ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 49
บทที่ 49 เมื่อเจอคนที่กลายเป็นสัตว์ก็ต้องสอนสั่งให้กลายเป็นคน
ในตอนนี้ หัวหน้าทีมนักกีฬาที่ตัวใหญ่ยักษ์ หรือก็คือคนที่ตะโกนยั่วโทสะเกาเหวินเมื่อครู่นี้ได้ชำเลืองตามองทีมของเกาเหวินอย่างดูถูก
“นี่คือทีมของแกอย่างนั้นเหรอ ทำไมถึงได้ดูขี้ก้างนักวะ ไม่ว่ามองยังไงก็ยังเป็นเด็กยังไม่โตชัดๆ”
เพียงสิ้นคำพูดนี้ทำให้ผู้คนรอบสนามอดที่จะหัวเราะไม่ได้
ถึงจะโดนดูถูกมาอย่างนั้นแต่ก็เป็นจริงอย่างที่มันว่ามา นั่นก็เพราะฝั่งเจียงฮ่าวนั้นก็มีเพียงเกาเหวินเท่านั้นที่มีรูปร่างนักกีฬาพอฟัดพอเหวี่ยงกับทีมนักกีฬาโรงเรียนได้ ส่วนคนอื่นๆนั้นมีหุ่นที่เทียบได้กับคนทั่วไปเท่านั้นเอง
หากมองในแง่ร่างกายแล้วเรียกได้ว่าอยู่คนละระดับ
เมื่อเกาเหวินได้ยินดังนั้นทำให้ทุกคนในทีมเกือบทั้งหมดโกรธขึ้นมาถึงขีดสุด
เป็นตอนนี้ที่เจียงฮ่าวที่อยู่ในตำแหน่งตัวยืน ได้พูดออกมา
“กีฬามันไม่ใช่เรื่องของร่างกายอย่างเดียวไม่ใช่รึไง มันยังมีเรื่องของเทคนิคด้วยนา แต่ไม่ว่าจะดูยังไงฉันก็เห็นแต่ไอ้พวกสมองกล้ามทั้งนั้นเลยแหะ
ถึงฝั่งชั้นร่างกายจะดูเหมือนเด็กยังไม่โต แต่นั่นก็หมายความว่าสมองของพวกฉันต้องดีกว่าพวกนายอย่างแน่นอน
เจอกับพวกแกนี่ฉันว่าทีมของฉันน่าจะหลุดหมดว่ะ เพราะทักษะเล่นกีฬาของไอ้พวกสมองกล้ามอย่างพวกแกนี่แค่นึกก็ยังหลบได้เลย”
หลังจากสิ้นคำของเจียงฮ่าว หลิวเปียวกลายเป็นโกรธจากความอับอายแทน
หลิวเปียวได้ก้าวเข้ามาหาเจียงฮ่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด
“แกว่าอะไรนะ”
“ใครกันว่าที่คิดได้แต่เรื่องง่ายมีแต่กล้ามเนื้อที่พัฒนาน่ะ” “แกหาที่ตายแท้ๆ”
เมื่อพูดจบ หลิวเปียวได้ชกไปที่เจียงฮ่าวในทันที
หลิวเป่ยที่โกรธจัดนี้ได้หลงลืมไปว่ารอบข้างนั้นยังเต็มไปด้วยคนดู แต่ด้วยอารามตกใจจึงไม่มีใครทำอะไรได้ทัน
แม้แต่คนอื่นในทีมเจียงฮ่าวก็ตอบโต้ไม่ทันเหมือนกัน
“เฮ้ยยย”
“เจียงฮ่าว ระวัง”
ด้วยสถานการณ์ที่ขับขันในตอนนี้ เจียงฮ่าวเองได้มองหมัดที่พุ่งตรงมาด้วยรอยยิ้มราวกับคาดการณ์ไว้
ด้วยทักษะสัมผัสภยันตรายระดับสองของเขานั้นทำให้เขาสามารถคาดการณ์เหตุการณ์ที่เกิดจากการะทำของตนได้ช่วยระยะหนึ่ง และนี่เองทำให้เขาสามารถตั้งรับโดยการปล่อยมือของตัวไปจับที่ข้อมือของหลิวเปียว
และด้วยความทรงพลังจากทักษะของเขานั้นได้ทำให้หยุดหมัดที่ดูโหดร้ายนี้ไว้ได้กลางอากาศ
หลังจากนั้น จากสุ่มเสียงที่โหดร้ายก็ได้กลายเป็นเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนดังลั่นในสนามในทันที
“อ๊ากกกกกกกกกกกก”
“เจ็บบบบ…เจ็บบบบบเจ็บโว้ยยยยยเจ็บบบบ….”
ฉากนี้ทำให้นักเรียนทุกคนที่คิดว่าเจียงฮ่าวต้องจบเฮ่แล้วถึงกับไปกันไม่เป็นเลยทีเดียว
ในมุมมองของพวกเขาแล้ว เจียงฮ่าว ผู้ที่มีความสูงประมาณ 1.75 เมตรและดูผอมแห้งแรงน้อย กลับสามารถจับข้อมือของนักกีฬาที่รูปร่างใหญ่โตได้อยู่หมัดทั้งๆทีโดนเล่นทีเผลอด้วยมือข้างเดียว
โดยเฉพาะหลิวเปียวที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดที่ในตอนนี้หมดแรงจนต้องเข่าทรุดลงไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ยังไม่จางขาดหาย
“ไอ้ระยำ ปล่อยกัปตันของพวกเรานะโว้ย”
ในตอนนี้ นักเรียนห้องแปดที่มาเชียร์เกาเหวินเองก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ตอนนี้พวกเขาเองก็ได้ถูกล้อมไว้แล้ว
เกาเหวินและตัวแทนนักกีฬาเองก็โดนล้อมเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นฉากนี้ เจียงฮ่าวเองก็ถึงกับต้องผวาไปเล็กน้อย
นั่นก็เพราะในตอนนี้นอกจากนักกีฬาของทีมตรงข้ามแล้ว นักเรียนที่เข้ามาดูเองส่วนใหญ่แล้วก็ได้ยืนขึ้นและรุมล้อมเพื่อนร่วมห้องของเขาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน นี่มันแก๊งอันธพาลชัดๆ
“ปล่อยกัปตันของพวกเราดีกว่านะโว้ย พวกเราไม่ได้มีดีแค่บาสเก็ตบอลอย่างเดียวเท่านั้น คิดจะมีเรื่องกับพวกเราด้วยคนจำนวนแค่นี้เนี่ยนะ ฉันว่ามองยังไงพวกแกก็ไม่รอดว่ะ”
“ใช่ รังแกคนที่รังแกคนอื่นน่ะ รู้จักรึเปล่า พวกฮีโร่น่ะก็เป็นแบบนั้นแหล่ะโว้ย ฮ่าฮ่าฮ่า”
“…”
เมื่อเห็นว่าคนดูในสนามที่เห็นกับตาว่าหลิวเปียวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่กลุ่มคนดูกลับเข้าข้าง ทำให้เกาเหวินเองโกรธจัดจนอยากจะลงไม้ลงมืออกมา
แต่เจียงฮ่าวได้ทำการจับหลังของเกาเหวิน ก่อนที่จะค่อยๆดึงให้หลิวเปียวที่ในตอนนี้กำลังโดนตรึงอยู่กับมือตัวเองให้ยืนขึ้น
“ถ้าอยากจะเล่นก็มา แต่อย่ามาทำโอหังใส่ฉันคนนี้”
เมื่อพูดจบ ซูจิ้งได้ผลักหลิวเปียว ผู้ที่ทั้งตัวสูงและร่างใหญ่ยักษ์ให้กึ่งลอยละลิ่วออกไปอย่างง่ายดาย
หลิวเปียวที่ในตอนนี้กึ่งๆลอยออกไปนั้นแทบจะต้องล้มหงายหลัง แต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ข้างหลัง
“กัปตัน เป็นอะไรรึเปล่า”
“เจ็บมากรึเปล่าครับกัปตัน”
แต่ไม่มีใครคาดคิด หลิวเปียวกลับจ้องมองไปยังเจียงฮ่าวอย่างเกลียดชังและใบหน้าที่เอาเรื่อง
“ไอ้แม่เ…”
ทันทีที่มันได้สบถคำหยาบออกมาและพยายามเข้าไปเล่นงานเจียงฮ่าวอีกครั้ง
ตัวมันนั้นไม่เชื่อว่าตัวเองจะถูกจัดการได้ง่ายๆแบบนี้ มันต้องการชี้ขาดเรื่องนี้ให้ได้
เป็นตอนนี้เองที่ทีมนักกีฬาพยายามเข้ามาห้ามปรามในทันที พวกมันทั้งฉุดรั้งและพูดแนะนำอย่างสุดความสามารถ
“กัปตัน พวกเรามีพวกมากกว่านะ คนฉลาดย่อมไม่ยอมให้ตกเป็นลองด้วยอารมณ์นะครับ ผมว่าเราเล่นงานพวกมันในสนามดีกว่านะครับ”
“ใช่แล้วครับกัปตัน อย่าหุนหันพลันแล่นไป”