ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System - ตอนที่ 742 ยึดครองอนาคต
- Home
- ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar's Advanced Technological System
- ตอนที่ 742 ยึดครองอนาคต
ลู่โจวไม่ใช่แค่คัดค้านเฉยๆ
หลังจากที่เขาบอกความคิดเห็นของตนเอง เขาก็อธิบายเรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจและวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด
เมื่อคิดว่าน้ำหนักของสิ่งของที่สกายโกลว์สามารถขนย้ายไปมาระหว่างวงโคจรของโลกกับดวงจันทร์ได้เพิ่มขึ้นเป็น 25 ตันแล้ว ประโยชน์ของการสร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรของดวงจันทร์ก็มีมากกว่าการสร้างเลียนแบบ ISS บนวงโคจรต่ำของโลกมาก
“…ดวงจันทร์มีทรัพยากรมากมายครับ ไม่ว่าจะเป็นไทเทเนียม หรือฮีเลียม ถ้าพวกเราสามารถขุดเอาทรัพยากรเหล่านั้นมาได้ การสร้างสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของลู่โจว ผู้เชี่ยวชาญที่พูดขึ้นมาก่อนก็รีบลุกขึ้นมาโต้แย้งทันที
“แต่พวกเราต้องเรียนรู้ที่จะเดินก่อนจะวิ่งนะ ผมไม่เคยพูดว่าพวกเราไม่ควรสร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรของดวงจันทร์ แล้วทำไมพวกเราไม่ทำตามขั้นตอน ไปสร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรต่ำของโลกก่อนล่ะ? คุณจะรับรองได้เหรอว่าสถานีอวกาศบนดวงจันทร์จะสร้างสำเร็จ?”
ลู่โจวตอบคำถามอย่างสุขุมว่า “ผมรับรองไม่ได้ แต่ผมตอบคำถามคุณได้ เพราะว่าพวกเราไม่สามารถรอได้อีกแล้ว”
ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเลิกคิ้วแล้วถามต่อ “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
ลู่โจวยิ้มก่อนจะพูดต่อ
“คุณอาจจะไม่รู้เรื่องนี้นะครับ แต่สถานีอวกาศบนดวงจันทร์นั้นถูกเพิ่มลงไปในแผนโครงการสถานีอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ปี 2018 ของนาซาแล้ว ต่อให้ตอนนี้พวกเขากำลังโฟกัสอยู่กับโครงการแอรีส แต่โครงการสถานีโคจรรอบดวงจันทร์นั้นวางแผนไว้ว่าจะต้องเสร็จก่อนโครงการแอรีส พวกเรามีเหตุผลให้ตั้งข้อสงสัยว่าสํานักงานวิเคราะห์และติดตามการใช้งบประมาณแห่งรัฐสภาได้รับรองโครงการสถานีโคจรรอบดวงจันทร์แล้ว สถานีโคจรรอบดวงจันทร์จะเริ่มขึ้นในปี 2022 ถ้าหากพวกคนอเมริกันเริ่มสร้างสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ขึ้นมาแล้ว เรื่องต่างๆ จะยากกับพวกเรามากครับ”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในห้องประชุม ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นคนพูดทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่เขาก็ลังเลและไม่สามารถหาคำโต้แย้งกลับที่ดีกว่านี้ได้ เขาจึงนั่งลงไปอย่างเงียบๆ
วงโคจรของดวงจันทร์เป็นวงโคจรที่แคบกว่าวงโคจรของโลก
บางที ด้วยเทคโนโลยีการบินและอวกาศกับเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ อาจจะทำให้ความสามารถของวงโคจรสถานีอวกาศบนดวงจันทร์เพิ่มขึ้นได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ สถานีอวกาศเพียงสถานีเดียวคือสิ่งที่ทำได้สูงสุดบนวงโคจรของดวงจันทร์
ถ้าหากโครงการสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ของสหรัฐในปี 2022 เริ่มไปตามกำหนดการแล้วล่ะก็ ประเทศจีนแทบจะไม่มีโอกาสส่งสถานีอวกาศอีกสถานีไปอยู่ในวงโคจรของดวงจันทร์เลย
ใบหน้าของอำนวยการหลี่เต็มไปความเคร่งเครียด
ลู่โจวมองเขาแล้วตอบว่า “ถูกต้องแล้วครับ อย่างที่ท่านสุภาพบุรุษผู้นี้ได้กล่าวไว้ พวกเราควรเรียนรู้ที่จะเดินก่อนจะวิ่ง แต่พวกเรามีโอกาสจะยึดครองอนาคตมาเป็นของเราแล้ว ถ้าพวกเราไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ พวกเราจะต้องเผชิญกับผลร้ายที่ตามมาอย่างแน่นอน
นี่เป็นความคิดเห็นของผม ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังครับ
ผลของการดีเบตครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลกับการแข่งขันทางอวกาศในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลกับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของประเทศเราไปตลอดกาลด้วย”
คนในห้องตกกำลังเผชิญแรงกดดันสูง หลังจากที่พวกเขาได้ยินคำพูดของลู่โจว ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการต่างก็มีใบหน้าของคนที่จริงจังมากกว่าเดิมเสียอีก
จะส่งผลกับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของประเทศเราไปตลอดกาลอย่างนั้นเหรอ…
พระเจ้า ถ้าฉันเลือกทางผิด ฉันต้องเป็นที่อับอายไปตลอดกาลแน่ๆ …
แล้วถ้า…
ฉันให้คนอื่นตัดสินใจแทนล่ะ?
กลุ่มผู้สนับสนุนฝั่ง ‘วงโคจรต่ำของโลก’ กับฝั่ง ‘ดวงจันทร์’ แบ่งออกเป็นจำนวนที่เท่าๆ กันสองกลุ่ม แต่หลังจากที่ลู่โจวพูดขึ้นมา ทั้งสองกลุ่มก็ไม่ได้มีจำนวนเท่ากันอีกต่อไป
ทุกคนหันไปมองที่นั่งแถวหน้า มองไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างลู่โจว นักวิชาการหยวนนั่นเอง ยิ่งฝั่งที่สนับสนุน ‘วงโคจรต่ำของโลก’ ยิ่งมีความหวังว่าชายสูงวัยคนนี้จะหาข้อโต้แย้งมาได้
แต่นักวิชาการหยวนกลับนั่งอยู่เฉยๆ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขาไม่ได้แสดงท่าทางโต้กลับอะไรเลยด้วยซ้ำ เขาอยู่ในท่าทางปกติ
ผู้อำนวยการหลี่มองไปทางนักวิชาการหยวน แต่ดูนักวิชาการหยวนจะไม่อยากเป็นฝ่ายพูด
ทุกคนในห้องประชุมที่เป็นฝ่ายสนับสนุนให้สร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรต่ำของโลกมีใบหน้าที่เจือความสิ้นหวัง
การที่สุภาพบุรุษสูงวัยคนนี้ยังคงนั่งเงียบหมายความว่าศาสตราจารย์ลู่จะได้พลังเสียงทั้งหมดไป ต่อให้มีคนไม่เห็นด้วยกับศาสตราจารย์ลู่ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร เขาก็จะพ่ายแพ้
ยังไม่นับว่าคนส่วนใหญ่ก็สนับสนุนมุมมองของลู่โจวอยู่แล้วด้วย…
การประชุมดำเนินต่อไปอีกพักหนึ่ง คนหลายคนเริ่มลุกขึ้นมาพูดบ้าง แต่ดูเหมือนว่าผลสรุปของการตัดสินใจนี้จะลงตัวแล้ว ผู้อำนวยการหลี่ประกาศการจบการประชุม
หลังจากที่การประชุมสิ้นสุดลง…
นักวิชาการเจิ้งเซียงตง รองประธานองค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปทางออก A ของห้องประชุมในทันที เขาเดินตามนักวิชาการหยวนทันและถามอีกฝ่ายว่า “โอ้ สหายรัก แกนั่งอยู่ติดกับเจ้าเด็กนั่น ทำไมถึงไม่โน้มน้าวเขาล่ะ?”
นักวิชาการหยวนมองเขาด้วยท่าทางแปลกๆ
“โน้มน้าวเรื่องอะไรกัน?”
เจิ้งเซียงตงพูดขึ้นทันที “ได้ยินที่เขาพูดไหมล่ะ?”
นักวิชาการหยวนยิ้มแล้วตอบว่า “คิดว่าเขาพูดดีมากเลยนะ”
รองประธานเจิ้งจ้องนักวิชาการหยวนเหมือนอีกฝ่ายกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอานิ้วหยิกคิ้วตัวเองแล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวนะ ชักจะงงแล้ว…แกไม่เห็นด้วยกับศาสตราจารย์ลู่ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ใครบอกแกอย่างนั้นล่ะ?” นักวิชาการหยวนจ้องรองประธานเจิ้งเขม็งแล้วพูดว่า “ฉันไปพูดตอนไหนกันว่าไม่เห็นด้วยกับศาสตราจารย์ลู่?”
นักวิชาการหยวนก็ไม่ชอบศาสตราจารย์ลู่ในตอนแรกจริงๆ แต่นั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว
เขาไม่ชอบคนที่ขุดเรื่องอดีตมาพูด
รองประธานาธิบดีเจิ้งทำหน้าเหมือนคนท้องผูก เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
“ไอ้เด็กนั่นมันบ้า มันกำลังทำให้แกบ้าเหมือนกัน
โปรเจกต์นั่นมันมีมูลค่าหลักสิบล้าน หรืออาจจะร้อยล้านเหรียญด้วยซ้ำ! ถ้าพวกเราสร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรของดวงจันทร์จริง จะไม่มีบริษัทจีนบริษัทไหนเลยที่ได้ส่วนแบ่งมานะ! แกรู้ไหมว่านี่หมายความว่าอะไร? แกรู้ไหมว่าจะมีคนตกงานมากแค่ไหน?”
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขากังวลที่สุดไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่องโปรเจกต์การพัฒนาและวิจัยจรวดที่องค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนต่างหาก
ถ้าในอีกห้าปีข้างหน้า ความต้องการด้านเทคโนโลยีจรวดของประเทศจีนได้เปลี่ยนจากวงโคจรต่ำของโลกไปเป็นวงโคจรของดวงจันทร์แล้วล่ะก็ ถึงแม้โปรเจกต์ลองมาร์ช 9 อาจจะรอด แต่โปรเจกต์จรวดเคมีมากกว่าครึ่งจะต้องหายไป
เจิ้งเซียงตงถอนหายใจแล้วตบขาตัวเอง
“ไอ้เด็กนั่นมันเหี้ยมจริงๆ !”
นักวิชาการหยวนจ้องรองประธานเจิ้งแล้วเลิกคิ้ว
“แกพูดเรื่องอะไรกัน?”
เจิ้งเซียงตงเริ่มอธิบายให้นักวิชาการหยวนฟัง
“แกไม่เข้าใจเหรอ? ถ้าพวกเราสร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรของดวงจันทร์ได้ ก็มีอยู่แค่บริษัทเดียวที่จะสามารถขนส่งของได้! บริษัทอื่น รวมบริษัทฉันด้วย จะไม่มีโอกาสสู้ในสงครามการประมูลสัญญาเลย! ทำไมแกถึงคิดว่ามันอยากจะตั้งสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ล่ะ? แกคิดจริงๆ เหรอว่ามันจะทำเพื่อประเทศขนาดนั้น?”
ถ้าพวกเขาตัดสินใจสร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรต่ำของโลก พวกเขาอาจจะมีโอกาสได้ใช้ลองมาร์ช 5 มันอาจจะราคาไม่ถูกนัก แต่ก็จะได้ผล
อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาตัดสินใจสร้างสถานีอวกาศบนวงโคจรของดวงจันทร์ มันจะไม่เกี่ยวกับเรื่องราคาแล้ว เพราะว่าพวกเขาจะทำอะไรไม่ได้เลยนั่นเอง
ถ้าพวกเขาอยากจะเข้าร่วมสงครามการประมูลสัญญา พวกเขาจะต้องรอให้ลองมาร์ช 9 เสียก่อน แต่ต่อให้พวกเขาทำสำเร็จทันเวลา พวกเขาก็ต้องรอจนถึงปี 2025 ให้การออกแบบและการผลิตลองมาร์ช 9 เสร็จสิ้นเสียก่อน
พอถึงตอนนั้น โปรเจกต์สถานีอวกาศก็เกือบจะเสร็จสิ้นอยู่แล้ว
ใบหน้าของนักวิชาการหยวนไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “เขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก”
เจิ้งเซียงตงถึงกับงง เขาถามขึ้นว่า “แกรู้ได้อย่างไรกัน? แกเป็นญาติเขาหรือไง?”
วิธีเดียวที่จะทำให้เจิ้งเซียงตงเปลี่ยนโปรเจกต์สถานีอวกาศได้คือการโน้มน้าวนักวิชาการหยวนและนักวิชาการคนอื่นๆ จากนั้นพวกเขาจะต้องเขียนจดหมายไปให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน
แต่นักวิชาการหยวนยังคงหนักแน่น ไม่เปลี่ยนใจ
ก่อนหน้านี้แกก็ไม่พอใจกับการเข้ามายุ่งในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของศาสตราจารย์ลู่ไม่ใช่หรือไง?
แกเป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย!
นักวิชาการหยวนเห็นว่ารองประธานเจิ้งเริ่มหัวร้อนมากแค่ไหนแล้ว เขาจึงพูดอย่างช้าๆ ว่า
“ฉันไม่ได้เป็นญาติเขา แล้วฉันก็ไม่ได้รู้จักเขาดีด้วย แต่เขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแล้วบินขึ้นสกายโกลว์ไปด้วย ฉันให้สัญญาได้เลยว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น
ฉันรู้ดีว่าแกต้องการอะไร ฉันแนะนำให้แกยอมแพ้เถอะ”
ลู่โจวเป็นวีรบุรุษของชาติ เขาเป็นนักวิชาการที่มีตำแหน่ง!
ไม่มีทางที่หยวนฮวานหมินจะเชื่อว่าคนอย่างลู่โจวจะทำทุกอย่างนี้แค่เพื่อเงินเพียงอย่างเดียว
และนี่คือคนแบบที่หยวนฮวานหมินเป็น
เมื่อเขาหาเหตุผลจะเชื่ออะไรแล้ว เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนความเชื่อของตัวเอง
นักวิชาการหยวนหันหลังกลับแล้วเดินจากไป ทิ้งนักวิชาการเจิ้งไว้ข้างหลัง
…………………………………….