ระบบรักฉบับเทพบุตร - ตอนที่ 38
ตอนที่ 38 คู่แข่งขันที่ยุติธรรม!
หลินฟ่าน นั่งถัดจาก เซี่ยหว่านชิว และเฝ้าดูข้อความมากมายบน เว่ย์ปั๋ว อย่างเงียบ ๆ
โทรศัพท์มือถือของเขาติดขัดเพราะมีข้อความเข้าเยอะมาก
“เฮ้อ..ฉันคงต้องซื้อโทรศัพท์ใหม่แล้ว”
แม้ว่าในขณะนี้ตัว หลินฟ่าน ได้รับการสนใจและมีคนชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันน่าตกใจไปมากกว่าครั้งก่อนนี้
” ถ้าหากคนอื่นคงจะมีความสุขมาก เมื่อได้รับความสนใจ บน เว่ย์ปั๋ว แต่ว่านายแตกต่างจากคนอื่น ๆ มาก็เลย ไม่ดีใจเหรอ ?” เซี่ยหว่านชิว มองไปที่ หลินฟ่าน
“ คนที่เก่งและหล่อเหลา มักจะมีปัญหาแบบนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว มีสาว ๆ มากมายไล่ตามฉันเมื่อเห็นฉันและต้องการถ่ายรูปกับฉัน”
“ ตอนนี้ชีวิตฉันคงต้องลูกเป็นไฟ ฉันต้องการอยู่อย่างเงียบ ๆ และใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายตอนนี้ฉันทำไม่ได้ เพราะการค้นหาที่ดูจะร้อนแรงตอนนี้มีความหล่อของฉันเป็นเหตุ
“ดูนายคงจะรู้เพียงแค่ว่าตัวเองหล่อมาก” เซี่ยหว่านชิว หัวเราะเบา ๆ
“ มันก็ดีถ้ามันเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาช่วงนี้ ความจริงแล้วฉันก็อยากลองเล่นละครที่เต็มไปด้วยอารมณ์ แต่ก็ไม่มีนักแสดงที่เหมาะสมจะเล่นด้วยซะที ” เซี่ยหว่านชิว ถอนหายใจพร้อมกับดูผิดหวัง
ผู้หญิงมีอารมณ์อ่อนไหวโดยธรรมชาติ แต่สำหรับละครบางเรื่องที่ต้องเข้าฉาก หวานซึ้งแต่เธอไม่มีทางรับเล่น แม้ว่านักแสดงชายจะหล่อเหลาแค่ไหน แต่เซี่ยหว่านชิว ก็ไม่มีความคิดที่จะร่วมงานกับพวกเขาเลย
การจับมือ กอดจูบกันทุกคนควรทำกับคนที่เรารักเท่านั้นไม่ใช่เหรอ
เฉพาะเมื่ออยู่กับคนที่เรารักเท่านั้น เราถึงจะสามรถทำได้และทักษะการแสดงก็จะสมจริงมากขึ้น
“ไม่เป็นไร วันหนึ่งก็จะได้แสดงกับฉันไง” หลินฟ่าน ยิ้ม
“หืม…. !!! ฉันไม่อยากเล่นกับนักแสดงคนไหนทั้งนั้น ในอนาคตด้วย” เซี่ยหว่านชิว ปัดผมยาวของเธอ
“ ทำไมล่ะ” หลินฟ่าน ถามโดยมองไปที่ เซี่ยหว่านชิว ทำสายตาอบอุ่นมาก
“ไม่มีเหตุผลมากมายหรอก ฉันไม่อยากแสดงก็ไม่แสดงเท่านั้นเอง” เซี่ยหว่านชิว จ้องไปที่ หลินฟ่าน เธอคิดในใจว่า เขาช่างเป็นคนโง่จริงๆเพราะนักแสดงพวกนั้นไม่ใช่ หลินฟ่าน
บทละครที่ต้องมีฉากเลิฟซีน และจูบแรกของเธอ แม้จะเป็นแค่บนจอ ทำไมถึงต้องแสดงฉากเหล่านั้นกับนักแสดงชายคนอื่น แม้จะแสดงเก่งมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ … ไม่ใช่ หลินฟ่าน
อันที่ หลินฟ่าน เข้าใจความหมายของ เซี่ยหว่านชิว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่แตะหมวกหูแมวของ เซี่ยหว่านชิว และพูดว่า
“ถ้าหากสักวันหนึ่งฉันกลายเป็นนักแสดง ฉันจะแสดงกับเธอในละครรัก ฉันจะเป็นพระเอกและเธอ จะเป็นนางเอก “
เซี่ยหว่านชิว หน้าแดง ” หน้าด้าน ใครอยากเป็นนากเอกคู่กับนายนายต้องการแกล้งฉัน เมื่อนายเป็นนักแสดงแล้วจะจงใจให้ถ่ายฉากจูบผิดพลาดแล้วผู้กำกับ ต้องสั่งถ่ายใหม่ ซ้ำๆ ฉันไม่ได้อยากแสดงร่วมกับนาย” เธอพูดด้วยความเขินอาย
” ฉันต่างหาก เป็นคนที่ ต้องทนทุกข์ทรมานเมื่ออยู่ในฉากจูบกับเธอ” หลินฟ่านพูดหลังจากที่ เซี่ยหว่านชิว พูดจบ เมื่อได้ยินสิ่งนี้เธอก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย มองไปที่ หลินฟ่าน ด้วยความโกรธและกัดที่แขนของ หลินฟ่าน
โอ๊ะ! กัด! อีกแล้ว!
“มันเจ็บมันนะ … เธอเป็นหมาเหรอ” หลินฟ่านพูด
“หึ….” มุมปากของ เซี่ยหว่านชิว ขยับขึ้นเล็กน้อย
“ลูกหมาหรือลูกแมวเนี่ย… เธอกัดฉันสองครั้งแล้ว” หลินฟ่าน พูดแล้วหัวเราะเบาๆ
“กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันที่เป็นถึงดาราดังแบบนี้ หึ!..ทุกข์ทรมาน อย่างนั้นเหรอ ” เซี่ยหว่านชิว โกรธที่ได้ยินคำพูดของหลินฟ่าน แต่ก็เธอเป็นหมาน้อยที่น่ารักขนาดนี้
…….
ซู่หยาง นั่งอยู่ใน บริษัท เงียบ ๆ ดูข่าวบน เว่ย์ปั๋ว เขาดูหมดหนทางเมื่อเผชิญกับความคิดเห็นสาธารณะครั้งใหญ่นี้ และด้านประธานหลี่ รู้สึกไม่พอใจกับข่าวนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับดาราหญิงก็คือข่าวซุปซิบ
หากเป็นความรักที่ประกาศอย่างเป็นทางการตามปกติแฟน ๆ อาจจะยังไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่และจะมีแต่คำอวยพร
แต่เรื่องอื้อฉาวระหว่างดาราหญิงกับคนธรรมดานั้นร้ายแรงมาก ไม่มีแฟนคนไหนยอมรับได้และ บริษัท ก็จะไม่ยอมเสียหายเพราะข่าวประเภทนี้เช่นกัน
หากเรื่องอื้อฉาวเป็นเรื่องจริงจะส่งผลกระทบต่ออาชีพของดาราหญิงอย่างมาก อาจถูกยกเลิกสัญญาการเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ และหลาย บริษัทที่ผลิตผลงานอาจไม่ร่วมมือกับดาราดังหญิงที่มีข่าวอื้อฉาวนี้
หลังจากภาพในสมัยมัธยมปลายของ หลินฟ่าน และ เซี่ยหว่านชิว และวิดีโอคลิป ที่หลินฟ่าน ปกป้อง เซี่ยหว่านชิว จากแฟนคลับที่เป็นชายร่างใหญ่ก่อนนั้น ที่หน้าร้านอาหารก็ยังแพร่กระจายอยู่ในอินเทอร์เน็ต
แม้ว่าจะติดอันดับการค้นหายอดนิยมบน เว่ย์ปั๋ว แต่ผลกระทบก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต
รูปถ่ายสมัยมัธยมสามารถแสดงถึงอะไรได้หลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็แสดงให้เห็นว่าคนสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีในโรงเรียนมัธยม ใครบ้างจะไม่มีรูปถ่ายของเพื่อนๆสมัยเรียน
ดังนั้นประธานหลี่ จึงสั่งให้ทำทุกอย่างตามกระบวนการปกติ ของบริษัท ในการปัดไปว่า..ข่าวนั้นเป็นเพียงข่าวลือ
นอกจากนี้ยังมีความหวังอันริบหรี่ในใจของ ซู่หยาง
เขาพอจะเข้าใจเหตุผลที่ เซี่ยหว่านชิว ไม่รับงานแสดงที่มีฉากจูบ ดังแต่เป็นดารามาหลายปีว่าเป็นเพราะ หลินฟ่าน
ในสายตาของ ซู่หยาง หลินฟ่าน นั้น เป็นเพียงคนธรรมดา ที่เปิดร้านอาหาร ถึงแม้ว่า หลินฟ่าน จะเซ็นสัญญากับบริษัท และก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว แต่ก็ยากที่จะเหนือกว่าเขาเพราะพื้นฐานครอบครัวของ ซู่หยาง นั้นร่ำรวยไม่น้อยหน้าใครในเมจิกซิตี้เลย
หลังจากมีข่าวออกไปแล้ว มีเพียงคำพูดจาก เซี่ยหว่านชิว เท่านั้น ที่จะสยบข่าวลือนั้นอย่างสมบูรณ์
แน่นอนว่าประโยคง่ายๆของ เซี่ยหว่านชิว กลายเป็นคำบอกเล่าจากปากต่อปากทันทีควบคู่ไปกับการดำเนินงานบางอย่างของ บริษัท และยังทำให้ร้านอาหารของ หลินฟ่าน ได้รับความนิยมจากผู้คนมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามหัวใจของ ซู่หยาง ก็ยังรู้สึกเจ็บปวด
ซู่หยาง เฝ้าดูประโยคที่ เซี่ยหว่านชิว โพสต์บน เว่ย์ปั๋ว ว่า….[เรายังไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ]
ในสายตาของคนทั่วไปมันอาจเป็นเพียงการปฏิเสธง่ายๆ แต่ ซู่หยาง ไม่คิดอย่างนั้น
การที่ เซี่ยหว่านชิว ปฏิเสธข่าวลือนั้นมีความหมายอีกอย่างหนึ่ง – [ตอนนี้ฉันยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ได้อยู่ด้วยกันในอนาคต 】
สำหรับความคิดเห็นมากมายบนอินเทอร์เน็ตความคลุมเครือระหว่างคนสองคนรูปถ่ายกลุ่มแม้กระทั่งความรักที่แอบชอบหรือเหตุผลของ เซี่ยหว่านชิว ที่ไม่สร้างฉากจูบเป็นเพราะ หลินฟ่าน
เซี่ยหว่านชิว ไม่ตอบข้อสงสัย จากความคิดเห็นทั้งหมด
แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังยอมรับในข่าวลืออยู่ส่วนหนึ่งด้วย
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงว่าสาเหตุที่ เซี่ยหว่านชิว ปฏิเสธที่จะแสดงฉากจูบและปฏิเสธที่จะเข้าใกล้นักแสดงชายนั้นเป็นเพราะ หลินฟ่าน
สิ่งที่ เซี่ยหว่านชิว พูดไม่ใช่เพื่อลบล้างข่าวลือ แต่เป็นการบอก ซู่หยาง ว่าคนที่เธอชอบคือ หลินฟ่าน
“เซี่ยหว่านชิว ประโยคที่คุณ โพสต์ ต้องทำให้ผมยอมแพ้ใช่หรือเปล่า” ซู่หยาง รู้สึกเจ็บปวด
หลังจากใช้เวลาหลายปีที่ ซู่หยาง ได้รู้จักกับ เซี่ยหว่านชิว ในบริษัท เขาคิดว่าเขาสามารถพูดคุยกับ เซี่ยหว่านชิว ได้อย่างสบายใจตลอดมา ตอนนี้ดูเป็นเรื่องที่ลำบากใจไปเสียแล้ว”
“หลินฟ่าน แม้ว่าตอนนี้คุณจะเหนือกว่าผม แต่พื้นฐานของผมดีกว่าคุณมากและร่ำรวยกว่าคุณ คุณไม่มีทางดูแล เซี่ยหว่านชิวได้ดีเท่าผมแน่นอน แต่ครั้งนี้ผมจะแข่งขันกับคุณอย่างยุติธรรม” ซู่หยาง พูดขณะมองรูปถ่าย ของหลินฟ่าน ด้วยความมั่นใจ
ด้วยความสามารถของ หลินฟ่าน ยังมีหนทางอีกยาวไกลในการเข้าถึงกับอาชีพของ เซี่ยหว่านชิว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ซู่หยาง จึงกดโทรศัพท์หาของผู้ช่วย
“ค่ะ..คุณซู่ มันดึกมากแล้วมีอะไรเหรอคะ..” ผู้ช่วยรับสาย
“คุณช่วยติดต่อ หลินฟ่าน และบอกเขาว่าผมต้องการชวนเขาเข้า สังกัด เยิ่นหัว กรุ๊ป ในฐานะศิลปิน และพูดคุยเรื่องค่าเซ็นสัญญาให้เรียบร้อย ผมสามารถพาเขาเข้าสู่วงการบันเทิงได้ โดยไม่มีเงื่อนไข” ซู่หยาง กล่าว
บางทีในสายตาของคนอื่น เขาอาจดูใช้อำนาจและข้อได้เปรียบของการเป็นดารา เพื่อเอาชนะ หลินฟ่านได้ และเขาก็สามารถเข้า เซี่ยหว่านชิว ได้ ง่ายกว่าคนธรรมดา
แต่ ซู่หยาง ต้องการช่วย หลินฟ่าน ให้เข้าร่วม สังกัดในบริษัท ทำงานร่วมกันและต้องแข่งขันกับ หลินฟ่าน อย่างยุติธรรม
หลินฟ่าน มาจากครอบครัวที่ยากจนและไม่มีทรัพย์สิน หรือเส้นสายที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง เขาจะช่วย หลินฟ่าน อย่างจริงจังและเขาจะทำให้ หลินฟ่าน เห็นว่าสิ่งไหนที่ หลินฟ่าน ทำไม่ได้แต่คนอย่างเขาสามารถทำได้
“โอเคค่ะ” ผู้ช่วยพยักหน้าพร้อมกับแสดงความสงสัยในใจ
ซู่หยาง ไม่เพียง แต่เป็นศิลปินชายอันดับหนึ่งของ เยิ่นหัว กรุ๊ป แต่ยังเป็นคนที่มีอำนาจคนหนึ่งในบริษัท ด้วย
ความนิยมของเขาสูงกว่า เซี่ยหว่านชิว และเขามีตำแหน่งสำคัญในแวดวงบันเทิงทั้งหมดหากเขาต้องการโปรโมทนักแสดงหน้าใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
นักแสดงที่ได้รับการสนับสนุนจาก ซู่หยาง จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในวงการบันเทิง
ผู้ช่วยไม่สามารถจินตนาการได้ว่า หลินฟ่าน จะเป็นอย่างไรในอนาคต
หลินฟ่าน เองก็หล่อมากถ้า หลินฟ่าน ยินดีที่จะเข้าร่วม สังกัด เยิ่นหัว กรุ๊ป เขาจะได้รับความช่วยเหลือจาก ซู่หยาง, เซี่ยหว่านชิว และ ซูเสี่ยวหยู
บางทีอีกไม่นาน หลินฟ่าน อาจจะกลายเป็นศิลปินแนวหน้าขึ้นมาจริงๆก็ได้
แน่นอนว่าสิ่งที่ ซู่หยาง ยังไม่รู้ว่าการแข่งขันที่ยุติธรรมที่เขาต้องการนั้นไม่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก
เซี่ยหว่านชิว ปฏิเสธที่จะเข้าใกล้ดาราคนไหน แต่เธอเต็มใจที่จะอยู่ร่วมห้องกับ หลินฟ่าน ตามลำพัง
ซู่หยาง จะต้องสงสัยอย่างแน่นอนถ้าเขารู้
ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางที่จะอยู่ในจุดเริ่มต้นเดียวกันกับ หลินฟ่านได้