ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 306 ยั่วยุตระกูลชิว
บทที่ 306 ยั่วยุตระกูลชิว
บทที่ 306 ยั่วยุตระกูลชิว
ผ่านไปสักพัก สมาชิกตระกูลชิวบางส่วนก็เดินเข้ามาพร้อมเทียบเชิญจำนวนมาก ก่อนจะถูกวางไว้ข้างชิวหลิง
นางเห็นดังนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ทำไมถึงยังมีมาอีก? ข้าเพิ่งได้รับเทียบเชิญจากตระกูลและสำนักมีชื่อเสียงในแดนมัชฌิมมาเองนะ!”
“หากเป็นตระกูลและสำนักไร้ชื่อส่งคำเชิญมา พวกเจ้าก็ปัดทิ้งไปให้หมด พวกเขาที่มีสถานะเช่นนั้นสมควรเป็นฝ่ายมาเชื้อเชิญตระกูลชิวงั้นหรือ?!”
สมาชิกตระกูลชิวจำนวนมากมีสีหน้าขมขื่นแล้วมองหน้ากัน จากนั้นเอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่เทียบเชิญจากตระกูลหรือสำนัก แต่เป็นคำเชิญส่วนตัวขอรับ”
“ส่วนตัวหรือ?”
ชิวหลิงตกตะลึง
ยามนี้ตำแหน่งของพวกขาถูกเปิดเผยแล้ว จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงคำเชิญจากตระกูลและสำนักได้
ประการแรกเป็นการเชื้อเชิญตามมารยาท ประการที่สองก็เพื่อทดสอบวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่
แต่ใครเป็นผู้เชิญพวกเขาเป็นการส่วนตัว?
ชิวหลิงก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วรับเทียบเชิญดังกล่าวมาดู
หลังจากพลิกอ่านสองสามชุด มือของนางที่ถือเทียบเชิญก็กลายเป็นสีขาวซีด ทั่วทั้งร่างเริ่มสั่นเทาด้วยโทสะ
นางขว้างเทียบเชิญลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด “มากเกินไปแล้ว! เทียบเชิญพวกนี้ต่างถูกส่งมาโดยพวกลูกผู้ดีมีเงินจากตระกูลทั้งหลายในแดนมัชฌิม!”
“คนกลุ่มนี้ไม่เคยชอบคบค้าสมาคมกับตระกูลชิว แต่วันนี้พวกเขาต่างส่งเทียบเชิญมาพร้อมกัน ต้องมีผู้อื่นให้การแนะนำเป็นแน่!”
ชิวหลิงครุ่นคิดสักพักก่อนจะนึกถึงชื่อหนึ่งขึ้นมา
“ฮ่วนซิงไป๋!”
ชิวหลิงกัดฟัน ต้องใช้เวลาพักใหญ่จึงจะจัดการกับงานเลี้ยงของตระกูลและสำนักเหล่านั้นได้
เทียบเชิญที่ลูกผู้ดีมีเงินเหล่านี้ส่งมายิ่งเป็นปัญหามากกว่า!
“ฮ่วนซิงไป๋ผู้นี้แสบนัก! พอเดินทางมาถึงตระกูลชิวก็สร้างเรื่องราวเสียใหญ่โต!”
ใบหน้าของชิวหลิงเต็มไปด้วยโทสะ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเขา!
หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายนั่งรถม้าหยกวนรอบแดนมัชฌิมอย่างหยิ่งยโส คงไม่มีตระกูลใดล่วงรู้ว่าตระกูลชิวมาถึงที่นี่!
ตัวหมากที่พวกเขาเสียเวลาวางไว้ทั้งวันกลับไม่เกิดผล!
เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งวัน แต่ชิวหลิงก็ได้รับข่าวคราวมากมาย ซึ่งตัวหมากทั้งหลายที่นางทิ้งไว้ในตระกูลเหล่านั้นตอนแรกได้ถูกทำลายสิ้น!
หลังจากพวกเขาทราบว่าตระกูลชิวเข้าสู่แดนมัชฌิมแล้วก็เริ่มทำการตรวจสอบด้วยตัวเอง ทำให้ผู้มาใหม่ทั้งหลายถูกจับกุมในคราวเดียว!
ชิวเฟิงจู้นั่งลงบนเก้าอี้ขณะเอามือขวาก่ายหน้าผาก อาการปวดหัวยิ่งรุนแรง
หลังจากอาการทุเลาลงแล้ว นางจึงเอ่ยออกมา
“เจ้าแน่ใจหรือว่าฮ่วนซิงไป๋เป็นผู้วางแผนเรื่องทั้งหมดนี้?”
น้ำเสียงของชิวเฟิงจู้สงบ ไร้ซึ่งโทสะ
“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร?!”
“การที่ยามนี้ตระกูลชิวเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบากก็เป็นเพราะฮ่วนซิงไป๋นั่นแหละ!”
“เป็นเพราะเขา ถึงทำให้ตระกูลทั้งหลายค้นพบพวกเรา บัดนี้พวกเขาพากันเชื้อเชิญในช่วงเวลาที่ไม่เหลื่อมล้ำกัน ยิ่งเป็นการถ่วงเวลาเข้าไปใหญ่! การที่พวกเขาจะบังเอิญเลือกเวลาจัดงานเลี้ยงไม่ซ้ำกันจะเป็นไปได้อย่างไร! ต้องมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่ผิดแน่! ทั่วทั้งแดนมัชฌิม ใครเล่าจะมีความสามารถในการทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้?!”
“แล้วก็คำเชิญส่วนตัวพวกนี้ล้วนมาจากลูกผู้ดีมีเงินในแดนมัชฌิม คนพวกนี้ต่างสนิทสนมกับฮ่วนซิงไป๋!”
“ถ้าเขาไม่ได้ทำแล้วจะเป็นใครไปได้อีก?!”
ทุกคำพูดของชิวหลิงนับว่ามีเหตุผล
“ฮ่วนซิงไป๋หรือ?”
ชิวเฟิงจู้ยิ้มหยันก่อนมือที่ก่ายหน้าผากไว้จะเคลื่อนลง
“แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องราวทั้งหมดนี้”
“แต่เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะกุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้ในมือ!”
“จะต้องมีคนอื่นที่คอยขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้อยู่เบื้องหลังแน่นอน!”
ชิวเฟิงจู้นิ่งไปสักพัก จากนั้นหันมามองเทียบเชิญบนพื้นแล้วถอนหายใจเล็กน้อย “รีบคัดแยกเทียบเชิญเหล่านั้นตามช่วงเวลาจัดงานเลี้ยง แล้วจัดระเบียบให้เหมาะสม หลังอ่านจบแล้วข้าจะจัดการที่เหลือเอง”
ในเมื่อเทียบเชิญเหล่านี้ถูกส่งมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ต้องไปร่วมงานเลี้ยง
แม้จะต้องใช้เวลาสักระยะ แต่หลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว พวกเขาก็ยังพอมีเวลาจัดการธุระต่อ!
ชิวหลิงทำได้เพียงสะกดโทสะขณะหยิบเทียบเชิญบนพื้นขึ้นมา แล้วเตรียมคัดแยกพวกมัน
ชิวเฟิงจู้ลุกขึ้นเตรียมจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
ทันใดนั้น!
พลังอันมหาศาลทะยานขึ้นสู่ท้องนภา
ชิวเฟิงจู้เงยหน้ามอง ก่อนพบกับเงาหอกขนาดใหญ่กำลังบดขยี้ท้องนภา ทำให้ชั้นอากาศโดยรอบแตกสลายก่อนจะหยุดนิ่งอยู่นอกตระกูลชิว
หลังจากข้ารับใช้แต่ละตระกูลผู้รอคำตอบอยู่รอบตระกูลชิวสัมผัสถึงพลังบนท้องนภา พวกเขาจึงพากันหลบหนี
ขณะที่เงาหอกเคลื่อนผ่าน สายตาของชิวเฟิงจู้เต็มไปด้วยความเย็นชา นางยกมือขวาขึ้น แล้วพลังวิถีคุณธรรมอันน่าเกรงขามก็พุ่งออกไป
พลังก่อตัวเป็นรูปร่างเงากระบี่นับพัน
“เงากระบี่ ไป!”
สิ้นคำของชิวเฟิงจู้ เงากระบี่นับพันก็พุ่งเข้าหาเงาหอกบนท้องนภา
ฟ้าว! ฟ้าว! ฟ้าว!
เงากระบี่ส่งเสียงหวีดหวิว เข้าปะทะกับเงาหอกเพียงชั่วพริบตา
ตู้ม!
พลังทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
เสียงระเบิดดังสนั่นกลางนภา อากาศสั่นสะเทือน พร้อมหลุมดำนับไม่ถ้วนเริ่มปรากฏในจุดที่พลังทั้งสองปะทะกัน
ปราณวิญญาณกำลังไหลย้อนกลับเข้าสู่หลุมดำ จนเติมเต็มความว่างเปล่าทั้งหมด
“ใครกัน?!”
ชิวเฟิงจู้ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดขณะที่พลังรอบข้างยังคงเพิ่มขึ้น
ยามนี้ไม่มีใครในแดนมัชฌิมที่ไม่ล่วงรู้ว่าตระกูลชิวอยู่ที่นี่
ในเวลาเช่นนี้ยังมีคนกล้ามายั่วยุถึงที่ นี่เท่ากับเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อพวกเขาอย่างสมบูรณ์!
ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดมาจากท้องนภา กระทั่งไม่มีการเคลื่อนไหวรอบข้าง
ทั่วแดนมัชฌิมรับรู้ถึงการเผชิญหน้าระหว่างสองกองกำลัง บางคนที่มีฝีมือเริ่มกระตุ้นรากฐานการบ่มเพาะ ก่อนมุ่งหน้าสู่ใจกลางแรงระเบิดที่เพิ่งจะปรากฏขึ้น
ผ่านไปเพียงหนึ่งถ้วยชา ผู้คนจำนวนมากต่างรวมตัวกันนอกจวนตระกูลชิว
ชิวเฟิงจู้รอสักพัก แต่ก่อนจะทันมีใครออกมา นางก็เอ่ยเย้ยหยัน “เป็นพวกเต่าหัวหดหรือไร? กล้าทำแต่ไม่กล้ารับอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าจะให้เวลาเจ้าปรากฏตัวสามอึดใจ หาไม่แล้วก็เตรียมเป็นศัตรูกับตระกูลชิวได้เลย!”
ชิวเฟิงจู้ชำเลืองมองรอบข้าง แต่ยังไม่พบการเคลื่อนไหวใด
“หนึ่ง!”
ชิวเฟิงจู้เอ่ยอย่างเนิบช้า ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา ทว่ายังคงไม่มีใครก้าวมาข้างหน้า
“สอง!”
รอบข้างยังคงเงียบสงัด
“สาม!”
ชิวเฟิงจู้เอ่ยว่าสามออกมา
“ดีมาก สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ตระกูลชิวจะจำไว้!”
“เจ้ามายั่วยุพวกข้าในวันนี้ เท่ากับตั้งตนเป็นศัตรูกับตระกูลชิว! เรื่องในวันนี้ไม่มีวันจบสิ้น! ภายภาคหน้าก็จงระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”
สิ้นคำพูดอันหนักแน่น ชิวเฟิงจู้ก็กำลังจะถอยกลับ
แต่เสียงผู้หญิงเย็นชาดังมาจากสวรรค์ทั้งเก้า “ระวังตัวเอาไว้ให้ดีงั้นหรือ?”
“นั่นมันคำพูดของข้าต่างหาก!”
ชิวเฟิงจู้หันกลับมา พลันพบร่างหนึ่งอยู่ในท้องนภาพร้อมหอกคู่ใจ อีกฝ่ายสวมชุดสีแดงประหนึ่งเปลวเพลิง ในมือถือสิ่งใดไม่ทราบ ทำให้ผู้คนต้องจับจ้อง
ชิวเฟิงจู้หรี่ตา คนผู้นี้หาใช่คนแปลกหน้าในสายตาของนางไม่!
“หลิงอวิ๋นหรือ?!”