ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 298 หอกสีทองโหมกระหน่ำ วิหคเพลิงสิ้นชีพ
บทที่ 298 หอกสีทองโหมกระหน่ำ วิหคเพลิงสิ้นชีพ
บทที่ 298 หอกสีทองโหมกระหน่ำ วิหคเพลิงสิ้นชีพ
หอกสีทองฟาดเข้าใส่ศีรษะของวิหคเพลิงจนเกิดเสียงดังสนั่น
พลังอันแข็งแกร่งปรากฏขึ้นแล้วกระจายออกทุกทิศทาง ทำให้สั่นสะเทือนทั่วทั้งแปดทิศ
วิหคเพลิงสยายปีก ปรากฏเพลิงสวรรค์รอบข้างพลันกลายเป็นงูยักษ์ ร่างยักษ์ของมันม้วนขดก่อนพุ่งออกไปหมายจะกัดลู่หยวน
“ยังจะดิ้นรนอีกหรือ?!”
ลู่หยวนยิ้มหยันขณะกุมหอกด้วยสองมือ
มังกรทั้งเก้าตัวลอยขึ้นแล้วพันรอบมือของเขา
หอกยาวพลันหนักอึ้งขณะพื้นที่รอบข้างพังทลาย ทำให้กลบเสียงร้องของวิหคเพลิง
ลู่หยวนกำมือจนเส้นโลหิตปูดขึ้นบนหลังฝ่ามือทั้งสอง
เขารวบรวมกำลังแล้วยกขึ้น ทำให้หอกขยับเล็กน้อย
ทันใดนั้น พลังอันบ้าคลั่งและป่าเถื่อนก็ระเบิดออกจากหอกยาว เพียงชั่วครู่ ฟ้าดินราวกับถูกบางสิ่งสะกดเอาไว้
แรงกดดันอันน่าสะพรึงไร้ที่สิ้นสุดเคลื่อนลงมาจากที่ใดไม่ทราบก่อนจะกดทับทั่วหล้า
พื้นดินทรุดลงไปหลายลี้ทันที
สรรพสิ่งที่ถูกพลังนี้บดขยี้กลายเป็นผุยผง กองรวมกันเป็นพื้นดินอีกชั้น
บนหน้าผากของลู่หยวนปรากฏเส้นโลหิต ขณะที่กุมหอกไว้มั่นด้วยสองมือ คล้ายกับพยายามยกมันขึ้นอย่างสุดกำลัง
วิหคเพลิงซึ่งอยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้นมองมังกรทั้งเก้าที่รวมตัวกันอยู่รอบหอกในมือของอีกฝ่าย มันรู้สึกกลัวจึงอยากหันหลังหลบหนี
“คิดจะหนีหรือ?!”
“เก้ามังกร ทะยาน!”
ลู่หยวนยกหอกขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วฟาดลงไปอย่างรุนแรง
ปัง!
หอกฟาดลงมาที่ศีรษะวิหคเพลิงก่อนที่มันจะมีเวลาถอยหนี จนเกิดเสียงกระแทกดังสนั่น
ปัง! ปัง! ปัง!
หอกฟาดวิหคเพลิงผ่านห้วงอากาศ จนมันดิ่งลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่น ควันธุลีลอยขึ้นจนกระทั่งครอบคลุมรัศมีสิบลี้!
ก่อนที่ร่างของลู่หยวนจะฝ่าเข้ามา ส่งแรงกดดันอันทรงพลังกดทับมันไว้อีกครา
เขาถือหอกด้วยมือข้างหนึ่ง โดยมีวิหคเพลิงแน่นิ่งอยู่แทบเท้า ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
จักรพรรดินีที่ใช้อาวุธวิเศษปกป้องตัวอยู่ห่างออกไป ได้เป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่สยบวิหคเพลิงได้
เมื่อมองไปอีกครั้งก็พบว่าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นไม่เคลื่อนไหว เพลิงสวรรค์รอบข้างมอดดับ พร้อมกับโลหิตที่ไหลนองทั่วพื้น
ผ่านไปสักพัก ร่างของวิหคเพลิงพลันสั่นสะท้าน โลหิตบนพื้นเริ่มเคลื่อนไหวกลับเข้าร่าง
ร่างขนาดใหญ่ของมันเริ่มขยับเล็กน้อย
ยามนี้จักรพรรดินีนึกถึงทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้ริมฝีปากสีแดงขยับเล็กน้อย ขณะที่สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
สภาพของวิหคเพลิงคล้ายกำลังจะเกิดใหม่จากเถ้าถ่าน เพื่อฟื้นจากความตาย!
หมายความว่า… ลู่หยวนเพิ่งฆ่ามันไปแล้วครั้งหนึ่งงั้นหรือ?!
ไม่ใช่!
มันตายเพราะหอกต่างหาก!
ตามบันทึกของแผ่นดินหยวนหง มีสัตว์เทวะที่ไหนถูกหอกฟาดจนตายเล่า?!
สัตว์เทวะคือนามอันสูงส่งไม่ใช่หรือไร?!
แต่เจ้านกนี่กลับถูกหอกฟาดตายเยี่ยงเดรัจฉานหรือ?!
หากเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟัง ย่อมไม่มีใครเชื่อ!
ลู่หยวนยืนถือหอกไว้ขณะร่างมหึมาใต้เท้าเริ่มลอยขึ้น พร้อมกับเสียงระบบดังขึ้นในใจ
[แจ้งเตือนจากระบบ ร่างวิหคเพลิงพยายามฟื้นคืนชีพอีกครั้ง! ขอแนะนำให้ท่านเริ่มช่วงชิงพลังของมัน!]
หอกในมือของลู่หยวนพลันหายไป ส่วนวังไฉ่กลับมาอยู่ที่แขนของเขา มันอ้าปากหาวขณะขดตัว ไม่ช้าก็ผล็อยหลับไป
การกลายร่างเป็นหอกต้องใช้พลังมหาศาล จึงทำให้มันเหนื่อยล้า
ส่วนมังกรทั้งเก้าตัวยังวนเวียนไปมาโดยไม่รบกวนวังไฉ่ ก่อนจะประทับตัวเองลงบนเกล็ดมังกรของอีกฝ่ายแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกัน
ลู่หยวนหยิบโอสถออกมาแล้วสะบัดไปทางอูโจ้วผู้อยู่ในสภาพปางตาย
เมื่อโอสถตกลงตรงหน้า อูโจ้วจึงใช้กำลังเฮือกสุดท้ายคลานไปข้างหน้าเพื่อกลืนมันเข้าไป
คลื่นความร้อนปรากฏในท้องของเขา ปราณวิญญาณอันทรงพลังพลันโคจรอยู่ภายในทะเลลมปราณ ทำให้บาดแผลบนร่างเริ่มสมานตัว
แม้กระทั่งสองแขนที่ขาดไปถึงกับเริ่มงอกขึ้นมาใหม่!
ผ่านไปหลายอึดใจ อูโจ้วมองสองแขนที่งอกมาใหม่แล้วลองขยับด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ข้าได้มือกลับมางั้นหรือ?!”
อูโจ้วตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่สองที
สิ้นเสียงตบสองฉาดนั้น ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยมือสีแดง
“เป็นเรื่องจริง! ไม่ใช่ฝัน!”
อูโจ้วบังเกิดความยินดีขณะที่คุกเข่าคำนับลู่หยวน “ขอบคุณนายท่าน! ขอบคุณนายท่าน!”
ลู่หยวนเหลือบมองอูโจ้ว ก่อนหันไปสนใจจักรพรรดินี “อูโจ้ว ข้ามีบางอย่างจะให้เจ้าทำ”
เมื่อสิ้นคำ อูโจ้วเงยหน้าอย่างรู้งาน “เชิญนายท่านว่ามาได้เลย ขอรับ!”
“เฝ้านางไว้”
ลู่หยวนกับจักรพรรดินีสบตากัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจความหมาย
“น้อมรับคำสั่งนายท่าน!”
อูโจ้วคำนับอย่างจริงใจ
ดวงตาที่สามปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของลู่หยวน เมฆเหนือสวรรค์ทั้งเก้าพลันกลายเป็นสีแดงก่อนจะเคลื่อนเข้าหากัน รูปร่างของพวกมันประหนึ่งปากยักษ์ถาโถมลงมาเพื่อกลืนกินร่างวิหคเพลิงเข้าไป
เมฆาขนาดใหญ่ปกคลุมสองร่างจนสิ้น แม้แต่กลิ่นอายก็ไม่อาจเล็ดลอดไปได้
แรงกดดันภายในดินแดนลับล้วนหายไป
จักรพรรดินีเก็บอาวุธวิเศษ สายตาคู่งามของนางจับจ้องไปยังหมู่เมฆที่เคลื่อนลงมาพลางคิ้วขมวด
นางไม่อาจคาดเดาสิ่งที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะทำได้
การขังตัวเองกับวิหคเพลิงเอาไว้แบบนั้น จะมีประโยชน์อันใด?!
หรือจะเปิดศึกกันอีกรอบ?!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไม่น่าจะใช่คนโง่ เขาน่าจะทราบว่าหากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ร่างอมตะของวิหคเพลิงจะต้องสร้างแรงกดดันให้เขาอย่างแน่นอน!
แล้วเขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?!
จักรพรรดินีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงเกิดความลังเล นางกุมเครื่องรางช่วยชีวิตทั้งสองชิ้นไว้ ก่อนจะเดินไปยังจุดที่มีเมฆสีแดงปกคลุม
ตอนนี้เองที่อูโจ้วเข้ามาขวางนางเอาไว้
เขาเผยรอยยิ้มหยัน ขณะที่เอื้อมมือออกไปขวาง “จักรพรรดินี นายท่านมีคำสั่งว่าให้พระองค์อยู่ที่นี่ ห้ามไปไหน”
จักรพรรดินีขมวดคิ้วและกำลังจะฝ่าออกไป แต่อูโจ้วกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ขณะร่างของคุนเผิงปรากฏที่ด้านหลัง ร่างของมันสูงใหญ่เสียจนสามารถทะลวงท้องนภาได้!
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเต็มไปด้วยการคุกคาม “จักรพรรดินี กระหม่อมขอเตือนอีกครั้ง นายท่านต้องการให้พระองค์อยู่ที่นี่ หากไม่เชื่อฟังก็เตรียมรับผลจากการกระทำได้เลย!”
สายตาของจักรพรรดินีหมองหม่นขณะที่ครุ่นคิดโต้กลับ นางแตะกำไลข้อมืออย่างเงียบงัน
“หากเจ้าอยากเรียกเจ้าเฒ่าเนี่ยอิ่งผู้นั้น ก็ทำได้เลย!”
เสียงของอูโจ้วยังคงดังต่อไป “แม้ข้าจะเอาชนะเขาไม่ได้ แต่ถ้าให้ยื้อไว้ให้นายท่านก็ยังพอทำได้อยู่!”