ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 163
บทที่ 163 เพียงหนึ่งหมัดก็มากพอที่จะสั่นคลอนจิตใจ
เจียงฮ่าวได้มองไปยังซุนฉีด้วยแววตาเย็นยะเยียบและพูดออกมา
“ฉันไม่ต้องการอะไรมาก”
“แต่การที่คุณนั้นนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไปแบบนี้นี่มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยเหรอ”
“ขอผมชกคุณสักหมัดก่อนแล้วกันและผมจะปล่อยคุณไป”
“แต่หากไม่….”
เจียงฮ่าวไม่จําเป็นต้องพูดจบ แต่หัวใจของซุนฉีก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาในทันที
เป็นตอนนี้ที่ใบหน้าของซุนฉีแสดงออกมาด้วยความบูดบึงและทิ้งตึงจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
นั่นก็เพราะว่เขาได้รับรู้แล้วว่าหมัดของเจียงฮ่าวนั้นไม่ใช่อะไรที่จะรับมือได้
เพียงหมัดเดียวก่อนหน้านี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้ถึงทุกสิ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้เหลือบไปมองตะเกียบคู่ที่ปักเอาไว้ในประตูเหล็กครึ่งด้ามตรงหน้าแล้ว…การที่จะให้เลือกเผชิญหน้ากับตะเกียบนี้มันก็….
เมื่อคิดถึงภาพที่เขาโดนตะเกียบเสียบพรุนแล้วทําให้เขานึกกลัวขึ้นมาจับใจ
เขาไม่มีทางรอดไปได้อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน
เมื่อไม่มีทางเลือกมากนัก ซุนฉีได้หันไปมองเจียงฮ่าวพักหนึ่ง ก่อนที่จะกัดฟันแน่นและพูดออกมาอย่างหนักแน่น
“ได้”
เมื่อพูดจบ เขาได้เดินเข้าไปหาเจียงฮ่าวและมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“จัดมา”
เมื่อเห็นฉากนี้ เจียงฮ่าวไม่ได้พูดอะไรอีก
เพียงเจียงฮ่าวขยับเพื่อที่จะตั้งท่า สายลมก็ไหลไปตามหมัดของเจียงฮ่าวอย่างหนักหน่วงและรุนแรง ประดุจดั่งมังกรที่เตรียมพร้อมจะโจนทะยาน
และก่อนที่ใครจะรู้ตัว หมัดของเจียงฮาวก็ได้ไปสัมผัสตัวซุนฉีแล้ว
ซุนฉีเองที่เห็นเจียงฮ่าวตั้งท่าก็ตั้งยกมือมากั้นไว้ที่อกของตนเพียงเตรียมที่จะรับหมัดของเจียงฮ่าว
แต่ชั่วเวลาถัดมา เสียงกระดูกหักก็ได้ดังขึ้นมาที่กลางอากาศ
“แคร็ก”
“อั่คคคค”
เสียงกรีดร้องที่ไม่เต็มปากของซุนฉีดังขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของผู้คน ซุนหยูก็ได้ลอยไปกระแทกประตูแล้ว
“ปัง…”
หลังจากนั้นเขาก็ล่วงลงกับพื้นพร้อมกับรอยโหว่ของประตู
“เอื้ออกกก”
ทุกๆคนต่งก็กลืนน้ําลายไปอีกใหญ่ นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาได้เห็นพลังหมัดของเจียงฮ่าว
แต่หมัดนี้เองกลับทรงพลังยิ่งกว่าหมัดแรกมากนัก
เป็นตอนนี้ เสียงของเจียงฮ่าวก็ได้พูดออกไปเบาๆประดุจดั่งขนนกแต่ชัดถนัดถนี่
“พาลูกพี่แกไปได้แล้ว แล้วก็รีบๆไสหัวไปซะ”
ลูกน้องของซุนฉีเมื่อได้ยินก็รีบถอยห่างจากเจียงฮ่าวด้วยความหวาดกลัวก่อนที่จะพุ่งเข้าไปช่วยซุนฉีอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้า หัวหน้าครับ..”
แขนของซุนฉีตกลงพร้อมกับเหงื่อที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากหน้าผาก เขาพยายามยืนขึ้นด้วยความยากลําบาก
เขาจ้องมองไปยังเจียงฮ่าวพร้อมพยายามจดจําเจียงฮ่าวให้ได้จนจําฝังใจ
“ไป…ได้แล้ว”
เขาพูดกับพี่น้องของคน
เขาเองก็เป็นคนฉลาด แน่นอนว่าเขาต้องไม่พูดคําอื่นที่จะเป็นการจุดประเด็นอีก
เป็นตอนนี้ที่ลูกน้องของเขาเองก็เข้าใจความหมาย พวกเขารีบเปิดประตูและช่วยกันพยุงซุนฉีและรีบจากไปโดยเร็ว
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้พวกเขาไม่มีหน้าจะมาพูดทิ้งท้ายแบบตัวร้ายทั่วไปแบบในหนัง
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกเขาก้าวออกไปจากประตู เจียงฮ่าวเองก็ได้ดังไล่หลังมา
“อ้อ” “แล้วก็ในเมื่อนายก้าวเข้ามาในงานแล้วพวกนายต้องจ่ายด้วยนะ หากพวกนายไม่ยอมจ่าย ฉันจะไปเป็นคนเก็บหนี้กับพวกนายเอง”
เมื่อซุนฉีได้ยินแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธเกรี้ยว
-แม่งเอ๊ย วันนี้นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว ยังเจ็บตัวและต้องเสียเงินอีกเรอะ
นี่มันจะมากไปแล้ว
แต่ในเมื่อการเสียเงินย่อมดีกว่าเสียชีวิต นี่แม้จะทําให้เขานั้นต้องเสียฟันไป แต่เขาก็ทําได้เพียงกัดลูกกระสุนแล้วกลืนมันลงไปเท่านั้น
“ได้”
เสียงที่ประดุจดั่งการยอมรับความพ่ายแพ้ ได้เล็ดรอดออกมาจากไรฟันที่กัดแน่นของซุนฉี
เมื่อซุนฉีจากไป หลี่หยวนที่โดนเตะจนนอนอยู่กับพื้นที่ได้เห็นฉากเหตุการณ์นี้ก็ต้องตกตะลึงในความทรงพลังของเจียงฮ่าว
แม้แต่ซุนฉีคนที่เขาเชื่อมั่นว่าจะกําจัดเจียงฮาวให้เขาได้ก็ไม่อาจจะต้านทานเพียงหมดเดียวของเจียงฮ่าว
ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อเขาได้เห็นทักษะในตํานานอย่างมีดบินไม่พลาดเป้านั่นยิ่งทําให้เขาต้องตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
และเป็นตอนนี้เองที่เขาพึ่งจะรู้ตัวว่าเจียงฮ่าวนั้นไม่ใช่คนที่เขาควรจะไปหาเรื่อง
เมื่อเห็นว่าซุนฉีจากไปแล้ว หลี่หยุนเองก็พยายามค่อยๆคลานออกไปในตอนที่ไม่มีคนอื่นเห็นเขา
“ฟึ่บ”
เป็นตอนนี้ที่ตะเกียบอันหนึ่งได้มาปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา ตะเกียบอันที่สามได้ปักเข้าลงกับพื้น