาราสุเทนงูได้เสียที พี่น้องนาคามูระมองจิวโมไป๋ด้วยความตกใจ นาคามูระ คิยูมิลังเลเล็กน้อยก่อนจะถาม
“นายเป็นนักบวชเต๋า?”
จิวโมไป๋นิ่งไปเล็กน้อย ไม่นานเขาก็นึกออก นักบวชเต๋าที่เด็กสาวพูดถึงคือนักเวทย์ของประเทศมังกร มันก็เหมือนกับองเมียวจิ ที่เป็นนักเวทย์ของประเทศเกาะ พวกเขามีลักษณะการใช้พลังคล้ายนักเวทย์ของทวีปตะวันตก แต่จะแตกต่างตรงที่ พวกเขาจะไม่ใช้วงแหวนเวทย์ แต่พวกเขาจะใช้ยันต์เป็นสื่อกลาง
นักบวชเต๋าและองเมียวจิ จะมีลักษณะการใช้ยันต์อาคมภายนอกดูคล้ายกัน แต่ภายในจะไม่เหมือนกันเลย พวกมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะการสืบทอดวิชาที่ส่งต่อมาแตกต่างกัน
สำหรับการใช้ยันต์ของเขามาจาก หนึ่งในอาชีพของผู้บ่มเพาะพลังวิญญาณในเส้นทางปรมาจารย์
ปรมาจารย์อาคม
ปรมาจารย์อาคมถือว่าเป็นต้นกำเนิดของเส้นทางวิชาการใช้ยันต์อาคม
พูดได้ว่านักบวชเต๋าและองเมียวจิ เป็นปลายสายของปรมาจารย์อาคมก็ว่าได้
“ใช่”จิวโมไป๋โกหกด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนสี
นาคามูระ คิยูมิพยักหน้า เธอไม่ถามต่อ ใบหน้าของเธอบึ้งตึงเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ เธอเป็นองเมียวจิก็จริง แต่เธอยังไม่สามารถใช้ยันต์อาคมได้ เพราะเธอยังถึงขั้นที่ 6 โลหิต เธอยังไม่ก่อตัวตำหนักยุทธ ทำให้เธอใช้ยันต์อาคมไม่ได้
เมื่อเธอเห็นจิวโมไป๋ใช้ยันต์อาคมกำจัดคาราสุเทนงูอย่างง่ายดาย ความปราถนาที่จะเป็นองเมียวจิของเธอจึงลุกโชนขึ้นใหม่ หลังจากที่เธอลังเลว่าจะเดินไปในเส้นทางดาบหรือองเมียวจิอยู่นาน
จิวโมไป๋ไม่รู้เลยว่าเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิด 1 ใน 10 ปรมาจารย์อาคมในอนาคต
จิวโมไป๋เข้าช่วยนาคามูระ อิโทซะทำความสะอาดบาดแผล พวกเขามีอุปกรณ์ประถมพยาบาลชุดเล็กติดอยู่ในชุดคลุม
นาคามูระ คิยูมิ ทำความสะอาดบาดแผลด้วยตัวเอง ไม่ให้ใครช่วย
เวลาผ่านไปเล็กน้อย เมื่อพวกเขาก็ทำแผลเสร็จ ร่างกายก็ฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อย
“เราจะทำอะไรกันต่อ”จิวโมไป๋พูดขึ้น
สองพี่น้องมองหน้ากัน ก่อนจะมองไปที่จิวโมไป๋พร้อมกัน
จิวโมไป๋สูดลมหายใจ ก่อนจะมองขึ้นไปที่ศาจเจ้า จิตสัมผัสของเขาค้นพบความผิดปกติจาก ศาลาหลักของศาลเจ้าได้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจทันที
“พวกเราเข้าไปสำรวจด้านในก่อน หลังจากนั้นพวกเราก็ช่วยกันหาทางออกจากที่นี่”จิวโมไป๋แสดงความเห็นของตัวเองออกมา
สองพี่น้องพยักหน้าเห็นด้วย พวกเราก็คิดว่าไม่สามารถหนีออกไปได้ง่ายๆ เสียเวลาตรวจสอบเพิ่มไม่กี่นาที ก็ไม่ต่างกันนัก
พวกเขาก็สงสัยเหมือนกันว่าผู้ต้องสาปกำลังปกป้องอะไรอยู่
จิวโมไป๋ลุกขึ้นปัดร่างกาย ก่อนจะเดินนำเข้าไปในศาจเจ้า เมื่อผ่านประตูหน้าเข้าไป ความรู้สึกสุขสงบแลนไปตามร่างกาย สมองพลันรู้สึกโล่งสบายอย่างน่าประหลาดใจ
จิวโมไป๋ตื่นตัวทันที มองสองพี่น้องทาคามูระ ทั้งสองหลงเคลิบเคลิ้มไปเล็กน้อย ก่อนที่พวกเขาจะได้สติ พวกเขาสะบัดหัวก่อนจะมองไปรอบๆด้วยสายตาจริงจัง
พวกเขามองซ้ายมองขวา แต่ไม่เดินไปตรวจสอบ ใช้แค่สายตามองคร่าวๆ และเดินตรงไปยังศาลาเทพเจ้าที่อยู่ตรงกลาง
ระหว่างทางพวกเขาก็พบรูปปั้นจิโซตัวเล็กสูง 1.2 เมตร ตั้งเรียงรายเป็นแถวสองข้างกว่า 20 ตัว บรรยากาศในตอนกลางคืนทำให้รูปปั้นจิโซดูน่ากลัวกว่าปกติ
จิวโมไป๋ขมวดคิ้วใช้จิตสัมผัสตรวจสอบก็ไม่พออะไร เขาถอนหายใจเล็กน้อยกับความสามารถในการปกปิดของวิญญาณซ่อนหา มันแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้
พวกเขาเดินมาถึงศาลาเทพเจ้า ด้านหน้ามีรูปปั้นทองแดงของผู้พิทักษ์ประตูซ้ายและขวาสูง 5 เมตรตั้งอยู่
พวกเขาเดินไปอยู่หน้าประตูไม้สีแดงสูง 15 เมตร พวกเขาตรวจสอบก็พบว่ามันล็อคจากด้านใน พวกเขามองหน้ากันเล็กน้อย จิวโมไป๋ก็ยกคฑาขักขระกระแทกอย่างแรงจนประตูไม้เปิดออก
เมื่อพวกเขาเข้าไปก็พบว่าในศาลาเทพเจ้า มีรูปปั้นเทพเจ้าทองสามรูป สูงประมาณ 8 เมตรตั้งอยู่ด้านในสุด ให้ผู้คนได้เคารพบูชา
กลิ่นธูปอบอวลไปทั่วห้อง แม้จะผ่านช่วงเวลาที่เปิดให้ผู้คนเข้ามาเคารพหลายชั่วโมง
จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างจากรูปปั้นเทพเจ้าตรงกลาง ที่ดูเหมือนจะสูงกว่ารูปปั้นอีกสององค์ที่อยู่ซ้ายขวาเกือบ 20 ซ.ม.
ผิดปกติ!
จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงความผิดปกติจากรูปปั้นตรงกลาง จิวโมไป๋ขมวดคิ้วครุ่นคิดเขาก็จำได้ว่ารูปปั้นเทพเจ้าชายวัยกลางคนเรียกว่าผู้สร้าง รูปปั้นผู้หญิงสาวด้านขวาที่สวมชุดคลุมลายดวงอาทิตย์เรียกว่าเทพีสุริยัน ด้านซ้ายเป็นรูปปั้นชายหนุ่มที่ชุดคลุมมีลวดลายพายุ เทพสายลม
“ออกจากที่นี่กันเถอะ”จิวโมไป๋ไม่อธิบายอะไรมาก แต่นาคามูระ คิยูมิดูเหมือนจะมีประสาทสัมผัสที่แหลมคม เธอค้นพบความผิดปกติของรูปปั้นผู้สร้างได้ เธอเข้าใจความตั้งใจของจิวโมไป๋ เธอจึงพยักหน้า พวกเขาออกจากศาลาเทพเจ้าพร้อมกัน
โดยไม่รู้เลยว่าด้านหลังรูปปั้นผู้สร้าง ปีศาจหิมะที่บาดเจ็บสาหัสได้เดินออกมา เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมามองรูปปั้นผู้สร้าง ทันใดนั้นความเคียดแค้นก็ฉายวับที่ดวงตาไร้ความรู้สึก
เธอยกมือขวาขึ้นกลิ่นอายเย็นยะเยือกปรากฎขึ้นที่มือ ก่อนที่มันจะกลายเป็นหอกน้ำแข็ง ปีศาจหิมะค่อยๆรวบรวมพลังส่งเสริมหอกน้ำแข็งใช้เวลาไม่กี่ชั่วอึดใจ ใบหน้าของปีศาจหิมะก็เริ่มมีรอยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเธอสร้างจากน้ำแข็ง
หอกน้ำแข็งบีบอัดขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหอกน้ำแข็งเงางาม ราวผลงานชิ้นเอก
ปีศาจน้ำแข็งพ้นลมหายใจออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะโยนหอกน้ำแข็งเข้าไปที่หัวของรูปปั้นผู้สร้างอย่างรุนแรง!
ตูม!
หัวของรูปปั้นผู้สร้างเกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ขึ้น!
ปีศาจน้ำแข็งยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก ก่อนที่เธอจะล้มลง
ในเวลาเดียวกันท้องฟ้าที่อยู่ภายในหมู่บ้านวัฒนธรรมก็แตกออกร้าวกับกระจก หมอกสีเทาที่ไหลอยู่บนพื้นก็ค่อยๆหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
อาคารสิ่งก่อสร้างต่างๆของหมู่บ้านวัฒนธรรมกลายเป็นเก่า สกปรก ราวกับอยู่คนละโลกของเมื่อตอนกลางวันอย่างชิ้นเชิง!
จิวโมไป๋และพี่น้องนาคามูระกำลังจะออกจากศาลเจ้า ก็เห็นการแตกของอากาศพร้อมกัน
“นี่…”เสียงของนาคามูระ คิยูมิที่ร้องเรียกทุกคนดูสั่นเทาผิดปกติ ก่อนที่พวกเขาจะหันกลับไป พวกเขาก็ขนลุกไปทั่วร่าง เพราะทางเดินที่พวกเขาพึ่งผ่านมา สองข้างทางเต็มไปด้วยรูปปั้นจิโซนับร้อยรูปมองมายังพวกเขาพร้อมกัน!
—