ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 610 ผู้รีวิวที่เหมาะสมที่สุด / ตอนที่ 611 คุณเขียนธีสิสฉบับนี้? (1)
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 610 ผู้รีวิวที่เหมาะสมที่สุด / ตอนที่ 611 คุณเขียนธีสิสฉบับนี้? (1)
ตอนที่ 610 ผู้รีวิวที่เหมาะสมที่สุด
พรินซ์ตัน
ออฟฟิศในสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง
เหว่ยเหวินนั่งมองดูกระดาษร่างอยู่ที่โต๊ะ
ประมาณปี 2019 หลังจากลู่โจวออกจากพรินซ์ตัน เขาแนะนำให้เหว่ยเหวินศึกษาฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์ภายใต้ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ด วิทเทน
ตอนแรกเหว่ยเหวินตื่นเต้นที่จะได้เรียนปริญญาเอกภายใต้ศาสตราจารย์วิทเทน
ใครก็ตามที่อยู่ในสาขาฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์หรือใครที่รู้เรื่องฟิสิกส์เชิงคณิตศาสตร์ก็เคยได้ยินชื่อวิทเทนมาก่อน
แต่การเรียนปริญญาเอกภายใต้คนเบอร์ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างเห็นได้ชัด ความตื่นเต้นของเขานั้นยั่งยืนไม่นาน และอีกสักพัก เขาเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดัน
เพราะว่าวิทเทนไปที่เซิร์นเป็นประจำ เขาจะอยู่ที่พรินซ์ตันแค่หนึ่งในสามของเวลาที่มี เหว่ยเหวินต้องเจออุปสรรคด้านวิชาการคนเดียวเกือบตลอดเวลา
หลังจากเหว่ยเหวินถูกรับเป็นนักศึกษาของศาสตราจารย์วิทเทน เขาก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมหลัวเหวินซ่วนถึงใช้เวลานานถึงจะเรียนจบ เขาก็ค้นพบว่าศาสตราจารย์ลู่ใส่ใจเขามากแค่ไหน
ถึงแม้ว่าเขาจะเรียนจบมาปีกว่าแล้ว ลู่โจวยังช่วยเขาแก้ปัญหา
หรือไม่ก็ช่วยหาคนที่สามารถแก้ปัญหาได้ให้เขา…
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเดินถือกาแฟสองแก้วมาหาเขา เขาวางแก้วหนึ่งที่ด้านเหว่ยเหวินและวางอีกแก้วที่ด้านตัวเอง จากนั้นเขาถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “คุณมีไอเดียบ้างไหม?”
“ตอนนี้ยัง”
“อยากให้ช่วยไหม?”
เหว่ยเหวินส่ายหัวแล้วมองสมการในกระดาษ
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ คุณช่วยผมมามากพอแล้ว…ผมขออีกสิบนาที ผมรู้สึกว่าผมรู้คำตอบ ผมใกล้แล้ว”
“สิบนาทีไม่พอหรอก ลองสองชั่วโมง” เฟฟเฟอร์แมนมองดูนาฬิกาข้อมือและพูดว่า “ผมยังมีคาบสมการอนุพันธ์ ก่อนถึงเวลาหกโมง คุณเจอผมได้ที่ออฟฟิศคณบดี”
เหว่ยเหวินพูดตอบ “ผมขอโทษที่กวนเวลาคุณไปมาก”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนจิบกาแฟและยิ้ม เขาพูดว่า “แล้วก็ ศาสตราจารย์ลู่ช่วยผมมาก แล้วตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณสามารถถามปัญหากับผมได้ตามที่ต้องการ”
เหว่ยเหวินแอบยิ้มในใจแต่ไม่ได้พูดอะไร
ถึงเขารู้ว่าศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนไม่ติดใจที่จะช่วยเขา แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดอย่างมาก
บางทีนี่อาจจะเป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรม
มีเสียงเคาะดังมาจากประตู แล้วมีชายหนุ่มสวมแว่นเดินเข้ามา
เฟฟเฟอร์แมนดูเหมือนจะจำชายคนนี้ได้ หลังจากเฟฟเฟอร์แมนเห็นกองกระดาษเอสี่ในมือ เขารู้สึกประหม่ากะทันหัน
เหมือนกับที่เหว่ยเหวินเดาไว้ ชายคนนี้หยิบธีสิสขึ้นมาและพูดว่า “ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมน ศาสตราจารย์ซานักจากแผนกบรรณาธิการของวิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปีขอให้ผมเอางานชิ้นนี้มาให้ เขาฝากให้ผมบอกคุณอย่างสุภาพว่าเขาหวังว่าคุณสามารถรีวิวงานชิ้นนี้ให้ได้”
“งั้นบอกเขาว่าการส่งสารแบบนี้ไม่สุภาพเสียเลย ผมหวังว่าครั้งหน้า เขาจะส่งคำเชิญให้รีวิวมาที่อีเมลของผมแทนที่จะมาหาผมเอง” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนดูผู้ช่วยที่ตกใจสะพรึงแล้วยักไหล่ เขาพูดต่อว่า “อีกเรื่อง ผมจะไปพักผ่อนในอีกสองวัน ก็บอกให้เขาหาคนอื่นแทน”
“ศาสตราจารย์ซาร์นักรู้ว่าคุณจะพูดแบบนี้” ผู้ช่วยพูดขึ้น “เขาบอกให้ผมบอกคุณว่าคุณเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด และคุณเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถรีวิวธีสิสนี้ได้”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนมองผู้ช่วยอยู่สักพักแล้ววางแก้วกาแฟลง เขาถอนหายใจและพูดว่า “โอเค เอามันมานี่”
เขาปฏิเสธคำขอคนอื่นไม่เก่งเลย โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นสิ่งที่เขาถนัด
ผู้ช่วยยิ้มแล้วยื่นธีสิสให้ “โอเคครับ ศาสตราจารย์”
ผู้ช่วยไม่ได้อยู่ต่อในออฟฟิศ เขาหันหลังกลับแล้วออกไป
เฟฟเฟอร์แมนจะต้องสอนหนังสือในเร็วๆ นี้ เขาเลยไม่มีเวลาอ่านมัน เขาเพียงแค่พลิกหน้าธีสิสดูคร่าวๆ
ตอนนี้ไม่มีชื่อผู้เขียนอยู่ในธีสิส
กระบวนการรีวิวแบบไม่เปิดเผยประเภทนี้ค่อนข้างหายาก
เฟฟเฟอร์แมนเดาว่าผู้เขียนคงเป็นคนรู้จักเขาคนหนึ่งหรือเพื่อนร่วมงานที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงพรินซ์ตัน
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ถึงเขาจะรู้ผู้เขียนจากสไตล์การเขียนธีสิส เขาจะไม่ขัดขวางกระบวนการรีวิวเพราะมิตรภาพ
“การมีอยู่ของทางแก้สมการหยาง-มิลส์? วิทเทนควรจะอ่านธีสิสนี้ไหม? ผมว่าเขาน่าจะสนใจสิ่งนี้มากกว่าผม”
เฟฟเฟอร์แมนมองดูหัวข้อที่เตะตา เขาเลิกคิ้วขึ้นและเริ่มอ่าน
จากนั้นเขาฟึดฟัดแล้วคิ้วของเขาย่นขึ้น
เหว่ยเหวินสังเกตเห็นสิ่งนี้แล้วถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า ศาสตราจารย์?”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนมองดูธีสิสสักพักแล้วยิ้มขึ้นกะทันหันและส่ายหัว
“เปล่า”
เขารู้สาเหตุที่ซาร์นักตื๊อให้เขารีวิวธีสิสนี้ในที่สุด
“แอล-แมนิโฟลด์…แล้วก็วิธีการตรีโกณมิติอนุพันธ์บางส่วนสำหรับสมการอนุพันธ์บางส่วน” นิ้วของศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนลากผ่านกระดาษเอสี่ระหว่างที่เขาพูดอย่างสะเทือนอารมณ์ “ผมรู้จักแค่คนเดียวในโลกที่สามารถประยุกต์ใช้ทฤษฎีพวกนี้ได้อย่างมาก”
สีหน้าของเหว่ยเหวินเปลี่ยนไป
“ธีสิสของศาสตราจารย์ลู่?”
“ใช่” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนพยักหน้าและพูดว่า “ข้อพิสูจน์ของการมีอยู่ของทางแก้สมการหยาง-มิลส์ มันดูเหมือนว่าเขาไม่ได้หยุดทำงานด้านคณิตศาสตร์”
เมื่อเหว่ยเหวินได้ยินเนื้อหาธีสิส เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วรู้สึกท่วมท้น
การท้าทายสองปัญหารางวัลมิลเลนเนียม…
เขาเป็นคนอยู่ไหม”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนนั่งลงที่โต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากช่องกระเป๋า เขาเลื่อนรายชื่อติดต่อและโทรหาผู้ช่วย
“ไง ลิวอิส ตอนนี้คุณว่างไหม? ผมมีสอนคลาสสมการอนุพันธ์บางส่วนในอีกครึ่งชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะทำได้หรือไม่ ผมหวังว่าคุณจะหาคนมาสอนแทนผม”
“อืม ผมยุ่งเล็กน้อย”
“เรื่องนี้สำคัญนะ”
พวกเขาแลกเปลี่ยนกันแค่สามประโยค
หลังจากนั้น เฟฟเฟอร์แมนวางสายและวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ
เขามองดูธีสิสบนโต๊ะเขา ตาเขาประกายเป็นด้วยความตื่นเต้น
ขอผมดูสิ่งนี้หน่อย
คุณจากพรินซ์ตันไปหนึ่งปี
ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ของคุณดีขึ้นหรือแย่ลงนะ…
………………………………………….
ตอนที่ 611 คุณเขียนธีสิสฉบับนี้? (1)
พิชญพิจารณ์เป็นงานที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่
อย่างแรกสุด มันเป็นงานไม่มีค่าจ้าง มันก็ถูกจ่ายเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงินทอง อย่างเช่น การกล่าวถึงในนิตยสาร ตำแหน่งในแผนกบรรณาธิการ การเข้าถึงนิตยสารฟรี ส่วนลดค่ากระบวนการธีสิส เป็นต้น
อย่างที่สอง การที่จะตัดสินว่าสิ่งที่ดูชวนฉงนถูกต้องหรือไม่เป็นเรื่องที่ยากมากในตัวของมันเอง
ถ้ามันเป็นโจทย์ปกติ มันก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อมันเป็นปัญหาระดับโลกอย่างสมการหยาง-มิลส์ มันไม่สามารถผิดพลาดได้ ทุกบรรทัดในธีสิสต้องถูกรีวิวอย่างละเอียดโดยผู้รีวิว
เหตุผลที่คนรับงานนี้ นอกจากชื่อเสียงของการเป็นผู้รีวิวให้นิตยสารที่มีชื่อเสียง ก็เป็นความปรารถนาดีต่อสังคมเสียมากกว่า และความประสงค์ของการเป็นผู้เฝ้าประตูการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
สำหรับนักวิชาการที่เพิ่งสร้างชื่อให้ตัวเอง แรงผลักดันของศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนสำหรับการรับรีวิวอาจจะเป็นเหตุผลอย่างหลัง แต่เมื่อเขาได้รับธีสิส เขาโยนเหตุผลพวกนี้ทิ้งไป
เริ่มจากบรรทัดแรกของการคำนวณ กระบวนการคำนวณไหลลื่นเป็นสายน้ำ มันดึงความสนใจเขาทันทีเหมือนต้องมนต์
โดยเฉพาะความเข้าใจของธีสิสเรื่องตรีโกณความต่างของสมการความต่างบางส่วน รวมไปถึงการประยุกต์ใช้แอล-แมนิโฟลด์ มันลึกลับจนเขาแทบไม่อาจจะเชื่อ
เขาไม่อาจเชื่อว่าทฤษฎีที่มีอายุแค่สองปีสามารถพัฒนาเป็นระดับที่โตได้
“นี่มันเหลือเชื่อ”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนใช้เวลาแค่สิบห้านาทีแค่กับหน้าแรก เขาอดที่จะรู้สึกสะเทือนอารมณ์ไม่ได้
เขารู้สึกผิดเล็กน้อยไปก่อนว่าวันหยุดของเขาจะถูกรบกวน
แต่ตอนนี้เขาไม่มีความรู้สึกผิดเหลือเลย
เวลาในออฟฟิศผ่านไปเชื่องช้า และท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างมืดลงอย่างช้าๆ
เหว่ยเหวินนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกตัวในออฟฟิศ เมื่อเขาเจอทางแก้ในที่สุด เขาสูดหายใจเข้าลึก เขายืดหลังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย
เขากำลังจะลุกขึ้นไปหามื้อเย็นกินที่โรงอาหาร เมื่อเขาเห็นศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนนั่งอยู่ใกล้ๆ เขายั่งนั่งอ่านธีสิสในมือในตำแหน่งเดิม ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนจะเขียนบางอย่างลงกระดาษร่างเป็นระยะๆ
เหว่ยเหวินลังเลอยู่สักพักและอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า “ศาสตราจารย์ลู่…พิสูจน์มันอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนได้ยิน เขาหยุดเขียน
เขาวางธีสิสลงบนโต๊ะแล้วหยิบแก้วกาแฟอุ่นขึ้นมา ผ่านไปสักพัก เขาตอบกลับอย่างรอบคอบ “ผมไม่สามารถตัดสินใจเรื่องสำคัญแบบนี้ได้คนเดียว…”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนมองธีสิสบนโต๊ะและนิ่งไปสักพัก จากนั้นเขาพูดต่อ “แต่ในความเห็นของผม เขาน่าจะทำมันนะ”
…
หลังจากทำข้อพิสูจน์ของการมีอยู่ของทางแก้สมการหยาง-มิลส์ให้เสร็จ ลู่โจวย้ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เข้าคอมพิวเตอร์ของเขา หลังจากที่ปรับแก้มัน เขาส่งมันไปที่อีเมลของแผนกบรรณาธิการที่วิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปี
มันไม่มีอะไรติดขัดเลย ธีสิสผ่านการรีวิวอย่างรวดเร็วโดยบรรณาธิการเทคนิคและไปขั้นตอนพิชญพิจารณ์
ลู่โจวไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รีวิว อย่างน้อย เขาจะไม่รู้จนกว่าธีสิสถูกตีพิมพ์
แต่นั่นไม่สำคัญ
ก่อนที่จะย้ายมันเข้าคอมพิวเตอร์ เขาก็ตรวจกระบวนการข้อพิสูจน์ทั้งหมด เขามั่นใจกว่า 90% ว่าข้อพิสูจน์ของเขาถูกต้อง ไม่ว่าผู้รีวิวจะคิดอย่างไร ในสายตาของเขา ปัญหานี้ถูกแก้เรียบร้อยแล้ว
……………………………………………..