ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 379
10 วินาทีของผลกระทบ
โดย
หุ่นไล่กา
เมฆสีดำทั่วโลกม้วนตัวราวกับมังกรกำลังแหวกว่าย สายฟ้าสีส้มนับไม่ถ้วนแลบไฟมาบนก้อนเมฆ ถักทอกันราวตาข่ายที่ปกคลุมโลกเอาไว้ เสียงคำรามของสายฟ้าดังกึกก้องจากท้องฟ้า
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างทำอะไรไม่ถูก ไม่ต้องคิดพวกเขาก็รู้ได้ว่า ถ้าสายฟ้าผ่าลงมามันจะเกิดพลังทำลายรุนแรงมหาศาลขนาดไหน!
หลายคนทรุดตัวลงร้องอ้อนวอนสวรรค์ด้วยความกลัว หลายคนวิ่งกลับเข้าไปในอาคาร ไม่กลัวว่ามันจะถล่มลงมา หลายคนไม่รู้ว่าจะหาที่ซ่อนหรือทำอะไรจากสถานการณ์นี้ พวกเขาได้แต่ยืนมองสายฟ้าอันน่ากลัวที่กำลังจะตกลงมา
พวกเขามองดูวาระสุดท้ายของโลก
ตาข่ายสายฟ้ารวบรวมสายฟ้าขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เสียงคำรามจากสายฟ้าดังขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี จนทำให้ห้วงอากาศบิดเบี้ยว
แต่ในตอนนั้นเอง เมฆสีดำทั่วโลกหยุดกึกราวกับถูกจับด้วยมือยักษ์ที่มองไม่เห็น และในเวลาต่อมาแสงสีขาวก็สว่างเจิดจ้าทะลวงผ่านเมฆที่บิดกั้น ลำแสงสีขาวพุ่งทะลุลงมา ก่อนที่มันจะสลายเมฆสีดำอย่างรวดเร็วไม่กี่อึดใจ เมฆดำก็ถูกทำลายจนหมด
ตาข่ายสายฟ้าสีส้มที่ปกคลุมทั่วโลกสูญเสียที่ยึด มันบิดเบี้ยวไปมา ราวกับจะระเบิดออกมา
แสงสีขาวเข้าห่อหุ้มสายฟ้าก่อนที่จะสลายมันจนหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน จากนั้นแสงสีขาวก็ตกลงมาปกคลุมทุกสิ่งด้านล่าง ไม่เว้นแม้แต่ใต้มหาสมุทร
ในเวลาเดียวกันเหล่าผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 9 กำเนิดปราณที่อยู่ทั่วโลก พวกเขากำลังหาเครื่องโดยสาร อยู่ๆร่างของพวกเขาก็ไม่สามารถขยับได้ พวกเขาแข็งค้าง สีหน้าของพวกเขาบดเบี้ยวด้วยหวาดกลัว อำนาจที่มองไม่เห็น พวกเขามองออกไปก็เห็นแสงสีขาวทำลายเมฆดำและตาข่ายสายฟ้า พวกเขาก็อ้าปากค้าง ก่อนที่แสงสีขาวจะลงมาและอาบไปทั่วร่างของพวกเขาโดยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้
ท้องฟ้ากลับมาเป็นปกติ ผู้คนที่กำลังแตกตื่นเหมือนพึ่งตื่นจากความฝัน ผู้คนที่วิ่งลงมาจากตึกยืนงุนงงว่าพวกเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ผู้คนที่นอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆด้วยความอับอาย
เมื่อผู้คนตั้งสติได้ พวกเขาก็ค้นพบความผิดปกติ พวกเขาเห็นว่าคนอื่นๆก็กำลังงุนงงเช่นกัน คนที่อยู่ใกล้กันจับกลุ่มกันถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เหล่าผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 9 กำเนิดปราณได้สติ พวกเขาก็ยืนอึ้ง ความหวาดกลัวแลนขึ้นกลางใจ แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง แม้พวกเขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาได้พบกับอันตรายอันน่าสยองขวัญ
ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 9 กำเนิดปราณที่หวาดกลัว รีบกลับไปสถานที่บ่มเพาะพลังของตัวเองและปิดผนึก ไม่กล้าออกมาอีก
บางคนที่มีความกล้า พวกเขากลับไปที่สำนักหรือตระกูล เพื่อตรวจสอบสถานการว่าเกิดอะไรขึ้น
ความโกลาหลที่เกิดขึ้นทั่วโลก กินเวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น
เกาะโดดเดียว วัดดอกบัว
ชายซอมซ่อสลายข่ายอาคมสีขาวบนผ่ามือ ก่อนจะพ้นลมหายใจยาวออกมา ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อย เขาทิ้งตัวพิงต้นโพธิ์
การยับยั้งของสวรรค์และโลกของมิติแห่งนี้แข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้มาก เขาเพียงแค่ใช้พลังวิญญาณทำลายบทลงโทษแห่งสวรรค์และลบความทรงจำของทุกคนบนโลกเพียงแค่นั้น ก็ถูกกฎแห่งสวรรค์และโลกเข้าตีตราติดตาม ยังดีที่เขาตอบสนองได้ทัน รีบสลัดการติดตาม ทำให้เขาไม่ถูกกฎแห่งสวรรค์และโลกจับได้
ชายซ่อมซอสูดลมหายใจช้าๆ ใบหน้าของเขาค่อยๆกลับมาเหมือนเดิม เขาใช้จิตสัมผัสมองไปยังจิวโมไป๋ เขาไม่สนใจผลึกกรรมชั่วที่จิวโมไป๋หยิบออกมาแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่เกิดความสงสัยเล็กน้อย ว่าจิวโมไป๋มีความลับอะไรในร่างกันแน่
กฎแห่งเวลา เมื่อครั้งก่อนก็น่าตกใจแล้ว ครั้งนี้อยู่ๆก็มีผลึกกรรมชั่วปรากฏขึ้นอย่างไร้ที่มาอีก
ความลับในร่างของจิวโมไป๋มันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
ชายซอมซ่อถอนจิตสัมผัสกลับ แม้ว่าความลับของจิวโมไป๋จะน่าประหลาดใจ แต่สำหรับเขาแล้ว มันเป็นเพียงความตื่นเต้นฆ่าเวลาอันน่าเบื่อเท่านั้น
10 วินาทีก่อนหน้านั้น สำนักดาบสายฟ้าคำรณ
จิวโมไป๋ที่หยิบผลึกกรรมชั่วออกมาด้วยความตื่นเต้น ในชั่วพริบตานั้นขนทั่วร่างของเขาพลันลุกซู เหมือนตกอยู่ในสระน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ สัมผัสห้วงมรณะในร่างกรีดร้องตะโกนออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
กลิ่นอายแห่งความตายคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ใกล้จะถึงร่างของเขาแล้ว
ในเสี้ยววินาทีนั้นเองจิวโมไป๋เก็บผลึกกรรมชั่วในทะเลสติทันที
เกิดความเงียบขึ้น
กลิ่นอายแห่งความตายค่อยๆถอยกลับไปอย่างเชื่องช้าแต่ไม่จากไปในทันที มันยังวนเวียนอยู่รอบๆ
จิวโมไป๋พ้นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่เขายังไม่วางใจ เขายังสัมผัสได้ถึงอันตรายอยู่ จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสมองออกไปด้านนอก ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
ท้องฟ้าเบื้องบนปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ สายฟ้าสีส้มถักทอราวตาข่าย มันพร้อมที่จะตกลงมาได้ทุกเมื่อ และเขารับรู้ได้ทันทีว่ามันจะผ่าลงมายังที่เขาอยู่
ใบหน้าของจิวโมไป๋บิดเบี้ยว เขาเอาผลึกกรรมชั่วออกมา แค่ไม่ถึง 2 วินาที มันเกิดอะไรขึ้น!
วูบ! พลังกดดันอันทรงพลังแผ่ขยายมายังที่พัก จิตสัมผัสของเขาตอบสนอง แผ่ขยายออกไปก็พบชายชราผมขาวในเสื้อผ้าสกปรกเล็กน้อย ในมือถือดาบคาตานะที่ยาวกว่าปกติ เขากวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะหยุดกึกที่บ้านพักของจิวโมไป๋ ก่อนที่พลังกดดันอันรุนแรงจะโถมเข้ามาราวคลื่นถล่ม
ลมหายใจของจิวโมไป๋พลันติดขัด ม่านพลังวิญญาณที่ปกคลุมอยู่พลันแตกกระจาย ร่างของเขาทรุดลงที่พื้นอย่างแรง!
ขั้นที่ 9 กำเนิดปราณ!
บัดซบ! ผู้แข็งแกร่งขนาดนี้มาที่นี่ได้ยังไง
จิวโมไป๋ไม่ต้องคิดนาน เขาก็คาดเดาตัวตนของชายชราผมขาวได้ เขาจะต้องเป็นบรรพบุรุษของสำนักดาบสายฟ้าคำรณ เขาอาจจะถูกผลึกกรรมชั่วดึงดูดมาที่นี่ หรือเข้าใจผิดคิดว่าเมฆด้านบนเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ และคิดว่าสมบัติถือกำเนิดขึ้น
แต่ไม่ว่าทางไหน เขาก็ตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี!
จิวโมไป๋ฝืนลุกขึ้น แต่เพราะสายเลือดมังกรถูกผนึก ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงมาอยู่ระดับผู้บ่มเพาะร่างกายระดับสูง ที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 โลหิตเท่านั้น ทำให้เขาไม่สามารถต้านทานพลังกดดันของชายชราผมขาวที่เป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 9 กำเนิดปราณได้เลย!
สมองของจิวโมไป๋หมุนเร็วจี๋เพื่อหาทางรอด เขาเปิดแหวนมิติเก็บของเตรียมพร้อมที่จะหยิบยันต์ที่เหลือออกมา
แต่ในตอนนั้นเอง
คลื่นพลังสีทองขาวพุ่งออกมาจากที่พักของเจ้าอาวาสหงหมิงสลัดพลังกดดันของชายชราผมขาว และในพริบตาต่อมาเจ้าอาวาสหงหมิงก็ปรากฏตัวขึ้นขวางอยู่หน้าบ้านพักของจิวโมไป๋
“อมิตราพุธ โยมเป็นใคร?”เจ้าอาวาสถามด้วยเสียงอ่อนโยน แต่พลังสีทองขาวที่แฝงไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ชายชราผมขาวขมวดคิ้ว ดวงตาคมกริบราวกับคมดาบกวาดไปยังเจ้าอาวาสหงหมิง เขาสังเกตการแต่งตัวของเจ้าอาวาสหงหมิง ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
“ข้าเป็นใคร ทำไมต้องบอกคนนอกอย่างเจ้าด้วย!”พลังกดดันอันแหลมคมแผ่พุ่งออกมาอย่างรุนแรง
สีหน้าของเจ้าอาวาสหงหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะตบผ่ามือออกไป พลังงานสีทองบีบอัดก่อนจะขยายออกเป็นฝ่ามือทองขนาดใหญ่
ในชั่วพริบตานั้นเอง คมดาบไร้ที่มาก็ฟันเข้าปะทะกับฝ่ามือทองพอดี
เปรี้ยง! คลื่นพลังอันน่ากลัวกระจายออกโดยรอบ พื้นดินเบื้องล่างแตกร้าวและขยายออกเป็นวงกว้าง
ชายชราผมขาวและเจ้าอาวาสหงหมิงมองสบตากัน โดยไม่หลบเลี่ยง พวกเขาเตรียมจะออกกระบวนท่าโจมตีต่อ
อยู่ๆร่างของชายชราผมขาวก็หยุดกึก ราวกับหุ่นที่ปิดสวิตช์ ทำได้เพียงยืนนิ่งไม่สามารถขยับได้
ใบหน้าของชายชราผมขาวเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เขาจะอ้าปากพูด แต่ก็ไม่สามารถเปิดปากได้
เจ้าอาวาสหงหมิงยืนมองด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ก่อนที่แสงสีขาวจะสาดลงมา พวกเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นลำแสงสีขาวทำลายเมฆดำและสายตาข่ายสายฟ้า ก่อนที่แสงสีขาวจะตกลงมาโดยที่ไม่สามารถหลบหนีไปได้ แสงสีขาวปกคลุมโดยรอบ
เพียงอึดใจเดียวแสงสีขาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเขาทั้งสองก็ได้สติ
เจ้าอาวาสหงหมิงมองไปรอบๆ คิ้วขมวดแน่น เขาไม่รู้ว่าตัวเองออกมาข้างนอกได้ยังไง
ชายชราผมขาวนิ่งไปเล็กน้อย ความหวาดกลัวจากอะไรบางอย่างยังทิ้งร่องรอยอยู่ในใจ เขาข่มความกลัวลง เมื่อเห็นเจ้าอาวาสหงหมิงที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามและบนพื้นมีร่องรอยต่อสู้ เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของตัวเอง
สีหน้าของชายชราผมขาวพลันเปลี่ยนไป ความคิดบางอย่างก็เกิดขึ้น
ฉันกำลังต่อสู้กับพระหัวโล้นตรงหน้าอย่างนั้นเหรอ?
—
จะหยิบออกมาอีกต้องระวังหน่อยนะ ฮ่าๆ