ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 509 จบการต่อสู้
แสงสีทองเจิดจ้าหายไป มองผ่านเมฆดำที่แยกออกเป็นสองส่วน ดวงจันทร์บนท้องฟ้าท่ามกลางดวงดาว ส่องแสงสว่างทะลุผ่านช่องว่างลงมาเป็นลำแสงสีเหลืองนวล ฝนตรงนั้นหยุดตกเพียงที่เดียว อีกสองด้านฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด ทำให้เกิดภาพอันน่าอัศจรรย์
จิวโมไป๋เพ่งจิตสัมผัสออกไป ก็พบว่าการต่อสู้จบลงแล้ว จิตสัมผัสขยายไปถึงพื้นที่ต่อสู้เขาก็ต้องตกตะลึง บนพื้นดินที่เคยเป็นถนน 8 เลน แยกออกเป็นสองส่วนราวกับถูกมีดยักษ์ตัด ขนานไปกับรอยแยกของเมฆบนท้องฟ้า รอยแยกยาวกว่าร้อยเมตร ลึกกว่าสิบเมตร ทำให้แผนภูมิของเมืองถูกแบ่งเป็นสองส่วน ถ้าไม่ถมรอยแยก มันจะกลายเป็นแม่น้ำสายใหม่ใจกลางเมือง
ใต้รอยแยกรถและสิ่งก่อสร้างที่เคยอยู่บนถนน ถูกบดขยี้อยู่ในหลุม ตรงกลางรอยแยกร่างของชายชุดดำเต็มนอนจมลงไปในเศษซากหินและดิน ท่อนบนที่โผล่ออกมา เห็นแขนสองข้างถูกตัดด้วน กลางลำตัวเต็มไปด้วยบาดแผลลึก จนเห็นกระดูกที่แตกละเอียด เลือดสีดำม่วงแห้งเกรอะกังทั่วร่าง ดวงตาปิดสนิท ร่างกายไม่ขยับเขยื้อน
ถ้าไม่มีเห็นลมหายใจอันแผ่วเบา ที่อ่อนแรงลงทุกขณะ ก็คงไม่มีใครคิดว่า ชายชุดดำจะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ถ้าไม่รีบรักษา เขาจะต้องตายในอีกไม่กี่นาที
รอบๆร่างของชายชุดดำ ใบไผ่สีทองนับพันปักตามขอบรอยแยก กลายเป็นทุ่งไผ่ใบสีทอง
อีกด้านหนึ่งหญิงวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงิน นั่งชันเข่า มือขวาจับด้ามดาบ แทงลงค้ำยันกับพื้น ด้านหน้าดาบ มีรอยดาบลากยาวสิบเมตร ใบหน้าของเธอซีดเผือด อ่อนแรง เธอมองรอยแยกลึกตรงหน้าร่างกายของเธอก็สั่นเทา
เธอเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ชีพจรกลาง ความแข็งแกร่งของเธออยู่อันดับต้นๆของเขตใต้ เธอจึงมีโอกาส ได้เห็นการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งระดับบนของโลกมากมาย แต่เธอไม่เคยเห็นการโจมตีอันทรงพลังราวกับจะตัดโลกทั้งใบเช่นนี้มาก่อน!
แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 9 ก็ไม่มีกระบวนท่าอันทรงพลังระดับนี้!
โชคดีที่เธอตัดสินใจ ต้านคลื่นพลังที่เกิดจากการโจมตี อยู่ด้านข้าง ไม่เข้าไปรับตรงๆ ไม่อย่างนั้นร่างของเธอจะต้องถูกตัดเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน
ฟงอี้เฟยค่อยๆโผล่ร่างออกจาก ด้านหลังซากอาคารที่เคยเป็นตึกสูง เขามองรอยแยกด้วยความหวาดกลัว
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบชายชุดดำ ในตอนนั้นเอง จิตสัมผัสเหมือนถูกกระตุ้นด้วยพลังลึกลับในร่างของเขา ก่อนที่จิตสัมผัสจะมองเห็นกลุ่มพลังงานสีดำอันชั่วร้ายขนาดใหญ่ ในร่างของชายชุดดำ
กรรมชั่วสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวเพลิงไฟถูกพายุพัด ก่อนที่เหนือร่างของชายชุดดำ จะมีแสงสีทองเจิดจ้าแฝงไปด้วยความรู้สึกมงคลศักดิ์สิทธิ์ แสงสีทองสว่างขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกันกรรมชั่วก็ค่อยๆอ่อนแอลง จนกระทั้งสีของมันกลายเป็นสีเทาไร้พลัง แต่ขนาดของมันยังคงเท่าเดิม
แสงสีทองหมุนวนกลายเป็นลูกพลังงาน ก่อนจะพุ่งไปหาร่างของลู่หว่านที่ยืนอยู่หน้ารอยแยกดาบ
ลูกพลังงานเข้าไปในร่างของลู่หว่าน โดยที่ไม่มีการต่อต้าน ก่อนที่บุญดีสีทองในร่างของลู่หว่านจะเปล่งประกาย และขยายตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งในสิบจากผลบุญเดิม ก่อนที่แสงแห่งบุญจะค่อยๆหายไป
กระบวนการทั้งหมด ไม่มีใครเห็นนอกจากจิวโมไป๋
จิวโมไป๋มองลู่หว่านด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เขาไม่มีความอิจฉาเลยแม้แต่น้อย อาจารย์สาวของเขาทำความดีสังหารคนชั่ว เธอจะได้รับบุญดี ก็ไม่แปลก
แม้ว่าชายชุดดำจะไม่ตาย แต่ร่างกายพิการไม่สามารถฟื้นฟูได้ ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป ทำให้ลู่หว่านได้รับบุญดีจากการกำจัด หนทางทำชั่วของชายชุดดำ
ลู่หว่านที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง เธอโบกต้นไผ่สีทอง ใบไผ่สีทองที่กระจัดกระจายบนพื้น ลอยขึ้นและพุ่งกลับไปที่กิ่งไผ่และติดลงไปที่เดิม
“คุณ… หยุดได้แล้ว! การต่อสู้ของคุณ มันสร้างความเสียหายให้กับที่นี่มากไปแล้ว!”หญิงวัยกลางคนลุกขึ้นยืน มองลู่หว่านด้วยความเกรงกลัว การโจมตีเมื่อครู่มันสร้างความกลัวให้กับเธอ แต่เธอต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เธอไม่สามารถปล่อยให้เกิดความสูญเสียมากไปกว่านี้
ลู่หว่านในร่างหญิงวัยกลางคน เหลือบตามอง ก่อนจะหันหน้ากลับ เธอกระแทกต้นไผ่สีทองลงพื้น ก่อนที่รากของมันจะแทงออกและเจาะลงพื้น
หญิงวัยกลางคนยกดาบขึ้นด้วยความตกใจ
ลู่หว่านล้วงมือไปที่อกเสื้อ ไม่นานก็ดึงออก ในมือมีหินกำเนิดปราณนับสิบก้อน เธอปล่อยหินกำเนิดปราณลงพื้น และหลับตาตั้งสมาธิ พื้นดินค่อยๆหยุดสั่นสะเทือน เมื่อรากยึดเกาะพื้นอย่างมันคง เธอก็ลืมตาขึ้น กฎแห่งธาตุไม้สีเขียวเข้มก็ระเบิดออกอย่างรุนแรง หินกำเนิดปราณสองแสงสีเขียวก่อนที่สีของมันจะอ่อนลงอย่างรวดเร็ว
พลังงานสีเขียวเข้มไหลไปรวมที่ต้นไผ่สีทอง ใบไผ่ทุกใบกลางออก พลังงานอันบริสุทธิ์ส่องแสงเจิดจ้า ในตอนนั้นเองบรรยากาศก็เปลี่ยนไป จากมืดหมดกลายเป็นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
ลู่หว่านจับที่ต้นไผสีทอง พลังงานสีเขียวเข้มพลันขยายออกเป็นวงกว้าง ในพริบตาก็ปกคลุมพื้นที่ไปกว่า 300 เมตร ครอบคลุมพื้นที่การต่อสู้ทั้งหมด
หญิงวัยกลางคนเบิกตากว้าง กำดาบแน่น แสงสีเขียวอาบร่างกาย ความเหนื่อยล้าบนร่างของค่อยๆลดลง
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือผู้ที่ถูกฝังในอาคาร และยังมีชีวิตอยู่ เมื่อถูกแสงสีเขียวอาบร่าง ความเจ็บปวดค่อยๆลดลง บาดแผลสมานตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถยืดชีวิตไปได้อีกพักใหญ่
1 นาทีต่อมา พลังงานก็หมดลง หินกำเนิดปราณบนพื้นแตกสลาย แสงสีเขียวบนต้นไผสีทองหายไป
ลู่หว่านสูดลมหายใจลึกๆ ใบหน้าของเธอขาวซีด อ่อนแรงอย่างมาก เธอประคองร่างเอาไว้ ก่อนจะเก็บอวตารต้นไผ่สีทองกลับเขาตำหนักยุทธิ์