ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 491 การเกิดใหม่ถูกเปิดเผย!
จิวโมไป๋และคนอื่นๆออกจากเหมืองตระกูลจิง กลับไปถึงโรงแรมIL พวกเขาแยกย้ายกันขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง และเก็บหยกทั้งหมดที่ได้จากการพนันหินหยกลงในตู้เซฟ ที่โรงแรมเตรียมเอาไว้ให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เนี่ยฟูหานก็เข้ามาพาพวกเขาไปข้างนอก
ลู่หว่านอยู่โรงแรมไม่ออกไปด้วย ฟงอี้เฟยผิดหวังเล็กน้อย
เนี่ยฟูหานเป็นไกด์ พาพวกเขาไปสถานทีท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเทียนจิง เขาอยู่เมืองเทียนจิงมาหนึ่งสัปดาห์ เขาจึงรู้จักสถานที่น่าสนุกหลายแห่ง
แม้ว่าเมืองเทียนจิงจะโดดเด่นเรื่องเหมืองหยก แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งบันเทิงครบครัน อาจเพราะรายได้ของชาวพื้นเมืองสูงกว่าเมืองโดยรอบ และพื้นที่กว้างขวาง เนื่องจากเหมืองโดยรอบถูกขุดและขยายออกไป ทำให้นักลงทุนรวมถึงตระกูลจิงลงทุนในการท่องเที่ยวต่างๆ พื้นที่ของเมืองขยายขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เมืองเทียนจิงกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ และกลายเป็นสถานที่ในการเข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนของผู้คนเขตนี้
พวกเขาเที่ยวเล่นกันจนถึงเย็น ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม พวกเขาจึงแวะทานอาหาร จากร้านอาหารข้างทาง แม้จะเป็นอาหารริมถนน แต่คุณภาพก็สูง พร้อมกับราคาที่สูงตามด้วย
พวกเขาทั้ง 4 คน รวมอาอี้ที่เป็นบอดี้การ์ดและเป็นคนขับรถ ทานอาหารด้วยกัน
จิวโมไป๋ทานอาหารและลอบใช้จิตสัมผัส ขยายออกไปโดยรอบ เขาก็เห็นชายชุดดำที่ลอบติดตามพวกเขาตั้งแต่ออกจากโรงแรมIL เขาไม่แปลกใจนัก ที่ตระกูลจิงจะส่งคมมาตามพวกเขา เพราะพวกเขาทำให้ชื่อเสียงของตระกูลจิงเสียหาย แต่ที่น่าแปลกคือ ชายชุดดำที่ติดตามพวกเขา จะรายงานเกี่ยวกับพวกเขาทุกๆ 5 นาที
ซึ่งมันต่างจากการลอบติดตามปกติ เขาจึงอดไม่ได้ ที่จะสงสัยว่าตระกูลจิง กำลังจะทำอะไรบางอย่าง
แต่เขาไม่กังวลนัก เพราะเขาไม่คิดว่าตระกูลจิง จะกล้าส่งคน มาลอบสังหารอีก เพราะเขาพึ่งถูกโจมตีไม่นาน ถ้ามีการลอบสังหารเกิดขึ้นอีกครั้ง ในเวลาติดๆกัน มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที แม้ตระกูลจิงจะมีรากฐานมั่นคงในประเทศมังกรเพียงใด ก็ไม่สามารถหาข้อแก้ตัวได้เลย
หลังทานอาหารเสร็จ เนี่ยฟูหานก็ชวนพวกเขาไปเที่ยวกลางคืน จิวโมไป๋ปฏิเสธ และกลับโรงแรมกับฟงอี้เฟย ทิ้งให้เนี่ยฟูหานกับอาอี้เที่ยวกลางคืนกันสองคน
ก่อนแยกจากกัน เขาลอบใส่ยันต์แผ่นหนึ่งในกระเป๋าสะพานของอาอี้โดยไม่รู้ตัว
จิวโมไป๋และฟงอี้เฟยกลับโรงแรมIL พวกเขาก็แยกกันเข้าห้องของตัวเอง
จิวโมไป๋เปิดประตูเข้าห้องตัวเอง เขาก็พบว่าไฟเปิดอยู่ เขาชะงักกึก เขาจำได้ว่าปิดไฟทุกดวงก่อนออกจากห้องแล้ว
เสียงรายการทีวีดังขึ้น เขามองเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ไปยังโซฟา เขาก็เห็นร่างของหญิงสาวผอมเพรียว กำลังนั่งเหยียดขายาวอย่างสะบายอารมณ์บนโซฟา หญิงสาวใส่เสื้อยืดสีเทาทับด้วยเสื้อคลุมกันหนาวสีดำ กางเกงขายาวถึงข้อเท้าสีน้ำตาลอ่อน ในมือซ้ายกำลังหยิบขนมในถ้วยขึ้นมากิน ท่าทางของเธอเหมือนกับอยู่ในห้องของตัวเอง
หญิงสาวได้ยินเสียงเปิดประตู ก็หันมายังจิวโมไป๋ ดวงตาคู่งามเป็นประกายลึกลับ เธอยกมุมปากยิ้มออกมาและ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวสายลมฤดูร้อน แต่มันทำให้จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่น
“กลับมาแล้วเหรอ?”
จิวโมไป๋ซ่อนความตกใจ แกล้งตีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจสั่นระริกอย่างไม่อาจห้าม เขารู้นิสัยของอาจารย์สาว ถ้าเธอปรากฏตัวโดยไม่ปลอมตัว เธอจะต้องมีความมั่นใจบางอย่าง ถึงกล้าเข้าหาเขาอย่างนี้
มีความเป็นไปได้ไม่กี่อย่าง เขาคิดว่าหญิงสาว จะต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับความลับที่เขาเก็บไว้
ความลับที่หญิงสาวค้นพบคืออะไร?
จิวโมไป๋ครุ่นคิดด้วยความเร็วจี๋ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวันที่พบกัน เธอจะต้องไปสืบหา ว่าเขาได้เป็นศิษย์ของคนในสำนักเดียวกับเธอหรือเปล่า ซึ่งอาจารย์สาวจะไม่มีทางหาเจอ เพราะเขาฝึกจากเธอในอดีต เขาไม่เคยพบกับคนในสำนักเดียวกับอาจารย์สาวคนอื่นๆเลยสักคนเดียว
จากนิสัยของอาจารย์ของเขา เมื่อเธอไม่สามารถหาการเชื่อมโยงได้ว่า เขาได้รับวิชาปลอมตัวมาจากไหน เธอจะระวัง ไม่เข้าหาเขาอย่างนี้แน่
จิวโมไป๋คิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าเธอรู้อะไร
ลู่หว่านมองจิวโมไป๋ เมื่อเห็นท่าทางของจิวโมไป๋ ดวงตาคู่งามก็ทอประกาย เธอยกรอยยิ้ม ก่อนจะกล่าว
“แปลกนะ ปกติแล้ว ถ้าพบคนในห้องของตัวเอง ต้องแสดงท่าทางอะไรบางอย่างออกมาบ้าง แม้ว่าฉันจะเป็นญาติของเพื่อนของนายก็ตาม การแสดงออกของนายมันผิดปกติเกินไป มีความเป็นไปได้ว่า…”ลู่หว่านกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินเข้าหาจิวโมไป๋อย่างช้าๆ จนมายืนตรงหน้าของเขา ดวงตาคู่งามมองขึ้นมาสบกับดวงตาของจิวโมไป๋
“พวกเราต้องเคยพบกันหลายครั้ง และได้มีเวลารวมกันมานาน จนเกิดความเคยชิน”
จิวโมไป๋ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ลู่หว่านก้าวตาม เขาถอยจนไปติดกับประตู ลู่หว่านก้าวมาอีกหนึ่งก้าว แผ่นหลังของเขาผลักประตูที่เปิดทิ้งไว้ ลู่หว่านเดินมาหยุดตรงหน้า ยกมือขึ้นมากดที่อกของจิวโมไป๋และผลัก ให้แผ่นหลังดันปิดประตู หญิงสาวยิ้มอย่างดงามและกล่าวสิ่งที่ทำให้จิวโมไป๋ต้องตกตะลึง
“นายได้ย้อนเวลากลับมาใช่ไหม?”
จิวโมไป๋นิ่งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง มองหญิงสาวตรงหน้า