ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 154
บทที่ 154 ตกเป็นเป้า
ก่อนหน้านี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ดุด่าว่ากล่าวราวกับเจียงฮ่าวเป็นคนโง่คนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขานั้นกลายเป็นคนที่ฉลาดขึ้นมาซะอย่างนั้น
และตอนนี้เอง มีใครคนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่งมอย่างที่สุด
เขาคนนี้หน้าซีดในทันทีที่รู้ความจริงจนใบหน้าแถบจะเปลี่ยนเป็นเขียนคล้ํา
นั่นก็เพราะในเรื่องนี้ความจริงแล้วสมบัตินั้นเองเป็นของเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าของร้านลองคิดดูดีๆแล้วก็พึ่งจะรู้สึกตัวได้ว่ามีคนที่โง่กว่าเขาอยู่หนึ่งคนนี่ทําให้เขานั้นรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
หากชายหนุ่มคนนั้นรู้ว่าของที่เขานั้นขายออกไปได้ด้วยราคาสองพันหยวนอย่างดีใจอย่างที่สุดความจริงแล้วมันมีราคาอย่างน้อยสิบล้านหยวน ไม่รู้เหมือนกันเขาจะมีท่าทีแบบไหนออกมา
เฟิงอันชีเอง ในตอนนี้กําลังมองเจียงฮ่าวจากไปด้วยสาย
เต็มไปด้วยความเสียดาย
ในขณะเดียวกันก็บังเกิดความสงสัยหนึ่งขึ้นมาได้
“เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน”
แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครรู้คําตอบในเรื่องนี้
และเมื่อเจียงฮาวจากไปแล้วนั้น เขาย่อมไม่รู้ว่าคนที่เขาทิ้งไว้ข้างหลังกําลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
ช่วงบ่ายผ่านไป และเจียงฮ่าวก็ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย
นอกจากเครื่องลางรูปเสือหนึ่งคู่แล้ว เขานั้นยังได้เครื่องลายครามและภาพวาดสมัยราชวงศ์หมิงและเหรียญโบราณสมัยราชวงศ์ถัง
หลังจากนั้นเขาก็ได้เตรียมตัวที่จะกลับบ้านเพราะว่าดูๆไปแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจอีก
และเหตุผลที่สําคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือเรื่องที่เขาซื้อเครื่องลางรูปเสือที่มีมูลค่ากว่าสิบล้านหยวนไปนี้สมควรจะรู้กันทั่วในย่านนี้แล้ว
นี่ไม่เพียงจะทําให้เขานั้นได้รับสมบัติได้ยากขึ้นแล้ว เขาเองอาจจะตกเป็นเป้าได้อย่างไม่จําเป็น
ไม่สิต้องบอกว่าตัวเขานั้นตกเป็นเป้าเรียบร้อยแล้ว
นั่นก็เพราะเขานั้นถือของสมบัติมูลค่าอย่างน้อยๆก็สิบล้านหยวนอยู่กับตัว และกับคนที่คิดไม่ซื่อนี่ถือได้ว่าเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่า
เมื่อเจียงฮ่าวยืนขึ้นจากร้านแผงลอยเล็กๆ เขาก็ได้ลอบมองที่มุมของกําแพงที่อยู่ข้างๆเขา
มีคนสี่คนกําลังจ้องมองเขาอยู่
และเมื่อเจียงฮ่าวยืนขึ้นคนพวกนี้ทําทีเป็นมองไปทางอื่น
ฉากนี้เองเจียงฮ่าวก็ได้เห็นมาจากในหนังมานักต่อนัก
และนี่ทําให้มุมปากของเขายกขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่นึกเลยจริงๆว่าวันนี้ฉันต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วยเหมือนกัน”
เจียงฮ่าวได้หันหลังออกจากแผงลอยและเดินจากไปอย่างปกติ คนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหลังเมื่อครู่นี้ก็ได้เดินตามออกมาติดๆ
บางคนที่เห็นก็ทําได้เพียงส่ายหัวไปมาเท่านั้น
“พวกหลิวหยุนมาเร็วกันจริงๆ ตอนนี้ไอ้หนุ่มนี่คงทําได้เพียงอ้อนวอนให้กลับไปได้แต่โดยดีเท่านั้น”
“เห็นด้วย ถึงขนาดได้ของดีไปขนาดนั้นแล้วยังไม่ยอมจากไปอีก ไม่สิ น่าจะหาของดีเพิ่มมากกว่าและนี่เองทําให้ไอ้หนุ่มนั้นได้รู้ซึ้งว่าหัวใจคนนั้นมันน่ากลัวขนาดไหน มันเปรียบได้ดั่งงูที่คิดจะกินช้างทั้งตัวเป็นๆ”
คนแก่กลุ่มหนึ่งเองเมื่อเห็นเจียงฮ่าวกําลังจะออกไปก็ทําได้เพียงแค่ส่ายหัวไปมาเหมือนกัน
พวกเขานั้นคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดีและรู้ดีว่าเด็กหนุ่มที่จะต้องถูกปล้นเครื่องลางรูปเสือคู่นั้น หรือไม่ก็อาจถูกอัดจนน่วม
เมื่อเทียบกับอํานาจของหลิวหยุนแล้ว ไม่มีใครคิดว่าเจียงฮ่าวนั้นจะมีปูมหลังดีพอที่จะหลุดรอดไปได้แต่อย่างใด
เจียงฮ่าวได้เดินออกจากย่านการค้าพร้อมสีหน้าที่เรียบเฉย หลังจากเขารอบมองรอบๆแล้วเขาก็เลือกเดินไปที่ๆผู้คนไม่พลุกพล่น
ข้างหลังเขานั้น คนทั้งสี่ที่ตามมานั้นต่างก็รู้สึกผิดสังเกต
“พี่ พี่ไม่คิดว่ามีอะไรแปลกๆมั่งเหรอ”
“นั่นสิ ทําไมไอ้เด็กนี้ถึงเลือกที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนกันล่ะ”
“โถ่ว ลูกพี่ นี่ไม่ใช่เรื่องดีรึไงกันนี่จะได้ไม่มีใครมาขัดขวางงานของพวกเราได้ยังไงล่ะ”
เมื่อได้ยินว่าง
ยังไม่สงสัยในการกระทําของเขาแล้วแถมยังรีบเร่งเดินเข้ามาใกล้อีก
นี่ทําให้เจียงฮาวทําการเลี้ยวเข้าไปในตรอกหนึ่งในทันที
นี่สมควรจะเป็นพื้นที่รกร้างไม่มีผู้คนอยู่โดยรอบ และเมื่อเห็นสภาพพื้นที่แล้ว เจียงฮ่าวก็ได้หยุดเท้าลง
เขาหันกลับไปพร้อมรอยยิ้มกว้างในทันทีที่เห็นชายหนุ่มสี่คนเข้ามาใกล้
ชายหนุ่มทั้งสี่ที่เห็นเองต่างก็มองหน้ากัน และหนึ่งในนั้นก็ได้พูดออกมา
“ไอ้เวร นี่แกรู้ตัวว่าพวกข้าตามมานานแล้วสินะ”
“แต่ในเมื่อแกไม่คิดจะวิ่งหนีแถมยังพาพวกเรามาที่นี่อีกดูเหมือนว่าแกจะกลัวพวกเรามากๆเลยล่ะสิ”
“ในเมื่อเป็นแบบนั้นล่ะก็…ส่งของมีค่าของแกมาให้หมดหากว่าของที่แกมีดีพอจนทําให้ปู่หยุคนนี้มีความสุขปู่หยุคนนี้จะปล่อยแกไป”
“ไม่อย่างนั้นล่ะก็…”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ คนที่เหลือก็เข้าใจความหมายในทันทีโดยไม่ต้องพูดจบทุกคนได้นําท่อนไม้ออกมาจากที่ซุกเอาไว้ในส่วนต่างๆของร่างกาย
ทั้งสี่คนใช้ไม้ตีมือของตนประหนึ่งดั่งเป็นคําขู่พร้อมดวงตาอํามหิตประหนึ่งดําจะมืดดําไปหมดพร้อมส่งเสียงคํารามเบาๆอันเย็นชาออกมา
“ฮั่ม”