ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 142
บทที่ 142 ต่ําทราบและหยาบช้า
หยูเจียหลงได้ตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกฮ่าวเจี้ยนตบหน้า
หยูเจียหลงได้จ้องมองไปหยังฮ่าวเจียยนอย่างโกรธแค้น แต่ตอนนี้เธอนั้นก็ถูกเขาจ้องกลับมาด้วยสีหน้าที่โหดร้ายยิ่งกว่า
“ผอ.ฮ่าว คุณตบหน้าฉันทําไม”
เธอไม่คิดว่าบรรยากาศที่รู้สึกอยู่บนจุดสูงสุดก่อนหน้านี้จะแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบนี้ได้ เพียงแค่เธอพูดถึงบัตรใบนั้น
ฮ่าวเจี้ยนเองนั้นไม่ได้แยแสต่อท่าทางและคําถามของหยูเจียหลงแต่อย่างใด เขาเลียลิมฝีปากของตัวเองและเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง ในขณะที่มองเธอราวกับนึกอะไรออก
ราวกับเป้ผู้ซื่อสัตย์ ในตอนนี้เขาได้โค้งคํานับให้เจียงฮ่าวและเผยรอยยิ้มกว้างก่อนที่จะเดินไปหาเจียงฮ่าวในทันที
“ท่านครับ ผมขอโทษ ไม่สิ สุนัขตัวนี้ขอกล่าวขอโทษที่ตาชั้นต่ําประดุจดั่งสุนัขของผมนั้นไม่ได้มองเห็นซึ่งความจริง”
เขาพูดออกมาในขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งลากหยูเจียหลงจนสีข้างไถลไปกลับพื้นในขณะที่เดินเข้าไปหาเจียงฮ่าวอย่างทุกลักทุเล
“อ้อ แล้วก็ยัยนี่ ทุกอย่างเป็นความผิดของยัยนี่ครับ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะหญิงบ้าคนนี้ทั้งหมดเป็นคนก่อขึ้นมา”
ในตอนนี้ฮ่าวเจี้ยนนั้นไม่ได้มีความสนใจไยดีต่อผู้หญิงที่นําพาภัยพิบัติมาหาคนแต่อย่างใด เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปโดยต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ผู้หญิงคนนี้ชักนํามาให้เพียงคนเดียวอย่างแน่นอน
เขานั้นยิ่งคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น จนตอนนี้กลั้นใจไม่ไหวก็ได้เริ่มลงไม้ลงมือกับหยูเจียหลง โดยการตบไปที่หน้าพร้อมตะโกนด่าทอสาบแช่งออกมา
“ยัยโสเภณี รีบพูดขอโทษคุณท่านเดี๋ยวนี้แล้วขอให้เขายอมให้อภัยซะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยแกไปได้ง่ายๆ
หยูเจียหลงที่ในตอนนี้กําลังถูกกระหน่ําตบไปที่แก้มทั้งสองข้างอย่างไม่รู้เหตุผลก็ได้อารมณ์พุ่งสูงปรี้ดและแสดงท่าทางโกรธออกมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้ไปสบตาเข้ากับสายตาอันเย็นชาของเจียงฮ่าวอีกครั้ง นี่ทําให้เธอต้องรีบเปลี่ยนท่าที
เขาเป็นเพียงเด็กมหาวิทยาลัยบ้านนอกไม่ใช่รึไงกัน ฮ่าวเจี้ยนยังมีบัตรมากมายอยู่ในกระเป๋ามากกว่าไอ้เด็กนี่ตั้งเยอะ
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ท่าทางของฮ่าวเจี้ยน ทําให้เธอได้รับรู้แล้วว่าบัตรของเด็กท่าทางยาจกคนนี้ต้องไม่ใช่ของธรรมดา
แถมฮ่าวเจี้ยนยังกลัวคนๆนี้ถึงขนาดนี้ต้องไม่ใช่นักเรียนธรรมดาเป็นแน่ๆ
เป็นตอนนี้ที่หยูเจียหลงพึ่งจะคิดได้และทําให้เธอแสดงออกมาซึ่งความหวาดกลัวจนได้ในที่สุด ในคราวนี้เธอได้ทําการตบหน้าตัวเองพร้อมกับกล่าวคําขอโทษให้เจียงฮ่าว
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันต้องขอโทษจริงๆค่ะ”
“เป็นความผิดของตาสุนัขของฉันเองที่กล้าดูถูกคนอื่น”
เจียงฮ่าวที่มองเห็นฉากนี้ทุกกระบวนก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
แต่กับคนอื่นโดยรอบนั้นกลับรู้สึกตกตะลึงกันไปทั่วทุกตัวคน นี่ทําให้ทุกคนต่างก็ต้องหันไปพูดคุยกัน
“นั่นมันผู้บริหารฮ่าวเจี้ยนแห่งบริษัทฮงจิวไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้ฉิบหาย เด็กหนุ่มนั่นเป็นใครกันแน่”
“ไม่จริงน่า ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไอ้หมอนั่นยังทําตัวอวดเบ่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วทําไมถึงได้ประจบประแจงได้ขนาดนั้นกัน”
ท่าที่ไม่ทุกร้อนและแยแสของเจียงฮ่าวนั้นได้ทําให้ฮ่าวเจี้ยนและหยูเจียหลงรู้สึกได้ราวกับเตรียมที่จะถูกถีบลงนรก
ฮ่าวเจี้ยนได้ลอบมองไปยังเจียงฮ่าวอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจทําอะไรบางอย่าง
“ผลิ้ก”
ฮ่าวเจียนได้คุกเขาลงกับพื้นในพื้นที่จนบังเกิดเสียงดังลั่นพร้อมทั้งหลั่งน้ําตาออกมา
“ท่านครับ ผมยังมีแม่ที่อายุแปดสิบปีและลูกๆอยู่ที่บ้าน ผมขอให้ท่านโปรดอภัยให้กับการกระทําอันโง่งมของพวกผมด้วย”
หลังจากพูดจบ ฮ่าวเจี้ยนได้โค้งตัวคํานับราบไปกับพื้น
หยูเจียหลงที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้ทําตามแต่โดยดีโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
ฉากนี้ทําให้ผู้คนที่เห็นต่างก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะสะใจหรือเวทนาดีเหมือนกัน
เจียงฮ่าวเองที่เห็นก็ถึงกับต้องนิ่งอึ้งไปเหมือนเห็นการกระทําที่เป็นกาลของฮ่าวเจี้ยน
เขาไม่คิดมาก่อนว่าบัตรของซิ่วไจยี่จะทําให้เรื่องราวในครั้งนี้ง่ายขึ้น
เมื่อฮ่าวเจี้ยนนั้นยังเห็นว่าเจียงฮ่าวยังไม่มีท่าที่แยแสแต่อย่างใด นี่ทําให้หัวใจของเขานั้นเต้นแรงอย่างร้อนลน เขาได้คลานเข้าหาเจียงฮ่าวและตั้งใจว่าจะเข้าไปกอดขาเจียงฮ่าวเอาไว้จนกว่าจะยอมให้อภัย
เมื่อเห็นท่าทางแล้วเจียงฮ่าวได้รีบชุดฮาวเจี้ยนไว้ในทันที
“หยุด หยุดโว้ย หยุดเลยไม่ต้องเข้ามา”
ฮ่าวเจี้ยนที่เห็นว่าเจียงฮ่าวนั้นตอบสนองแล้วเขาก็จับจ้องเจียงฮ่าวด้วยความหวัง ส่วนเจียงฮ่าวนั้นการที่โดนผู้ใหญ่ทั้งสองคนมาก้มกราบกรานร้องขอชีวิตแบบนี้กลับรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา
“คุณสองคนควรจะหยุดทําให้ตัวเองขายหน้าได้แล้ว”
“ผมจะไม่ถือสาเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่อย่ามาทําเรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้อีกก็พอ”
“รีบๆลุกแล้วพาผู้หญิงกักขฬะคนนั้นออกไปได้แล้ว”
ฮ่าวเจี้ยนและหยูเจียหลงที่ได้ยินดังนั้นก็แสดงท่าทางยินดีออกมาเมื่อได้ยิน
“ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณนายท่าน”
เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสองรีบลึกขึ้นยืนพร้อมฝ่าฝูงชน ด้วยใบหน้าที่โหดร้ายออกไปและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เจียงฮ่าวได้มองตามทั้งสองคนออกไป
“ฮ่าวเจี้ยนน้อฮ่าวเจี้ยน อย่างที่คิดจริงๆว่าชายคนนี้เป็นพวกต่ําทรามหยาบช้า”