ระบบร้านค้าออนไลน์ - ตอนที่ 307
TB:บทที่ 307 นักแม่นปืน
คำพูดของหวู่เต่าเทียนทำให้หวู่ชิงหยางถึงกับหัวใจสลาย หลานชายที่เขาคอยเฝ้าทะนุถนอมมาโดยตลอด ได้เติบโตมาเป็นคนละคนกับคนที่เขาเคยรู้จัก หวู่ชิงหยางในตอนนี้ไม่ต่างกับเด็กน้อยอายุสิบขวบ
“ผมยังไม่ได้รับปากคุณเลยนะ หวู่เต่าเทียน” เฉินหลงว่า
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ว่ายังไงผมก็จะติดตามและรับใช้คุณเฉิน จนกว่าคุณเฉินจะยินดีสอนมันให้ผมครับ” แม้เฉินหลงยังไม่รับปากว่าจะสอนเขา หวู่เต่าทียนก็ยังคงกล่าวมันออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจัง
เฉินหลงไม่ตอบ เขาเพียงแค่คลี่ยิ้มบางๆออกมา จากนั้นก็หันไปถามหวู่ชิงหยางที่ยืนอยู่ไม่ไกล “แล้ววันนี้คุณยังจะพักที่นี่อยู่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินคำถามจากเฉินหลง หวู่ชิงหยางจึงหมุนตัวเดินกลับไปพร้อมกับถังเต่าหู
ในเมื่อหลานชายของเขาได้ตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่แล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังของหวู่ชิงหยาง เฉินหลงจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในปราสาทโดยมีหวู่เต่าเทียนเดินตามเขาไป
ในพระราชวังบักกิงแฮม ชายหนุ่มรูปงามสวมอาภรณ์ที่ให้อารมณ์เหมือนพวกชั้นสูงกำลังพูดคุยกับชายหนุ่มสิบสองคน
ในคืนที่เฉินหลงกลับมาที่โลก เกาเหวินที่ปรากฏตัวขึ้นกลางดึกก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน รวมถึงอลันและตำรวจก็อยู่ที่นั่นด้วย นอกจากนั้น อัลเลนคนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากไม่กี่เดือนก่อน และสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือนิสัยของเขา
ชายหนุ่มทั้งสิบสองคนนี้คืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองคนที่พวกโบสถ์แห่งแสงส่งตัวไปที่นครแห่งหมอก
“อาเธอร์ ไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกที่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?” หนึ่งในอัศวินศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถามชายผู้สูงศักดิ์รูปงาม
“พวกสภาแห่งศาสตร์มืดมักจะปรากฏตัวอยู่เสมอ แม้แต่พวกสาวกของพระเจ้ายังไม่สามารถกำจัดพวกมันออกไปได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้ การที่พวกสภาแห่งศาสตร์มืดปรากฏตัวในเมืองแห่งหมอกจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก” อาเธอร์คลี่ยิ้มและกล่าวต่อว่า “ข้ามั่นใจว่าลอร์ดคริสจะมาจัดการพวกสภาแห่งศาสตร์มืดที่นี่”
“ถูกต้อง ข้ามาที่นี่เพื่อสั่งสอนพวกสภาแห่งศาสตร์มืด พวกมันกล้ามากที่มาล้อมโบสถ์เซนต์ปอลของเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มิอาจให้อภัยได้” คริส อัศวินศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยท่าทางโมโห
“ตามที่ท่านลอร์ดคริสกล่าว ท่านควรสั่งสอนบทเรียนให้กับสภาแห่งศาสตร์มืด จนพวกมันต้องจดจำไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่” อาเธอร์กล่าว บนใบหน้าที่หล่อเหลายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม
“ข้าปราถนาที่จะได้รับความช่วยเหลือจากท่านอาเธอร์ และอัศวินโต๊ะกลมของท่านเช่นกัน” คริสพยักหน้ารับ และตอบอาเธอร์
“ตามที่ท่านต้องการ เมื่อถึงเวลา หากลอร์ดคริสต้องการความช่วยเหลือจากข้า ขอแค่ท่านเอ่ยมันออกมา ข้าก็พร้อมช่วยท่านเสมอ” อาเธอร์กล่าว
เนื่องจากว่าไม่มีทางที่อาเธอร์จะปฏิเสธคำขอของคริส ถึงแม้ว่าโบสถ์แห่งแสงที่อยู่บนพื้นโลกไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ถ้าคำนึงถึงจำนวนผู้ศรัทธาในโลกนี้ เขารู้ดีว่าคนพวกนี้มีอำนาจมากขนาดไหน
แต่กองทัพของอีกฝ่ายอาจแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาและอัศวินโต๊ะกลมจะรับมือไหว ด้วยเหตุนี้ คริสจึงไม่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างโบสถ์แห่งแสงและสภาแห่งศาสตร์มืด แต่ไหนแต่ไร มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว
หลังจากนั้น คริสก็ออกไปจากพระราชวังบัคกิงแฮมพร้อมกับอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออีกสิบเอ็ดคน
“อาเธอร์ พวกเราจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างพวกสาวกของพระเจ้าและสภาแห่งศาสตร์มืดจริงๆหรือ?” หลังจากที่คริสและคนที่เหลือกลับไป เกาเหวินก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมทันที
อาเธอร์และอัศวินโต๊ะกลมมีหน้าที่ปกป้องราชวงศ์แห่งอังกฤษ ตราบใดที่สภาแห่งศาสตร์มืดไม่ลงมือทำร้ายคนในราชวงศ์ พวกเขาก็จะไม่ก่อสงครามกับสภาแห่งศาสตร์มืด
ท้ายที่สุดแล้ว สภาแห่งศาสตร์มืดที่ทรงพลังจะตกเป็นฝ่ายที่ทนทุกข์ทรมานจากความขัดแย้งนี้
“โดยปกติ พวกเราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ระหว่างสาวกของพระเจ้าและสภาแห่งศาสตร์มืด อย่างมากก็แค่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเขา พวกเราไม่สามารถตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับพวกเขาได้ นอกจากสภาแห่งศาสตร์มืดจะจะก่อความวุ่นวายกับพวกเขาจริงๆ” อาเธอร์กล่าวอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบพวกสภาแห่งศาสตร์มืดแต่หน้าที่ของเขาคือการปกป้องราชวงศ์ และเขาจะไม่ลงมือทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นอันขาด
“ลอร์ดคริส ท่านคิดว่าอาเธอร์จะยอมช่วยพวกเราจริงๆหรือ?” อัศวินศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างๆคริสเอ่ยถาม
“ข้าจะไม่ต่อสู้ อย่างไรเสีย หน้าที่ของเขาคือการปกป้องราชวงศ์อังกฤษ เขาไม่จำเป็นต้องสู้กับสภาแห่งศาสตร์มืดเนื่องจากราชวงศ์อังกฤษที่ชั่วร้ายได้ถูกพวกสภาแห่งศาสตร์มืดจัดการไปแล้ว” คริสกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่เขาช่วยให้เราลงมือทำอะไรได้ง่ายขึ้น”
น่าเสียดายที่อาเธอร์และอัศวินโต๊ะกลมไม่มีทางเป็นศัตรูกันได้ แต่คริสก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก เพราะอาเธอร์ไม่ได้ยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องอำนาจของสาวกแห่งพระเจ้าในการส่งตัวกำลังไปยังนครแห่งหมอก
“อาเธอร์ น่าเสียดายที่เขามีพลังมากมายมหาศาลแต่กลับไม่ได้ใช้มันเป็นเครื่องมืออันศักดิ์สิทธิ์ ในการทำลายสภาแห่งศาสตร์มืด ลอร์ดคริส ถ้าภาชนะศักดิ์สิทธิ์ของอาเธอร์สามารถเข้าร่วมกับสาวกแห่งพระเจ้าของเราได้ เราอาจมีอัศวินศักดิ์สิทธิ์เพิ่มมาอีกคนหนึ่งก็เป็นได้” อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ถัดจากคริสกล่าวเสียต่ำ
“ท่านอย่าได้โลภมากนัก ภาชนะศักดิ์สิทธิ์ของอาเธอร์จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเรามีสายเลือดของกษัตริย์อาเธอร์เท่านั้น หากไม่แล้ว ถึงเราครอบครองมัน เราก็มิอาจใช้งานมันได้ อีกอย่าง ท่านอย่าได้คิดถึงเรื่องนี้อีกเลย พวกเรากลับไปวางแผนว่าจะกำจัดพวกลิทธิแห่งความมืดยังไงจะดีกว่า” คริสกล่าว
ทันทีที่คริสพูดจบ ตลอดทางก็ไม่มีอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนไหนกล้าพูดเรื่องนี้อีก
เมื่อพวกของสาวกแห่งพระเจ้ามาถึงเมืองแห่งหมอก เป็นธรรมดาที่สภาแห่งศาสตร์มืดจะทราบเรื่องนี้ และพวกเขาก็ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับแอสเดสที่ปราสาทเช่นกัน
“คุณเฉิน ครั้งล่าสุดที่พวกเราได้ทำการล้อมโบสถ์เซนต์พอลไว้ ดูเหมือนว่าพวกโบสถ์แห่งแสงจะใจร้อนไม่น้อย ครั้งนี้ พวกเขาส่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์สิบสองคน รองผู้พิพากษาห้าคน และยังมีมัคนายกอีกสิบคนไปนครแห่งหมอกเพื่อปกป้องราชสำนัก” แอนเดสพูดกับเฉินหลงที่ถือแก้วไวน์แดงอยู่ในมือ
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปล่ะครับ คุณคิดจะสู้กับพวกเขาเหรอครับ?” เฉินหลงจิบไวน์แดงเข้าไปหนึ่งอึก แล้วคลี่ยิ้มบางๆ
“คำตอบของผมคือไม่ ถ้าพวกเขาหาพวกเราไม่เจอแล้วพวกเราจะสู้กับพวกเขาทำไมล่ะครับ แต่ถ้าพวกเขาต้องการ พวกเขาอาจพักอยู่ที่นครแห่งหมอกสักระยะหนึ่ง แค่นี้พวกเราก็จะได้พัฒนาฝีมือในนิวเวิร์ลได้” ทันใดนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแอนเดส
“แอนเดส พลังของนักบวชโบสถ์แห่งแสงน่าจะมาจากภาชนะศักดิ์สิทธิ์และคำอธิษฐานของพวกเขา ผมเลยคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะมีร่างกายที่แข็งแรงเท่าไหร่” เฉินหลงพยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้พลังของพวกสาวกแห่งพระเจ้าอ่อนแอลง
“ครับ ถึงพวกเขาจะเป็นถึงอัศวินศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าร่างกายกลับแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาแค่สามถึงห้าเท่าเท่านั้น ส่วนพวกนักบวช พวกเขาก็เหมือนกับคนธรรมดานั่นแหละครับ” แอนเดสกล่าวเสียงเรียบ
ในกรณีนี้ ไม่ใช่แค่กับพวกโบสถ์แห่งแสงเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงพวกสภาแห่งศาสตร์มืดเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น พ่อมดแห่งศาสตร์มืดอย่างแอนเดส ตัวเขาเองก็ยังมีร่างกายที่อ่อนแอเช่นกัน และเขาก็คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เมื่อเฉินหลงเอ่ยปากถาม แอนเดสจึงตอบออกไปโดยตามตรง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณคิดว่าผมจะมีโอกาสเอาชนะอีกฝ่ายไหมละครับ?” ทันใดนั้น บนในหน้าเฉินหลงเองก็ปรากฎรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นเช่นกัน
ถ้าพวกเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แสดงว่าเขายังใช้อาวุธสมัยใหม่จัดการกับอีกฝ่ายได้