ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 255 สุสานราชวงศ์
บทที่ 255 สุสานราชวงศ์
บทที่ 255 สุสานราชวงศ์
มู่พ่านซานมองไปยังฉู่เชิ่งที่อยู่กลางห้องโถง สมองพลันตื้อชาไปชั่วขณะ
เมื่อศิษย์เอกยอดเขาดาบลืมตาขึ้นมาเห็นสองคนตรงหน้าก็ตะลึงงัน
เมื่อครู่นี้เขากำลังสืบทอดอาวุธใหม่มิใช่หรือ?!
ทำไมท่านองครักษ์และจักรพรรดินีถึงอยู่ที่นี่ได้?!
มู่พ่านซานและฉู่เชิ่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบไปครู่หนึ่ง
“แค่ก ๆ ๆ”
เสียงไอของจักรพรรดินีทำลายความเงียบ มู่พ่านซานยกมือขึ้นตบหลังนางสองสามครั้ง ปกป้องจักรพรรดินีด้วยพลังวิญญาณ
มู่พ่านซานหันกลับมาก็ขมวดคิ้วทันที “ทำไมเจ้ามาที่นี่ แล้วลู่หยวนเล่า?”
ฉู่เชิ่งจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น!?
ตอนนี้เขามองไปรอบ ๆ และพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องโถงที่เต็มไปด้วยมรดกเจตจำนงแห่งดาบ แล้วที่นี่คือที่ไหน บุตรแห่งโชคชะตาฉู่ก็ไม่รู้เลย!
มู่พ่านซานมองไปยังฉู่เชิ่งที่มีท่าทางงุนงงอย่างยิ่ง คิ้วยิ่งขมวดแน่นขึ้น และเริ่มตรวจสอบด้วยตัวเอง
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองแผ่นศิลาขนาดยักษ์พาดอยู่บนคานเหนือรูปปั้นวิหคเพลิง
ตัวอักษร ‘แท่นสังเวยวิหคเพลิง’ ที่เขียนอยู่บนนั้น ถูกปราณหอกอันทรงพลังขยับขึ้นลง ลบคำว่า ‘แท่น’ และ ‘วิหคเพลิง’ ออกไป ก่อนหอกนั้นจะจารึกลายมือที่แข็งแกร่งสง่างาม และเพิ่มตัวอักษรสองสามคำ
จักรพรรดินีและฉู่เชิ่งย่อมสังเกตเห็นสายตาของมู่พ่านซาน พากันมองตามขึ้นไป
“สังเวยมารดาเจ้าสิ”
ฉู่เชิ่งอ่านออกเสียงโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็เพียงพอที่จะดังก้องในห้องโถง
ใบหน้าของมู่พ่านซานมืดหม่นทันที ตอนนี้เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลู่หยวนไม่ได้อยู่ในแท่นสังเวยวิหคเพลิงอีกต่อไป!
เขาย้อนความทรงจำอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ตอนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง ร่างของลู่หยวนก็หายไป และครู่ต่อมาฉู่เชิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นแทนที่!
มู่พ่านซานกวาดตามอง ดวงตาคมดุจนกอินทรีจับจ้องไปที่ฉู่เชิ่ง
ภายใต้การจ้องมองนี้ ลำคอของบุตรแห่งโชคชะตาฉู่เกร็งแน่นขึ้น พร้อมเหงื่อเย็นไหลรินจากแผ่นหลังของเขา
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ลู่หยวนอยู่ที่ไหน?!”
ในน้ำเสียงที่ทุ้มหนักนั้นมีเจตนาเข่นฆ่าที่ไม่รู้จบ
ฉู่เชิ่งถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวและกลืนน้ำลาย “ข้า ข้าไม่รู้!”
“ไม่รู้รึ?”
มู่พ่านซานตะคอกอย่างเย็นชา “ทันทีที่ลู่หยวนหายตัวไป เจ้าก็ปรากฏตัวขึ้น เจ้ายังจะบอกว่าตนเองไม่รู้เรื่องอีกรึ?”
“ข้ากำลังสืบทอดเจตจำนงแห่งดาบอยู่ แต่จู่ ๆ ก็มาโผล่ที่นี่ อาจจะเป็นอุบายของลู่หยวนก็ได้ขอรับ!”
ฉู่เชิ่งดูเหมือนจะจับจุดสำคัญได้ และผงกศีรษะอย่างสุดกำลัง “ใช่แล้ว กลอุบายของลู่หยวนไม่มีที่สิ้นสุด ต้องเป็นเขาแน่!”
คำพูดทั้งหมดของอีกฝ่ายที่เข้าหูมู่พ่านซานราวกับผายลม
ชายวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างเย็นชา “หรือว่าเจ้าลู่หยวนครอบครองยันต์ที่สามารถแลกเปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองกับเจ้าได้?!”
“ข้าเดินทางข้ามแผ่นดินใหญ่มาหลายพันปี แต่ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับยันต์เช่นนี้มาก่อน!”
“เรื่องนี้เจ้าต้องรู้เห็นด้วยเป็นแน่!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของมู่พ่านซาน แรงกดดันก็เพิ่มขึ้นเท่าทวี และกดทับไปที่บนร่างฉู่เชิ่งในชั่วพริบตา
เพียงครู่เดียวอีกฝ่ายก็ทนไม่ไหวจนต้องคุกเข่าลงทั้งสองข้าง
ปึก!
สองเข่าของฉู่เชิ่งแทงลงไปกับพื้นห้องโถง ฝากหลุมสองหลุมไว้บนพื้น
“สารภาพมาซะ!”
ในคำพูดของมู่พ่านซาน เจตนาฆ่ายังคงแผ่ออกมาไม่หยุด พร้อมแรงกดดันที่เพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
กร๊อบ! กร๊อบ! แกร๊ก!
กระดูกบนร่างของฉู่เชิ่งถูกบดขยี้โดยตรง
อึก!
เลือดพุ่งออกจากปากของบุตรแห่งโชคชะตาฉู่อย่างต่อเนื่อง จนพื้นเปียกโชกในทันที
ในเวลานี้ฉู่เชิ่งแทบจะเป็นสุนัขที่ตายข้างถนนแล้วถูกเกวียนไถไปกับพื้นจนไม่สามารถขยับได้เลย
“ช่างเถิด เขาไม่น่าจะรู้เรื่องด้วยหรอก”
ในที่สุดจักรพรรดินีก็ปริปาก
มู่พ่านซานจึงระงับความโกรธ แรงกดดันทั่วห้องโถงทั้งหมดลดลงไม่น้อย
ทันใดนั้นองครักษ์ใหญ่ก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากถาม “มรดกเจตจำนงแห่งดาบที่เจ้าว่า อยู่ที่ไหน?”
ฉู่เชิ่งหอบระรัว ร่างกายราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ในแต่ละลมหายใจความเจ็บปวดเจาะเข้าไปในปอด
เมื่อได้ยินคำถามของมู่พ่านซาน ศิษย์เอกบรรพชนดาบกล่าวด้วยความยากลำบากว่า “ด้านใต้ของวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม”
มู่พ่านซานหรี่นัยน์ตาพร้อมจิตสังหารกลับมาอีกครั้ง
ปรากฏภาพคลื่นพลังรอบตัวขององครักษ์ใหญ่ เกิดเป็นแส้ยาวที่ควบแน่นด้วยพลังวิญญาณที่สะบัดออกไปอย่างแรงเฆี่ยนตีฉู่เชิ่ง
แส้ยาวเฉือนเนื้อเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายและการโจมตีอย่างหนักหน่วงคล้ายกับจะทำให้ทั้งร่างแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ฉู่เชิ่งไม่สามารถหลบการสะบัดแส้ได้เลย เขาปลิวตามแรงฟาดออกไปหลายสิบจั้งจนกระแทกเข้ากับกำแพงห้องโถงอย่างแรง
พรูด!
ฉู่เชิ่งอาเจียนเป็นเลือดจำนวนมากอีกครั้ง และทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าล้วนพร่ามัว
เสียงของมู่พ่านซานดังขึ้นข้างหู “ฉู่เชิ่ง เจ้าบังอาจมากที่เข้าไปในสุสานราชวงศ์แดนมัชฌิม!”
“เมื่อข้าเจอตัวลู่หยวนแล้วข้าจะกลับมาฆ่าเจ้า!”
หลังจากนั้นหลายอึดใจ มู่พ่านซานก็พาจักรพรรดินีออกจากที่นี่
ในห้องโถง ฉู่เชิ่งเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เขานอนหมอบอยู่บนพื้นราวกับซากสุนัข กระดูกทั่วร่างกายแทบแตกหักทั้งหมด และสติก็ค่อย ๆ เลือนราง
แต่เขายังคงไม่หลับตา สิ่งเดียวที่คิดอยู่ภายในสมองก็คือลู่หยวนและมู่พ่านซาน
ตราบใดที่เขาคนนี้โชคดีพอที่จะมีชีวิตรอด ในอนาคตเขาจะตอบแทนสิ่งที่คนเหล่านี้ทำกับเขาคืนไปเป็นเท่าตัว!
หลังจากเวลาผ่านไปไม่รู้เท่าใด ฉู่เชิ่งก็หมดสติไปโดยสมบูรณ์
ภายในห้องโถงมืดสนิท เงียบงันราวกับได้ยินเสียงเข็มหล่น
เลือดของฉู่เชิ่งไหลลงสู่พื้น และหลังจากผ่านไปหลายอึดใจ มันก็ค่อย ๆ ไหลลงสู่ร่องที่อยู่ไม่ไกล
ครืนนน!
เสียงแปลก ๆ ดังขึ้น จากนั้นเปลวไฟโดยรอบก็ลุกโชนขึ้น
เลือดที่เข้าไปในร่อง ไหลอย่างรวดเร็วไปยังรูปปั้นหินในระยะไกล
เลือดกระจายไปตามร่อง เคลื่อนไปที่เท้าของรูปปั้นหิน จากนั้นไหลย้อนขึ้นไปในปากของรูปปั้นหินทีละน้อย
ทันใดนั้น ดวงตาของรูปปั้นหินก็เปล่งสีแดงทันใด
ในเวลาเดียวกันในห้องโถงใหญ่ เงาเลือนรางร่างหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าฉู่เชิ่งและเสียงแหบแห้งก็ดังขึ้น “เป็นเจ้าเด็กนี่ครอบครองเส้นชีพจรเพลิงวิญญาณ! นอกจากนี้ยังมีมรดกของเจตจำนงดาบและเพลิงเหมันต์สงัด ไม่เลว ไม่เลว!”
“แม้ว่าจะห่างไกลจากเพลิงสวรรค์ของเผ่าวิหคเพลิงของข้า ทว่าเมื่อข้าได้เลือดและวิญญาณที่เหลืออยู่อีกครั้ง นั่นหมายถึงเจ้าและข้ามีโชคชะตาต่อกัน”
เงานั้นก้าวไปข้างหน้าและชี้นิ้วเลือนรางไปที่หน้าผากของฉู่เชิ่งโดยตรง “ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาเพลิงวิญญาณนี้และร่องรอยเพลิงสวรรค์ให้กับเจ้า!”
แสงสีแดงวาบเข้าที่หน้าผากของฉู่เชิ่ง
เงาลวงตาค่อย ๆ หายไป และพลังประหลาดก็ห่อหุ้มเขาไว้ แสงสีเขียวเรืองรองล้อมรอบฉู่เชิ่ง ก่อนร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ลู่หยวนซึ่งสลับที่กับฉู่เชิ่งเพิ่งลงมาถึงพื้น ระบบก็ส่งเสียงขึ้นในใจของเขา
[ระบบแจ้งเตือน แลกยันต์สลับที่เสร็จสิ้น ค่าชะตาวายร้ายของท่านลดลง 5,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านในปัจจุบันคือ 34,000 แต้ม!]
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ที่นี่ไม่เหมือนสถานที่ซ่อนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดฝีมือหลงเหลือทิ้งไว้เลยสักนิด
ทว่าลู่หยวนไม่ได้คิดมาก เขาเปิดแหวนเก็บของ และใส่สมุนไพรวิญญาณ โอสถ อาวุธ และสมบัติทั้งหมดในห้องโถงลงไป