ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 162
บทที่ 162 มีดบินแห่งลี้น้อยสําแดงเดช ซุนฉีถอยล่นอย่างแตกตื่น
หลังจากที่ซุนฉีจากไปอย่างเงียบงั้น นักเลงทั้งห้าก็กุลีกุจอช่วยนักเลงสามคนที่ถูกเจียงฮ่าวอัดลอยลิ่วและตามออกไปแบบติดๆ
ฉากที่เกิดขึ้นนี้แม้แต่เจียงฮ่าวเองก็ไม่คิดว่าซุนฉีจะขี้ขลาดขนาดนี้
ส่วนคนอื่นนั้นเมื่อเห็นซุนฉีและเจียงฮ่าวไม่ได้ต่อสู้กัน พวกเขาก็ล่มเลิกความคิดที่จะหนีไปตามคําพูดของเจียงฮ่าวก่อนหน้านี้ในทันที
และเป็นตอนนี้ที่ทุกคนรู้สึกยกย่องนับถือเจียงฮ่าวขึ้นมาจับใจ
แต่กับหลี่หยวนนั้น ในตอนนี้เขาได้เพียงยืนนิ่งอย่างโง่งม
เขาหวังพึ่งซุนฉีในการแก้แค้นของเขาอย่างมาก
แต่ใครจะคิดว่าซุนฉีนั้นยอมรับความพ่ายแพ้ไปตั้งแต่ยังไม่ลงมือสู้ด้วยตัวเองซ้ํา
และเป็นตอนนี้เองที่เขาแสดงท่าที่ร้อนลนออกมา
เขารีบเข้าไปจับซุนฉีเอาไว้และพูดออกมา
“หัวหน้ากลุ่มซุนฉี คุณจะไปไหน พวกเราทําข้อตกลงไว้แล้วไม่ใช่เหรอที่ว่าพอผมจ่ายเงินให้แล้วคุณก็จะช่วยสั่งสอนเจียงฮ่าวน่ะ”
ด้วยความร้อนรน หลี่หยวนพูดทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก
แน่นอนว่าทุกคนต้องได้ยิน
และนี่เองทําให้สายตาของทุกคนไปตกอยู่ที่หลี่หยวนพร้อมกัดฟันของตนออกมาด้วยความเกลียดชัง
“ไม่จริงน่า” “โอ้ ว้าวววว เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะไอ้เวรนี้นี่เอง”
เมื่อซุนฉีได้ยินดังนั้นเขาก็ได้หันกลับมาทันที และเริ่มใช้สายตาเองตนตอบโต้หลี่หยวน
นั่นก็เพราะถ้าให้พูดกันจริงๆแล้วเป็นเพราะคนๆนี้ที่บอกว่าเพื่อนร่วมชั้นของตนนั้นเป็นแค่หมูอวดดี หากเขารู้ว่าเป็นคนที่เปรียบได้ดั่งพระเจ้าแบบนี้มีหรือที่เขาจะไม่กลัว
หลังจากสบกับสายตาของซุนฉีเข้าไป หลี่หยวนก็ยังไม่รู้ตัวว่าไม่อาจขวางกันการจากไปของซุนฉีและพวกไปได้อีกต่อไป
“หัวหน้ากลุ่มซุน รีบๆฆ่ามันแก้แค้นให้กับฉันสิโว้…”
“ผลั่ก”
“อัว…”
เพียงหนึ่งลูกเตะ หลี่หยวนอ้วกออกมาในทันที
ในตอนนี้ หลี่หยวนนอนล้มกลิ้งไปกับพื้น
เขาใช้มือกุมท้องตัวเองและร้องครวญครางออกมา
ซุนฉีได้จ้องมองไปยังกลุ่มคนในห้องด้วยสายตาที่โหดร้าย ก่อนที่จะหันกลับไปเพื่อในทุกคนออกจากประตู
เป็นตอนนี้ที่เจียงฮ่าวแสดงออกมาด้วยท่าที่ไม่มีความสุขเมื่อเห็นซุนฉีกําลังจะหนีไปโดยไม่คิดแม้แต่จะสู้
เขาได้หันหลังกลับไป หยิบตะเกียบขึ้นมาคู่หนึ่งจากโต๊ะก่อนที่จะทักษะมีดบินที่พึ่งจะได้รับมา
แขนของราวกับกลายเป็นภาพเลือนลางอยู่ชั่วครู่หนึ่ง พร้อมตะเกียบที่หายไปจากอ
“เฟี้ยวววว”
“ปั๊ก ปั๊ก”
หลังจากเสียงแหวกอากาศของบางสิ่ง ตะเกียบสองแท่งก็ได้ปรากฎอยู่ที่ประตูที่ซุนฉีกําลังจะเอื้อมมือไป
ตะเกียบทั้งสองเกือบจะปักเข้าไปในประตูเหล็กจนเกือบจะมิดด้าม มีเพียงส่วนที่ใช้จับคืบเท่านั้นที่ยังคงสั่นไหวอยู่ด้านนอก
เป็นตอนนี้ที่ซุนฉีเคลื่อนไหวช้าลงจนนิ่งไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึงก่อนที่จะสะดุ้งจนเอามือออกจากที่จับประตูอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทุกคนที่ได้ยินเสียงก็ได้หันไปดูที่ประตูในทันที
และเมื่อพวกเขาได้เห็นว่ามีตะเกียบเกือบทั้งแท่งได้ปักไปที่ประตูเหล็ก ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เป็นตอนนี้ที่สุ่มเสียงทั้งหมดเงียบหายไป
ทุกๆคนได้หันไปมองที่โต๊ะที่เจียงฮ่าวเดินมาเมื่อครู่นี้ด้วยความยากลําบากประดุจดั่งตะคริวขึ้นคอ
แน่นอนว่าตะเกียบได้หายไป
“เฮือก”
ทุกคนได้สูดหายใจเข้าลึกๆและมองไปที่เจียงฮ่าวด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
“ไม่จริงงงง….. ตะเกียบ… เนี่ยนะ”
“มีดบิน….ลี้คิมฮวง…เหรอ”
“โลกนี้มีวิชายุทธอยู่จริงๆ”
ในตอนนี้เมื่อซุนนี้ได้รีบเร่างมองกลับมาก็ได้พบกับสายตาอันเย็นชาของเจียงฮ่าว เมื่อสบเข้ากับสายตานี้ ทําให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลัง
“คุณหัวหน้ากลุ่มซุน ผมให้คุณไปได้แล้วงั้นเหรอ”
“ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่คนอย่างคุณนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไปได้อย่างงั้นเหรอ”
เจียงฮ่าวพูดออกมาด้วยน้ําเสียงเย็นชาแต่ดังลั่น
ซุนฉีรู้สึกเกรงกลัวจนร่างกายต้องสั่นเทิ้ม
อย่างไรก็ตาม ซุนฉียังคงเรียกสติกลับมาได้โดยไว
ในวันนี้เขาถูกไอ้เด็กเวรที่อยู่ตรงหน้าคุกคามซ้ําแล้วซ้ําเล่า
นี่ทําให้เขานั้นแสดงท่าทางที่น่ารังเกลียดออกมาในทันที
ซุนฉีจ้องมองไปยังเจียงฮ่าวและพูดออกมาด้วยคําพูดที่ขัดไปจากท่าทาง
“คุณ…ต้องการอะไรอีก”